บทที่ 4
ร้านอาหารไทยเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใจกลางกรุงโรม คราคร่ำไปด้วยลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่างก็แวะเวียนมาชิมอาหารไทยฝีมือเลิศรสของคุณอัปสราหญิงหม้ายวัยห้าสิบปีเศษ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้มีแขกมากเป็นพิเศษ ทั้งเจ้าของร้าน ทั้งเด็กเสริฟต่างก็วิ่งวุ่นกับการต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามาในร้านไม่ได้ขาดสาย
พิมพ์อัปสรหรือแองจี้ อีกหนึ่งนางอัปสราผู้เลิศเลอโฉมไม่แพ้คนพี่ ต้องแอบไปหลบพักเหนื่อยอยู่หลังร้านอาหาร เพราะต้องเดินเสริฟและคอยต้อนรับแขกเกือบทั้งวันทำให้หญิงสาวถึงกับเมื่อยล้าปวดตามน่องขาจนแทบจะยืนไม่ไหว น้ำใบเตยสีเขียวอ่อนเย็นเจี๊ยบในแก้วใบใหญ่ช่วยทำให้เธอสดชื่นขึ้นหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยมานานหลายชั่วโมงตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน
ใบหน้างามรูปไข่ จมูกเล็กๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าเป็นคนรั้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบดูแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติทำให้หนุ่มอิตาเลี่ยนหลงใหลมานักต่อนักแล้ว แต่หญิงสาวไม่เคยยอมให้ใครได้เข้าใกล้ชิดหรือเปิดโอกาสให้หนุ่มอิตาเลี่ยนได้เข้ามาครอบครองหัวใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดราวกับว่าดวงใจดวงนี้กำลังรอคอยใครสักคนซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ ณ แห่งหนใด
เมื่อได้พักผ่อนหายเหนื่อยบ้างแล้วหญิงสาวก็เปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเช็คอีเมล์พอได้เเห็นเมล์ของคนที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อเกือบทุกวันก็ทำให้เธอต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พี่สาวเธอส่งอีเมล์มาเล่าเรื่องราวความเคลื่อนไหวในเมืองไทยให้เธออ่านเหมือนดังทุกวัน ใบหน้างามแย้มยิ้มตลอดเวลาที่กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คและเมื่ออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย เธอถึงกับร้องกรีดด้วยความดีใจรีบอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตาเธอไม่ได้ฝาดไป
‘ปล. พี่ได้ส่งเช็คของขวัญมาให้แองจี้พร้อมกับโปสการ์ดด้วย ถ้าแองจี้ตกลงมาเมีองไทย พี่จะหยุดงานสักสามเดือน พาแองจี้เที่ยวเมืองไทยให้ฉ่ำปอดไปเลย’
“โปสการ์ดกับเช็คของขวัญงั้นหรือ?”
พิมพ์อัปสรเอ่ยพึมพำด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เห็นมีโปสการ์ดมาถึงมือเธอสักใบ นับคร่าวๆ จากวันที่พี่สาวส่งอีเมล์มาโปสการ์ดก็น่าจะมาถึงกรุงโรมได้แล้ว เธอรีบปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเอาไปซ่อนไว้ในกระเป๋าใบใหญ่เพราะการที่เธอติดต่อกับพี่สาวยังเป็นความลับที่มารดายังไม่ได้รับรู้ ร่างโปร่งบางระหงรีบสอยเท้าออกทางด้านหลังร้านแล้ววกกลับไปดูโปสการ์ดที่กล่องรับจดหมายหน้าร้าน
ใบหน้างามหวานซีดเผือดถอดสีด้วยความผิดหวังเมื่อปราศจากจดหมายหรือโปสการ์ดใดๆ ในกล่องจดหมายไม้สัก หญิงสาวเดินคอตกเข้ามาในร้าน แต่เมื่อเหลือบสายตาเห็นคาร์ล่าเด็กเสริฟในร้านเธอก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทันที
“คาร์ล่า”
พิมพ์อัปสรกระซิบเรียกเด็กสาวเสียงแผ่วเบาด้วยภาษาอิตาเลี่ยนพร้อมกับดึงแขนอีกฝ่ายให้หลบไปคุยกันด้านหลังเคาร์เตอร์แคชเชียร์
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแองจี้ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย”
คาร์ล่าเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายสาวหันซ้ายหันขวาคอยกวาดสายตามองหาคุณอัปสราผู้เป็นมารดา
พิมพ์อัปสรหันไปมองมารดาที่กำลังสนทนาอยู่กับแขกคนไทยกลุ่มใหญ่ก่อนจะหันมากระซิบถามคาร์ล่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง
“คาร์ล่าเห็นโปสการ์ดของแองจี้บ้างมั้ย มาจากเมืองไทยน่ะ”
“อุ้ยตาย!...คาร์ล่าขอโทษค่ะ คาร์ล่าเป็นคนไปเอามาจากกล่องจดหมายเองค่ะ ว่าจะเอาไปให้คุณแองจี้ตั้งหลายวันแล้วแต่ก็ลืมเสียสนิทเลย“ เด็กสาวยกมือทาบอกแสดงอาการตกอกตกใจพร้อมกับเอ่ยขอโทษเจ้านายสาวเสียงอ่อย
“อยู่ไหนคาร์ล่า ไปเอามาให้แองจี้เดี๋ยวนี้เลย”
พิมพ์อัปสรเอ่ยสั่งจนเกือบเป็นตวาดด้วยความใจร้อนอยากเห็นโปสการ์ดที่พี่สาวส่งมาให้ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้เธอก็รีบกระซิบถามเด็กเสริฟด้วยความเป็นกังวล
“คุณแม่รู้เรื่องโปสการ์ดหรือเปล่าคาร์ล่า”
“ไม่รู้ค่ะ เพราะคาร์ล่าไปหยิบโปสการ์ดก่อนที่คุณอัปสราจะมาถึงร้านค่ะ คุณแองจี้สบายใจได้เลยค่ะ เรื่องที่คุณติดต่อกับคุณแอนนี่ คาร์ล่าจะช่วยปิดเป็นความลับ”
คาร์ล่ายิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยปลอบให้เจ้านายสาวสบายใจ
“ขอบใจมากคาร์ล่า โปสการ์ดอยู่ไหน” พิมพ์อัปสรยิ้มบางๆ ให้คนที่เป็นทั้งลูกน้องและเป็นทั้งเพื่อนรัก
“อยู่ในล็อกเกอร์ของคาร์ล่าค่ะ”
“ไปเอาเดี๋ยวนี้เลยคาร์ล่า”
พิมพ์อัปสรเอ่ยสั่งพร้อมกับสาวเท้าก้าวตามเด็กเสริฟเข้าไปยังห้องเล็กๆ ที่มีล็อกเกอร์วางเรียงซ้อนกันราวๆ สิบล็อกเห็นจะได้
คาร์ล่าหยิบกุญแจอันเล็กมาจากกระเป๋าเสื้อจากนั้นก็ไขลูกกุญแจเปิดบานประตูล็อกเกอร์แล้วหยิบสิ่งของที่อยู่ข้างในมาให้เจ้านายสาว
“นี่ค่ะ โปสการ์ดของคุณแองจี้”
มือบางนุ่มเนียนสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบโปสการ์ดแต่ละใบมาดูและอ่านข้อความบรรยายถึงความสวยงามโดดเด่นของภาพที่พี่สาวเธอเขียนกำกับเอาไว้ด้านหลังโปสการ์ด ใบหน้างามระบายไปด้วยรอยยิ้มขณะที่ดูภาพและอ่านข้อความเชิญชวน เมื่อพลิกดูโปสการ์ดเรื่อยๆ นับสิบใบจนมาถึงภาพเด็ดภาพสุดท้ายหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้าง ใบหน้างามนวลละออคลี่ยิ้มกว้างด้วยความตี่นเต้นอยากสัมผัสจับต้องอาชาไนยสวยงามเด่นสง่าที่เห็นอยู่ในภาพ
“ยิปซีแวนเนอร์”
พิมพ์อัปสรเอ่ยพึมพำสายพันธุ์ม้าที่เธอเห็นอยู่ในรูปภาพ ยิปซีแวนเนอร์เป็นม้าลากของชาวยิปซีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ม้าที่สวยที่สุดในโลก ภาพที่เธอได้รับถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นม้าเพศผู้ซึ่งมีสีขาวสะอาดไปทั้งตัว แผงคอยาวเป็นระเบียบอ่อนนุ่มดุจแพรไหม เท้าคู่หน้ายกขึ้นล้อเล่นหยอกเอินกับสายลมท่ากลางขุนเขาและยอดหญ้าสีเขียวขจี