บทที่ 3
ณ คอนโดหรูหร่าแพงลิบลิ่วใจกลางเมืองกรุง หญิงสาวร่างโปร่งบางในชุดอยู่บ้านสบายๆ กำลังเขียนโปสการ์ดถึงน้องสาวที่อยู่ต่างแดน โปสการ์ดแสดงสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงานน่าอัศจรรย์ในเมืองไทยนับสิบๆ แผ่นถูกเขียนบรรยายด้วยถ้อยคำที่เชิญชวนให้น้องสาวมาเที่ยวที่เมืองไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเธอ
‘เนตรอัปสร’ หญิงสาวที่งดงามดุจดังนางอัปสราผู้เลอโฉม โอดองค์อรชรงดงามอ่อนช้อย ดวงตาสกาวสุกสดใส ใบหน้างามเปื้อนยิ้มตราตรึงใจ
หญิงสาวรวบรวมโปสการ์ดที่เขียนเรียบร้อยแล้วมาถือไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปที่ห้องรับแขกซึ่งบัดนี้ถูกครอบครองด้วย ’อิรวดี’ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่กำลังนอนแผ่หลาอย่างสบายใจเฉิบ
อิรวดี สาวประเภทสองรีบผุดลุกขึ้นจากท่านอนเหยียดยาวก่อนจะยิ้มหวานให้เจ้าของห้องแสนสวย
“น้องแอนนี่จะไปไหนคะ”
“แอนนี่จะไปส่งโปสการ์ดที่ไปรษณีย์ค่ะ พี่อิรวดีไปด้วยกันมั้ยคะ”
เนตรอัปสรเอ่ยบอกยิ้มๆ พลางชูโปสการ์ดปึกหนึ่งให้ผู้จัดการส่วนตัวดู
อิรวดียื่นมือไปดึงโปสการ์ดมาจากมือบางแล้วพลิกดูผ่านๆ ตาก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆ
“ส่งไปให้น้องแองจี้อีกแล้วหรือคะ”
“ค่ะ...แอนนี่คิดว่าถ้าแองจี้เห็นโปสการ์ดเหล่านี้ต้องรีบมาเมืองไทยแน่นอน”
เนตรอัปสรอมยิ้มรับคำผู้จัดการสาวที่สวยไม่ต่างจากหญิงแท้ เรื่องที่เธอมีฝาแฝดอยู่ที่กรุงโรมมีแค่พี่อิรวดีเท่านั้นที่รับรู้ จริงๆ แล้วเธอก็ไม่คิดที่จะปิดบังใคร แต่เมื่อไม่มีใครถาม...เธอก็ไม่อยากจะพูดเช่นกัน เพราะความทิฐิไม่เข้าใจกันของพ่อกับแม่ ทำให้เธอต้องพลัดพรากแยกจากน้องสาวตั้งแต่ห้าขวบ แม่พาพิมพ์อัปสรหรือแองจี้ไปอยู่กับญาติที่กรุงโรม ส่วนเธอก็อยู่กับพ่อที่เมืองไทย เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุผลอันใดที่ทำให้แม่โกรธพ่อมากถึงกับให้อภัยไม่ลง แม้ในวันที่พ่อสิ้นใจ แม่ก็ไม่ยอมพาน้องมาเผาศพพ่อ จะมีก็แค่โปสการ์ดแสดงความเสียใจแค่ใบเดียวที่ส่งมาถึงมือเธอ หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากแม่อีกเลย ทุกคราที่เธออ้างว้างโดดเดี่ยว เธอโหยหาสัมผัสที่อบอุ่น เสียงปลอบนุ่มหวานอ่อนโยนของคนที่เป็นแม่ แต่เธอก็ไม่เคยได้รับสิ่งที่ใจปรารถนาแม้สักครั้งเดียว
ตอนที่เธออายุครบยี่สิบปี คุณย่าได้จัดงานวันเกิดให้อย่างใหญ่โต แขกที่มาร่วมงานต่างก็สรรหาสิ่งของล้ำค่ามีราคามาให้เจ้าของวันเกิดแสนสวย แต่สิ่งเหล่านี้เธอไม่ต้องการสักนิด เธอต้องการแค่คำอวยพรสั้นๆ หรือแค่โปสการ์ดราคาไม่กี่บาทจากมารดา เธอจำได้ว่าหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้ว เธอได้แอบโทรศัพท์ไปหามารดาที่กรุงโรม แต่สิ่งที่เธอได้รับคือ แม่ของเธอปฏิเสธที่จะคุยด้วย หลังจากเหตุการณ์วันนั้นแล้วเธอก็ไม่กล้าโทรไปหามารดาอีก จะมีก็แค่การแอบติดต่อพูดคุยกับแองจี้ผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล์บ้าง พิมพ์อัปสรเองก็ไม่เคยขาดการติดต่อกับเธอ แองจี้จะส่งอีเมล์มาหาทุกครั้งเท่าที่เวลาเอื้ออำนวยหรือถ้าหากวันไหนเธอได้รับค่าแรงจากการช่วยแม่ทำงานในร้านอาหารไทยเธอก็จะเจียดเงินเล็กน้อยเพื่อแอบโทรมาหาเธอ
อีกไม่กี่เดือน เธอกับแองจี้ก็จะมีอายุครบยี่สิบหกปี เธออยากให้แองจี้กลับมาเมืองไทย กลับมาฉลองวันเกิดด้วยกันสักครั้งหลังจากที่ไม่เคยมีโอกาสเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอรู้ว่าแองจี้มีเงินไม่มากนักนอกจากเธอจะส่งโปสการ์ดไปให้น้องสาวแล้วเธอจะส่งเช็คของขวัญไปให้น้องสาวเพื่อเป็นค่าเดินทางกลับมาเมืองไทยด้วย
“น้องแอนนี่คะ” อิรวดีสะกิดเบาๆ พร้อมกับเอ่ยเรียกหญิงสาวที่นั่งนิ่งเงียบน้ำตาคลอเบ้า “น้องแอนนี่นั่งเงียบน้ำตาซึมแบบนี้คิดถึงคุณแม่อีกแล้วใช่มั้ยคะ”
อิรวดีเอ่ยถามเบาๆ พลางโอบแขนไปรอบบ่าเนียนที่เริ่มสั่นเทาตามแรงสะอื้นของหญิงสาว เธอรู้จักสนิทชิดเชื้อกับเนตรอัปสรตั้งแต่หญิงสาวเข้าวงการใหม่ๆ และเพราะชะตาต้องกันทำให้เนตรอัปสรว่าจ้างให้เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ซึ่งเธอก็รีบตกลงรับคำทันที เนตรอัปสรไม่เคยปิดบังเรื่องครอบครัวและเล่าเรื่องราวต่างๆ ของน้องสาวที่ชื่อพิมพ์อัปสรให้เธอฟังตลอดเวลา เธอเห็นอกเห็นใจหญิงสาวที่เข้มแข็งคนนี้ ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงนางเอกสาวไม่เคยทำให้เธอลำบากใจเรื่องการปฏิบัติตัวของเธอ ไม่เคยมีข่าวเสียหายออกมาให้เธอตามแก้ข่าวปิดข่าวให้วุ่นเหมือนดาราคนอื่นๆ แม้แต่ชายหนุ่มรูปงามที่ชื่อลักษณ์ ซึ่งเธอได้ข่าวแว่วๆ ว่าเป็นเศรษฐีเจ้าของฟาร์มเพาะม้าอยู่ทางภาคเหนือแอบหลงรักหญิงสาวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่น้องแอนนี่ก็ไม่ยอมเปิดใจรับรักสักที ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอรู้ว่าแอนนี่กำลังกลัวชีวิตครอบครัว เธอกลัวล้มเหลวเหมือนชีวิตคู่ของบิดามารดาซึ่งสุดท้ายก็จบลงด้วยการแยกทางกันทำให้เด็กน้อยตาดำๆ สองคนต้องพลัดพรากจากกันนานถึงยี่สิบปีกว่า...
เนตรอัปสรเอนกายพิงอกอิรวดีอย่างอ่อนล้า ดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวหยาดน้ำใสๆ แพรวพราวคลอเบ้าตาก่อนจะร่วงเผาะลงมาอย่างระงับไว้ไม่อยู่ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยตัดพ้อต่อว่าสั่นเครือจนอิรวดีอดที่จะสงสารไม่ได้
“แอนนี่คิดถึงแม่ อยากรู้ว่าอ้อมกอดของแม่จะอบอุ่นเหมือนของพี่อิรวดีหรือเปล่า ทำไมแม่โกรธพ่อแล้วต้องพาลเกลียดแอนนี่ด้วยคะ แอนนี่คิดถึงแม่อยากจะไปหาแม่ใจจะขาด แต่...แอนนี่กลัวแม่จะไม่พูดกับแอนนี่ กลัวแม่จะไล่”
“พอแล้วค่ะน้องแอนนี่ อย่าต่อว่าท่านเลยค่ะ พี่เชื่อว่าผู้ใหญ่ท่านก็คงจะมีเหตุผลของท่านถึงได้ทำเช่นนี้ แต่ถึงยังไงน้องแอนนี่ก็ยังมีพี่ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นพี่อิรวดีคนนี้ขอยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งน้องแอนนี่เป็นอันขาด และน้องแอนนี่อย่าลืมนะคะว่าน้องแอนนี่ยังมีแองจี้น้องสาวแสนสวยอยู่อีกคน”
อิรวดีเอ่ยปลอบพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาคู่สวยจากนั้นก็ยิ้มหวานนำทางพร้อมกับเอ่ยแซวยิ้มๆ ให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ไม่เอา...เลิกร้องนะคะ เดี๋ยวตาบวมจะถ่ายรูปออกมาไม่สวย ไหนเอาโปสการ์ดมาให้พี่ดูอีกทีสิคะ พี่อยากดูอีกครั้งว่าน้องแอนนี่ส่งภาพไหนไปให้น้องแองจี้บ้าง” อิรวดีร้องขอเสียงนุ่มอ่อนโยน เมื่อสักครู่เธอดูโปสการ์ดแบบผ่านๆ ตาบางแผ่นก็ไม่ได้ดูด้วยซ้ำ
เนตรอัปสรยกมือปาดน้ำตาออกจากดวงตาคู่สวยพยายามฝืนยิ้มหวานให้ผู้จัดการสาวสบายใจก่อนจะยื่นโปสการ์ดให้อีกฝ่าย
“สวยมั้ยคะ แอนนี่พยายามเลือกภาพที่สวยๆ ส่งไปให้แองจี้ดู แอนนี่อยากให้น้องมาเมืองไทยก่อนวันเกิดของเรา แอนนี่กับแองจี้ชอบทะเลเป็นที่สุด จำได้ว่าตอนเด็กๆ พ่อกับแม่พาเราไปเที่ยวหัวหิน เราพากันเล่นน้ำจนตัวดำ ถ้าแม่ไม่ไล่ตีก็ไม่ยอมขึ้นจากน้ำเด็ดขาด”
ภาพความประทับใจในวัยเด็กที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดทำให้เนตรอัปสรหัวเราะออกมาอย่างสดใสร่าเริงได้ในที่สุด
“อืม...ถ้าน้องแอนนี่ชอบทะเล พี่อิรวดีว่าเอาแบบนี้ดีมั้ยคะ หลังจากน้องแอนนี่กลับจากเดินแบบที่อังกฤษแล้ว พี่จะเคลียร์คิวให้หมดเสร็จแล้วเราก็จองบ้านพักที่ปราณบุรีหรือที่หัวหินก็ได้แล้วแต่น้องแอนนี่ จากนั้นเราก็พาน้องแองจี้ไปฉลองวันเกิดที่ทะเลสักอาทิตย์สองอาทิตย์หรือจะอยู่สักเดือนก็ได้ น้องแอนนี่เห็นดีด้วยมั้ยคะ”
“ไปอยู่ตั้งเดือนจะไหวหรือคะ แอนนี่กลัวจะไม่มีเงินจ่ายค่าบ้านพัก”
เนตรอัปสรยิ้มหวานเห็นดีด้วยกับความคิดนี้ เธอตั้งใจไว้ว่าจะพักงานสักสองถึงสามเดือนเพื่อพาน้องสาวท่องเที่ยวให้ทั่วเมืองไทยเอาแบบเหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตกไปเลย
อิรวดียิ้มกริ่มเมื่อได้ยินคำวิตกเรื่องค่าใช้จ่าย เธอหรี่ตายิ้มหวานก่อนจะเอ่ยบอกกลั้วหัวเราะ
“เรื่องค่าบ้านพักน้องแอนนี่อย่าเป็นห่วงไปเลยคะ ลืมแล้วหรือคะว่าพี่อิรวดีมีเด็กๆ ในสังกัดเยอะแยะไปหมด คนล่าสุดที่เซ่อซ่าเดินมาตกหลุมพรางของพี่ ก็เป็นถึงเสี่ยเจ้าของรีสอร์ทที่ปราณบุรี ถ้าน้องแอนนี่จะไปจริงๆ เดี๋ยวพี่อิรวดีจะใช้มายาหมื่นเล่มเกวียนหาที่พักสวยๆ ติดทะเลให้”
เนตรอัปสรหัวเราะเบาๆ กับสุภาษิตทะแม่งๆ หูของผู้จัดการสาว “เนตรเคยได้ยินแต่คำว่ามายาร้อยเล่มเกวียน ไอ้ที่พี่อิรวดีพูดมายังไม่เคยได้ยินสักที”
“แหม!...ไอ้ร้อยเล่มเกวียนเขาจำกัดความไว้สำหรับผู้หญิง แต่สำหรับหญิงเทียมเหมือนพี่ต้องใช้หมื่นเล่มเกวียนถึงจะถูก”
อิรวดีจีบปากจีบคอบอกนางเอกสาวแสนสวย ถึงแม้เธอจะไม่ใช่สาวแท้แต่เธอก็ไม่เคยขาดรัก มีหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่แวะเวียนเข้ามาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยอยู่แทบจะตลอดเวลาแต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีใครรักเธออย่างจริงใจและยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นสักคน
เนตรอัปสรอมยิ้มขำส่ายหน้า กับความเจ้าเล่ห์ของผู้จัดการสาว เธอลุกขึ้นยืนพลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเอ่ยชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“ไปไปรษณีย์กันเถอะค่ะ แอนนี่อยากให้แองจี้เห็นโปสการ์ดเร็วๆ ถ้าแองจี้เห็นโปสการ์ดที่ส่งไปให้รอบนี้แอนนี่คิดว่าน้องคงจะรีบแจ้นมาเมืองไทยแน่นอน”
“น้องแองจี้จะมาหรือคะ ที่กรุงโรมมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามตั้งมากมาย“
อิรวดีเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ ถึงแม้เมืองไทยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามขึ้นชื่อไม่แพ้ประเทศอื่นใด แต่ก็ยังมีบางคนที่นิยมท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าที่จะท่องเที่ยวในประเทศของตนเอง
เนตรอัปสรคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับหยิบภาพภ่ายภาพเด็ดขึ้นมามองนิดหนึ่งจากนั้นก็ยื่นให้พี่อิรวดีได้ชื่นชมบ้าง
“เชื่อแอนนี่เถอะค่ะ ถ้าแองจี้เห็นภาพนี้ต้องรีบเก็บกระเป๋าเดินทางมาเมืองไทยอย่างแน่นอน”
อิรวดีรับภาพถ่ายมาดูครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยถามเสียงสูงด้วยความแปลกใจ
“นี่หรือคะภาพเด็ดของน้องแอนนี่ พี่ดูแล้วก็เป็นแค่ภาพม้าธรรมด๊า...ธรรมดา”
“สำหรับเราๆ คงคิดว่ายังไงก็เป็นภาพม้า แต่สำหรับคนคลั่งไคล้หลงใหลรักม้าที่สุดอย่างแองจี้ ถ้าได้เห็นแล้วคงทำตาโตร้องกรี๊ดลั่นบ้านแน่”
เนตรอัปสรเอ่ยกลั้วหัวเราะ นอกจากทะเลแล้ว แองจี้คลั่งไคล้ม้าเป็นที่สุด ขนาดว่าตอนเด็กๆ เคยไปหัดขี่ม้าและถูกสะบัดตกจากหลังม้าตั้งหลายครั้งก็ไม่เคยเข็ดสักที
“น้องแอนนี่ไปได้ภาพมาจากไหนคะ ถ้าดูดีๆ ก็ถือว่าเป็นม้าที่สวยสง่างามมากๆ” อิรวดีเอ่ยถามพร้อมกับยื่นภาพให้คืน
“มีน้องในกองถ่ายเขาเอามาให้ แอนนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาถ่ายมาจากที่ไหน แต่เห็นน้องเขาบอกว่าเป็นม้าที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก มีอยู่ในเมืองไทยแค่ไม่กี่ตัว ราคาหลักล้านเชียวนะคะ เห็นว่าเจ้าของเขาหวงมาก น้องเขาต้องแอบถ่ายถึงได้ภาพนี้มา”
เนตรอัปสรเอ่ยบอกตามข้อมูลที่เธอได้รับมา มือบางรวบรวบโปสการ์ดไว้ในซองสีน้ำตาลแล้วเอ่ยเร่งผู้จัดการส่วนตัวอีกครั้ง
“ไปกันหรือยังคะ ขืนชักช้าเดี๋ยวไปรษณีย์จะปิดทำการก่อน”
“ไปค่ะ พี่อิรวดีก็อยากให้น้องแองจี้มาเมืองไทยเร็วๆ เหมือนกัน อยากรู้ว่าน้องแองจี้จะสวยน่ารักเหมือนแอนนี่คนนี้หรือเปล่า”
เนตรอัปสรหัวเราะคิกก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ “ถ้าพี่อิรวดีคิดว่าแองจี้จะหวานเหมือนแอนนี่ก็คิดผิดแล้วค่ะ เพราะยายแองจี้ร้ายและก็รั้นที่สุด”
“ถ้างั้นก็ดีสิค่ะ พี่อิรวดีมีบทเด่นๆ หลายบท ถ้าหากน้องแองจี้รับเล่น พี่จะให้เล่นคู่กับน้องแอนนี่เลย รับรอง...ความนี้ดังยิ่งกว่าพลุแตกเสียอีก”
อิรวดีลุกขึ้นตามแรงฉุดของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำตาลเปล่งประกายตื่นเต้นที่จะได้พบหญิงสาวอีกคน ซึ่งเธอแอบหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าเจอตัวเมื่อไรจะชวนมาเล่นละครให้จนได้