บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

พ่อเลี้ยงกระโดดลงจากหลังเจ้าม้าแล้ววิ่งขึ้นไปตามบันไดดินทอดยาวไปถึงตัวบ้านพักสไตส์คันทรีผสม

ผสานสไตส์ล้านนาได้อย่างลงตัวงดงามซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ

“ไอ้ลักษณ์ อยู่ไหนว่ะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก ”

พ่อเลี้ยงตะโกนเรียกนำทางก่อนที่จะเดินไปถึงตัวบ้านพัก เรียวปากสีสดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหน้องชายที่ไม่รู้จักโตสักที

ลักษณ์ ได้ยินเสียงกระแทกเท้าเสียงสบถด่าดังลั่นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงก็รีบตีหน้าเศร้านั่งซบหน้าคู้เข่าอยู่บนโซฟาตัวยาว

พ่อเลี้ยงกระชากประตูห้องรับแขกพร้อมกับกระแทกปิดจนบานประตูแทบจะหลุดออกมาทั้งบาน ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาซีดเผือดเล็กน้อยเมื่อเหลือบสายตาเห็นปืนพกขนาด 9 มม. ของเขาวางอยู่บนโต๊ะกระจก

“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาไอ้ลักษณ์”

พ่อเลี้ยงทรุดตัวลงนั่งติดๆ กับร่างสูงใหญ่กำยำไม่แพ้กันของน้องชายที่เขารักดังดวงใจ มือหนาตบลงไปบนไหล่ที่ห่อเข้าหากันด้วยความเป็นห่วงระคนโมโห

ลักษณ์ค่อยๆ เงยหน้าที่ซีดเผือดหม่นหมองนัยน์ตาเศร้าสร้อยมองพี่ชายครู่หนึ่งก่อนจะซบหน้าลงบนฝ่ามือตนเองเหมือนเดิมโดยไม่พูดอะไรออกมา ในใจคิดว่าอุตส่าห์ลงทุนแสดงละครเศร้าขนาดนี้แล้วขอให้พี่รามเห็นใจทีเถอะ

“จะทำหน้าเศร้าอีกนานมั้ยไอ้ลักษณ์ มีปัญหาอะไรก็รีบบอกมา” พ่อเลี้ยงต่อว่าน้องชายด้วยความรำคาญ ในใจก็นึกเป็นห่วงคนที่นั่งคู้เข่าเศร้าสร้อยอยู่เหมือนกัน

ลักษณ์ยกเท้าลงจากโซฟายังตีหน้าเศร้าเหมือนเดิมก่อนจะเอ่ยบอกพี่ชายเสียงแผ่วเบาเป็นการหยั่งเชิง “บอกแล้วพี่รามต้องช่วยน่ะ”

“ช่วยได้พี่ก็จะช่วย ถ้าหากว่ามันไม่หนักหนาเกินไป” พ่อเลี้ยงแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เต็มปากนัก

“ไม่หนักหนาอะไรเลย ลักษณ์อยากให้พี่รามไปฉุดสาวมาให้หน่อย”

ลักษณ์เอ่ยบอกเสียงราบเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คนฟังและถูกขอร้องแทบจะหงายหลังผึ่งตกจากเก้าอี้ให้ได้

“อะ...อะไรน่ะไอ้ลักษณ์ พูดใหม่อีกทีสิ ตะกี้พี่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไร” พ่อเลี้ยงเอ่ยย้ำด้วยความไม่แน่ใจคิดว่าตนเองหูฝาดไป

“พี่รามฟังไม่ผิดหรอกครับ ลักษณ์อยากให้พี่รามไปฉุดเนตรอัปสรมาอยู่ที่ฟาร์มของเรา”

ลักษณ์เอ่ยย้ำเสียงจริงจัง นัยน์ตาสีดำเต้นระริกแพรวพราวเมื่อเอ่ยถึงสาวที่ตนเองหลงรักมาช้านานหลายปีตั้งแต่สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน

พ่อเลี้ยงหรี่ตาจ้องมองนัยน์ตาคมกริบที่ถอดแบบตนเองมาไม่มีผิดเพี้ยนที่กำลังเต้นระริกก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

“หาคุกให้พี่แล้วน่ะไอ้ลักษณ์”

“ไม่หรอกครับพี่ราม แค่พี่รามพาเธอมาที่ไร่ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวลักษณ์จัดการเอง”

“ทำไมต้องฉุดมาด้วย” พ่อเลี้ยงจ้องมองน้องชายเขม็งพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็...ลักษณ์รักแอนนี่มานานแล้ว เพียรจีบตั้งแต่เรียนมหา’ลัยด้วยกันจนกระทั้งถึงตอนนี้แอนนี่ก็ยังเล่นตัวไม่ยอมรับรักผมสักที”

“แกก็จีบต่อไปสิไอ้น้องชาย เคยได้ยินสุภาษิตที่เขาว่าไว้มั้ย ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก” พ่อเลี้ยงเอ่ยต่อท้ายยิ้มๆ พร้อมกับสอนมวยไปในตัว

“เฮ้อ!...ลักษณ์กลัวว่ากว่าจะครองโลกได้จะถูกสุนัขคาบไปรับประทานเสียก่อนน่ะสิ”

ลักษณ์บ่นกระปอดกระแปดเริ่มหมดหวังท้อแท้ที่จะตามตื้อเนตรอัปสรอีกต่อไป เขาได้ขบคิดวางแผนเรื่องที่จะฉุดเนตรอัปสรมาหลายคืนแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย

พ่อเลี้ยงได้ยินคำบ่นของน้องชายถึงกับหัวเราะขำในลำคอก่อนจะเอ่ยแซวกลั้วหัวเราะ เพราะไม่เคยเห็นน้องชายเป็นแบบนี้มาก่อน

“ท่าทางผู้หญิงคนนี้คงจะสวยเอามากๆ ถึงสามารถทำให้นายลักษณ์ผู้หล่อเหลาสาวๆ รุมตอมกันให้วุ่นได้หลงรักเธอจนหัวปักหัวปำพร่ำเพ้อหาไม่หยุด”

“พี่รามดูรูปเธอเอาเองแล้วกันครับว่าสวยแค่ไหน ยิ่งตอนนี้เนตรอัปสรเขาเป็นดาราดัง ยิ่งทำให้ลักษณ์ไขว่คว้าได้ยากยิ่งขึ้น”

ลักษณ์ยื่นรูปโปสการ์ดขนาดเท่าฝ่ามือให้พี่ชาย น้ำเสียงและสีหน้าเศร้าสร้อยโดยไม่ได้เสแสร้งเหมือนครั้งแรก ทันทีที่เนตรอัปสรเรียนจบก็มีแมวมองเชิญชวนให้ไปเป็นดาราเมื่อละครเรื่องแรกออกอากาศก็ทำให้เธอดังเป็นพลุแตก ความรักความใกล้ชิดที่เขาพอจะหยิบยื่นให้บ้างยิ่งนับวันยิ่งห่างไกล ยิ่งเนตรอัปสรดังเท่าไรเขาก็เข้าใกล้เธอได้ยากเท่านั้น

พ่อเลี้ยงรับรูปภาพมาดูครู่หนึ่งก่อนจะยื่นรูปให้น้องชายคืน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหญิงสาวในภาพถึงทำให้ชายหนุ่มที่เย่อหยิ่ง มั่นใจและหล่อเหลาอย่างน้องชายของเขาถึงได้รักและหลงเธอมากมายถึงเพียงนี้ รอยยิ้มหวานๆ ที่แย้มยิ้มเล็กน้อย เปิดให้ใบหน้ารูปไข่ดูสว่างไสวงดงาม ดวงตากลมโตที่จ้องมองสู้กล้องดูหวานฉ่ำน่าหลงใหลยิ่งนัก เขาถอนหายใจยาวยอมรับว่าหญิงสาวคนนี้สวยเอามากๆ เขาคงจะไม่ผิดหวังถ้าหากเลือกเธอมาเป็นน้องสะใภ้

ลักษณ์รับโปสการ์ดมาถือไว้อย่างทะนุถนอมพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง

“ว่าไงครับพี่ราม ตกลงพี่จะทำตามที่ลักษณ์ขอร้องหรือเปล่า”

“พี่ขอคิดดูก่อนน่ะลักษณ์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผิดพลาดขึ้นมาถึงคุกถึงตะรางเชียวน่ะ”

ลักษณ์ได้ยินคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ของพี่ชายก็ทำหน้าถอดสีลุกขึ้นไปคว้าปืนพกมาถือไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยขู่เสียงจริงจัง

“ถ้าพี่รามไม่ทำตามที่ลักษณ์ขอร้อง...ลักษณ์จะลั่นไกเดี๋ยวนี้”

พ่อเลี้ยงส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะคว้าปืนมาถือไว้เองพร้อมกับใช้ด้ามปืนเคาะที่ศีรษะของน้องชายเบาๆ ด้วยความโมโห

“ปืนไม่มีลูก ถึงยิงถูกก็บ่ตาย คราวหน้าคราวหลังถ้าจะขู่ก็หัดดูตาม้า

ตาเรือซะบ้าง ไอ้น้องชาย!”

ลักษณ์ยิ้มแห้งๆ ที่ถูกพี่ชายจับได้ เขาไม่ใช่คนสิ้นคิดที่ผิดหวังเล็กน้อยก็เอะอะจะฆ่าตัวตายแต่ที่ทำไปก็ต้องการจะแกล้งขู่พี่ชายเท่านั้นและก่อนจะหยิบปืนมาเขาก็สำรวจเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีกระสุนอยู่ในรังเพลิง เขายกมือลูบศีรษะตนเองพร้อมกับทำตาปรอยๆ หวังว่าพี่ชายจะเข้าใจและเห็นใจในความรักของเขาบ้างสักนิดก็ยังดี

“ว่าไงครับพี่ราม จะช่วยหรือไม่ช่วย”

“ทำไมต้องใช้วิธีโบราณเหมือนมนุษย์หินด้วยว่ะ รักใครก็เอาไม้ไปตีหัวแล้วลากมาไว้ในถ้ำ ทำไมแกไม่บอกเธอว่ารัก...แล้วขอเธอแต่งงานให้มันรู้แล้วรู้รอดไป อายุของแกก็มากแล้วน่ะเจ้าลักษณ์ ฐานะทางสังคม การเงินก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าหนุ่มคนอื่น พี่คิดว่ามากกว่าคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำไป”

พ่อเลี้ยงบ่นยืดยาวราวกับคุณครูที่กำลังสอนนักเรียนในชั้นเรียน เขาเชื่อว่าฐานะทางการเงินที่มั่นคงเข้าข่ายเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยคงจะทำให้สาวๆ ตาโตยอมรับรักของน้องชายเขาได้ไม่ยาก

“โธ่!...พี่ราม ถ้าแอนนี่เขาอยากจับผมเหมือนสาวคนอื่นๆ ก็ดีสิครับ แต่นี่ผมทั้งแสดงออกทั้งบอกว่ารักขอเธอแต่งงานตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่แอนนี่ก็ไม่ยอมรับรักผมสักที เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนใจแข็งเหมือนเนตรอัปสรมาก่อนเลย ให้ตายเถอะ”

ลักษณ์สบถออกมาด้วยความลืมตัว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเนตรอัปสรถึงไม่เปิดใจให้หนุ่มๆ คนไหนเลย แม้กระทั่งตัวเขาเอง ทั้งๆ ที่เขาเอ่ยบอกรักเธอนับร้อยครั้ง ยืนยันหนักแน่นว่ารักและต้องการสร้างครอบครัวกับเธอ ไม่ใช่รักเล่นๆ ควงกันไปควงกันมาแล้วก็ประกาศเลิกหน้าตาเฉยเหมือนคู่อื่นๆ

“พี่ว่าแกลองจีบเธออีกสักตั้งดีมั้ยเจ้าลักษณ์”

พ่อเลี้ยงเอ่ยเสนอทางเลือกที่นุ่มนวลกว่าเดิมหลายเท่า จากนั้นก็เดินตรงไปยังมุมบาร์แล้วรินวิสกี้มาสองแก้ว

ลักษณ์รับวิสกี้มาจากพี่ชายแล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้วจากนั้นก็ลุกขึ้นไปรินใหม่อีกครึ่งแก้ว คราวนี้เขายกขึ้นจิบทีละนิดพร้อมกับแอบมองลอดสายตาสังเกตปฏิกิริยาของพี่ชายไปด้วย

“ไม่เอาแล้วพี่ราม เบื่อที่จะพูดแล้ว เล่นตัวดีนัก ลักษณ์จะฉุดมาทำเมียเสียเลย กะว่ารอให้ท้องสักเดือนสองเดือนค่อยขอแต่งงานใหม่ ถึงตอนนั้นเนตรอัปสรคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว ตกลงพี่รามจะช่วยมั้ย”

“ไม่...ไม่ช่วย...แกว่างมากนักหรือไงไอ้ลักษณ์ ถ้าว่างไม่มีงานทำก็ไปช่วยพี่ฝึกม้าที”

“ก็ได้ ถ้าพี่รามไม่ช่วย ลักษณ์จะไปจุดธูปบอกพ่อกับแม่ว่าพี่รามไม่ยอมทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านทั้งสอง แล้วถ้าหากลักษณ์ถูกจับติดคุกพี่รามก็ไม่ต้องไปเยี่ยมเลย”

ลักษณ์เอ่ยทวงถึงคำมั่นสัญญาที่พี่ชายเอ่ยสัตย์สาบานต่อหน้ามารดาก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ เขาแกล้งต่อว่าด้วยความน้อยใจพร้อมกับแอบลอบยิ้มรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้พี่ชายใจอ่อนได้เร็วยิ่งกว่าวิธีอื่น

ในวันที่แม่เลี้ยงดลลดาป่วยหนักใกล้สิ้นใจ แม่เลี้ยงได้ขอร้องให้รามสัญญาว่าจะดูแลลักษณ์ให้ดีที่สุด ซึ่งรามได้เอ่ยสัตย์สาบานพร้อมกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่คลอเบ้ากับการสูญเสียมารดาอันเป็นที่รัก หลังจากที่รามเอ่ยคำมั่นสัญญาแล้ว ไม่กี่นาทีให้หลังแม่เลี้ยงดลลดาก็จากไปอย่างสงบ

เวลาผ่านไปยี่สิบปีกว่าแล้ว รามก็ได้ปฏิบัติให้เห็นประจักษ์แจ้งว่าเขาได้ยึดมั่นทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับบิดามารดาตลอดมา รามไม่เคยขัดใจน้องชาย เขาสนับสนุนและพร้อมที่จะทำทุกอย่างตามความต้องการของน้องชายถ้าหากว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ผิดศีลธรรมอันดีงาม

และเมื่อถูกน้องชายทวงคำสัญญาแบบนี้ก็ทำให้พ่อเลี้ยงถึงกับหน้าถอดสีปฏิเสธไม่ลง การถูกขอร้องในครั้งนี้ทำให้เขาลำบากใจมากที่สุด เขาถอนหายใจยืดยาวก่อนจะเอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ลักษณ์...แกตอบพี่หน่อยสิ ที่อยากไปฉุดเนตรอัปสรมาอยู่ที่ฟาร์ม ลักษณ์ทำไปเพราะว่าคึกคะนองหรือเพราะว่ารักเธอจริงๆ”

“รักสิครับพี่ราม ลักษณ์ตอบได้เต็มปากว่าลักษณ์รักเธอ รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ลักษณ์อยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเธอ อยากให้แอนนี่เป็นแม่ของลูกๆ ที่จะเกิดมาในภายภาคหน้า ตอนที่ลักษณ์เห็นเธอครั้งแรกในวันที่ปฐมนิเทศนักศึกษา ลักษณ์รู้สึกได้ทันทีว่าเนตรอัปสรคือคนที่ลักษณ์รอคอย” ลักษณ์เอ่ยบอกความในใจด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสุข

“เฮ้อ!...” พ่อเลี้ยงถอนหายใจยาวพร้อมกับยกมือห้ามทัพ “พอแล้วเจ้าลักษณ์ แกไม่ต้องบรรยายมาก แค่นี้พี่ก็เริ่มกลัวที่จะมีความรักแล้ว”

“โธ่...พี่ราม ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ช่วยจรรโลงโลกให้ดูสดใสสวยงามน่ะครับ”

ลักษณ์เอ่ยค้านยิ้มๆ ชักจะอยากให้พี่ชายผู้เย่อหยิ่งไร้หัวใจรักใครไม่เป็นมีความรักกับเขาบ้างเสียแล้ว ถึงตอนนั้นเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่ชายที่แสนประเสริฐยังจะพูดได้เหมือนในวันนี้หรือเปล่า

พ่อเลี้ยงส่ายหน้าอย่างระอาน้องชายตัวแสบ เขาเอ่ยขอคำมั่นสัญญาก่อนที่จะตอบตกลงทำตามคำขอร้องของอีกฝ่าย

“เอาเถอะ พี่จะช่วยแกเอง แต่มีข้อแม้และแกต้องสัญญาว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามทอดทิ้งหรือทำให้เนตรอัปสรเสียใจเด็ดขาด ถ้าแกทอดทิ้งเธอ...ต่อให้แกเป็นน้องที่พี่รักที่สุด พี่ก็ไม่ไว้แกแน่”

พ่อเลี้ยงเอ่ยขอคำมั่นสัญญาทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องชายของตนเองไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด

“สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายและด้วยเกียรติของน้องชายพ่อเลี้ยงรามา กษิดิส ผู้เลื่องชื่อเลยครับ”

ลักษณ์ยิ้มกว้างดีใจเป็นลิงโลดเอ่ยสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แล้วจะให้พี่ลงมือเมื่อไร”

“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“เฮ้อ!...ไม่รู้ว่างานนี้จะได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุกหรือเปล่า”

พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมาอย่างไม่มีทางเลือก เขายอมเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงคุกเสียงตะรางดีกว่าจะให้ลักษณ์เป็นคนเสี่ยง เขายอมแลกอนาคตของตนเองเพื่อความสุขของน้องชายคนเดียวคนนี้

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าพี่รามนอนคุก เดี๋ยวผมจะซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงเย็นเจี๊ยบถึงใจ ไปเยี่ยมพี่รามทุกวันไม่ให้ขาด”

“ไอ้ลักษณ์ ไอ้น้องเนรคุณ” พ่อเลี้ยงตะคอกด่าอย่างเหลืออด ซัดหนักๆ ไปบนบ่าของน้องชายด้วยความโมโห ก่อนจะสั่งเสียงห้วน

“หุบยิ้มได้แล้วเจ้าลักษณ์ ไปตามไอ้กรณ์กับไอ้หล้ามาพบพี่ที่ห้องทำงานด้วย”

พ่อเลี้ยงโบกมือไล่น้องชายพร้อมกับเดินเข้าไปยังห้องทำงาน เมื่อทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใบใหญ่เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลของนางเอกสาวที่ชื่อเนตรอัปสร ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ได้ข้อมูลของนางเอกสาวจากวิกิพีเดีย

พ่อเลี้ยงเอนตัวพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ ถอนหายใจอย่างหนักใจขณะที่มองภาพของหญิงสาวผ่านหน้าจอโน๊ตบุ๊ค จะทำอย่างไรกับปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ จะพาตัวหญิงสาวมาด้วยวิธีใดที่จะทำให้เงียบที่สุด ไม่ให้ระแคะระคายถึงหูของสีกากี...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel