ตอนที่ 9 คุณหนูตกอับ
โง่...งี่เง่า...
นี่คงเป็นคำนิยามในตอนนี้ของผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ลดา ใช่....เธอโง่ โง่ที่ไว้ใจผู้ชายอย่างเขา โง่ที่เผลอใจรักผู้ชายเลวๆจนหมดหัวใจ ตอนนี้ทำได้เพียงสมเพชตัวเอง
ดวงตากลมโตเคลือบไปด้วยหยาดน้ำตาเหลือบมองไปยังชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ มือบอบบางค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา น้ำตาหยดลงบนพื้น เหมือนเขาจงใจสร้างรอยแผลไว้ให้เธอ รอยแผลที่ไม่รู้ว่าเธอผิดอะไร หวังดีกับเขาตลอด เชื่อใจมาตลอด แต่พอมาเจออะไรแบบนี้มันก็จุกอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเจออะไร ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะตอนนี้เธอไม่ไว้ใจเขา คนอย่างอัคคีไม่มีทางหยุดทำเรื่องเลวๆแน่ๆ เว้นแต่จะมีใครคนใดคนหนึ่งตายเหมือนที่เขาเคยพูดเอาไว้
พิมพ์ลดามองเงินจำนวนหลักหลายสิบล้านที่โชว์อยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ช่วงที่กิจการกำลังแย่เธอต้องนำเงินเก็บส่วนหนึ่งไปช่วยบริษัทแต่ทุกอย่างกลับแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีอัคคีเข้ามา เขาเป็นคนยืนมือเข้ามาช่วยโดยการเทคโอเวอร์บริษัทไป ตอนนั้นเป็นแฟนกันแล้วพิมพ์ลดาเลยยอมทุกอย่างเพราะเขาบอกว่าจะโอนบริษัทคืนหลังแต่งงานกัน ตลอดระยะเวลาที่คบกันเขาทำให้เธอเชื่อใจ ทำให้เธอตายใจคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของเขา หลังจากนี้เธอกับพ่อคงต้องเหนื่อยทำงานให้อัคคีฟรีๆ ไหนจะเงินเดือนที่ต้องจ่ายพนักงานอีก แบบนี้ก็เท่ากับว่ากำลังบีบให้เธอกับพ่อหมดตัวทางอ้อม
โชคยังดีที่เงินในบัญชียังพอมีจ่ายเงินเดือนพนักงานได้อีกประมาณ 3 เดือน แต่หลังจากนั้นคงต้องนำรถและของแบรนด์เนมไปขายเพื่อนำเงินมาจ่ายพนักงาน นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าชีวิตของพิมพ์ลดาจะมาถึงจุดนี้ได้ยังไง....จุดที่กำลังจะหมดตัว
“ยังไม่นอนหรอ…” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง พิมพ์ลดาที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสะดุ้งตกใจ พอหันกลับไปก็เห็นผู้หญิงที่อัคคีพามาด้วยยืนแสยะยิ้มอยู่บนบันได สาวเท้าเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ “คุณหนูพิมพ์ลดา”
“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
“แหม ใครบ้างจะไม่รู้จักชื่อคุณ พิมพ์ลดาลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังที่กำลัง....ตกอับ”
กร๊อด!
เสียงพิมพ์ลดากำหมัดแน่น!
“จากคุณหนู....กำลังจะกลายเป็นคุณหนูตกอับ ผัวก็แอบพากิ๊กเข้าบ้าน จากที่ใครหลายคนเคยอิจฉาชีวิตอันแสนหรูหราของคุณหนูพิมพ์ลดา ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนมาเป็นสมเพชเวทนาแทนแล้วล่ะ”
“เธอต้องการอะไรจากฉัน!”
“เมื่อเช้าแกทำหน้าฉันเป็นรอย รู้หรือเปล่าว่าฉันทำหน้ามาเท่าไหร่!” หล่อนชี้ไปยังรอยเล็บที่อยู่บนหน้าอันเนื่องมาจากฝีมือของพิมพ์ลดา
“ช่วยไม่ได้ ก็อยากมายุ่งกับผัวชาวบ้านเอง”
“ผัวงั้นหรอ รู้ไหมคุณอัคคีเขาพูดกับฉันว่ายังไง” หล่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิมพ์ลดาก่อนจะไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมเค้นหัวเราะออกมาอย่างน่าหมั่นไส้ “เขาไม่ได้รักเธอเลย ที่เขายอมแต่งงานด้วยเพราะอยากได้บริษัทของเธอต่างหาก ใครจะไปอยากแต่งงานกับคุณหนูตกอับอย่างเธอล่ะ”
“คุณอัคคีคงใช้ให้เธอมาดูถูกฉันสินะ”
“ใช่ เพราะตอนนี้คุณอัคคีเขาหมดแรง ตั้งแต่พาฉันมาที่นี่เขาก็ทำไม่หยุดเลย”
“....” พิมพ์ลดากัดริมฝีปากแน่น จ้องตากลับ “เหมาะสมกันดีนะ สกปรกเหมือนกันทั้งคู่”
“ถ้าคุณอัคคีสกปรก เธอเองก็คงไม่ต่างกันหรอกยัยคุณหนูตกอับหน้าโง่ ยืนรอผัวเหมือนปู่โสมเฝ้าสมบัติ หน้าตาก็จืดชืดไม่มีราศี มิน่าล่ะ ทำไมคุณอัคคีเขาถึงออกไปหาฉัน”
“เพราะเขาไม่รู้จักคำว่าพอต่างหาก คิดหรอว่าผู้ชายคนนั้นเขาจะรักเธอจริง คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่อีตัวขั้นเวลาเหมือนกันนั่นแหละ ผู้หญิงที่ผู้ชายต้องซื้อด้วยเงิน....แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรล่ะ”
“นี่แก! แกว่าฉันหรอ!!”
“ถ้าฉันไม่ได้ว่าเธอแล้วจะให้ว่าใคร ในเมื่อตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอแค่สองคน”
“ปากดีจริงๆ ขอตบอีคุณหนูตกอับให้เลือดกลบปากหน่อยเถอะ!!”
ปึก!
“คิดว่าจะทำฉันได้คนเดียวงั้นหรอ” พิมพ์ลดาคว้ามือที่กำลังจะฟาดลงบนหน้าไว้ได้ทัน ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะไปสู้รบปรบมือกับใคร แต่อัคคีกำลังทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้
“เอาสิ! คิดว่าคุณหนูจะสู้คนอย่างฉันได้หรอ”
“ก็ไม่แน่นะ หน้าเธอเป็นรอยเพราะฝีมือของใครล่ะ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นก่อนที่ร่างของพิมพ์ลดาจะถูกผลักออกจนเกือบล้ม พอหันกลับไปมองก็เห็นอัคคียืนจ้องเขม่งด้วยความโกรธจัด “บ้านหลังนี้ไม่ได้เลี้ยงหมา เพราะฉะนั้นอย่ามากัดกันให้ฉันเห็นอีกเด็ดขาด!”
“ก็ผู้หญิงที่คุณพามาด้วยดูถูกพิมพ์ก่อน”
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วพิมพ์ลดา ถ้าไม่พอใจก็กลับไปบ้านของเธอซะ กลับไปซบอกเน่าๆของพ่อเธอไปเลย!”
“พิมพ์ไม่กลับ คุณก็รู้ว่าตอนนี้พิมพ์ยังกลับบ้านไปไม่ได้”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะเป็นยังไง แต่ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ก็ต้องรับให้ได้”
“พิมพ์รับได้ทุกอย่าง แต่พิมพ์ไม่อยากให้คุณพาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านอีก ถ้าคุณหญิงเทียมศิริมาเห็น ท่านจะคิดยังไงทั้งๆที่เราสองคนเพิ่งแต่งงานกัน”
“เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าพิมพ์ลดา คุณน้าของฉันท่านรู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าฉันไม่ได้รักเธอ และท่านก็ไม่มีทางเข้าข้างคนอื่นหรอก มีแต่เธอนั่นแหละที่ไม่รู้อะไรเลย”
“คะ...คุณ” พิมพ์ลดาถึงกับพูดไม่ออก ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะจากผู้หญิงคนนั้น หล่อนเบะปากใส่
“ถ้าอยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะ เพราะฉันไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้แน่นอน ยังไงพ่อของเธอก็ต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำ....ไม่ช้าก็เร็ว!”