ตอนที่ 7 ถ้าเธอไม่หลีกฉันจะชน
“นั่นพี่จะไปไหน!!”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าเธอ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่คีย์!” พิมพ์ลดาพยายามแย่งกุญแจรถจากอัคคี ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจผลักร่างของเธออย่างแรงจนล้มลงบนพื้น “โอ้ยย!!”
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” เขาพูดน้ำเสียงเย็นชาแล้วเดินไปยังรถหรูที่จอดอยู่หน้าบ้าน
พิมพ์ลดายังไม่ยอมแพ้ เธอต้องการคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหลอกให้เธอรักแล้วผลักกันลงเหวแบบนี้ พ่อของเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจขนาดนั้นเลยหรอ อีกหนึ่งเหตุผลคือเธอยังรักเขามาก ยังไม่อยากเสียเขาไปทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
กว่าจะวิ่งไปถึง อัคคีก็ขึ้นรถไปเสียแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้พิมพ์ลดากล้าทำแบบนี้ เธอวิ่งเข้าไปขวางในขณะที่รถกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง คิดในใจว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าชนเธอ เขาไม่มีทางชนเธอหรอก
แต่พิมพ์ลดาเข้าใจผิด....รถหรูคันนั้นกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูงและไม่มีทีท่าว่าจะหักหลบ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ใจแข็งยืนขวางถนนไม่ให้อัคคีขับรถออกไป อยากรู้เหมือนกันว่าเขากล้าชนจริงๆหรือเปล่า
บรื้นนนน!!!
พิมพ์ลดาหลับตาลงทั้งน้ำตา เหมือนกำลังทดสอบความสำคัญของตัวเอง
“ว้ายยยคุณ!!!”
เอี๊ยดดด!!!
ปึก!!
“โอ้ยยย!!!”
ในจังหวะที่รถหรูกำลังจะพุ่งมาชนร่างของเธอ คนรับใช้เก่าของบ้านผ่านเข้ามาเห็นพอดี ดึงหญิงสาวหลบจากรถหรูได้อย่างหวุดหวิด แรงดึงทำให้หัวเข่าของพิมพ์ลดากระแทกเข้ากับขอบกระถางต้นไม้จนเลือดไหลเป็นทาง
ดวงตากลมโตที่เคลือบไปด้วยหยาดน้ำตามองเห็นรถหรูของชายสุดที่รักขับออกไปโดยไม่หันกลับมาเหลียวแล ในวินาทีนั้นหากไม่มีใครมาดึงเธอออกมา ป่านนี้คงถูกอัคคีขับรถชนไปแล้ว
“หนูเป็นอะไรมากไหม”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” พิมพ์ลดาหัวใจแหลกละเอียด ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พอลุกขึ้นก็รับรู้ได้ถึงอาการเจ็บแปล๊บที่หัวเข่า เลือดไหลลงมาเป็นทางหยดลงบนพื้นจนชุดแต่งงานสีขาวกลายเป็นชุดสีเลือด แต่ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย เพราะบางอย่างที่อัคคีทำลบเลือนความเจ็บทางร่างกายไปหมด
“แม่หนูเป็นใคร ไปยืนขวางรถคุณอัคคีทำไม”
“…” เธอหันหน้ามาสบตบกับหญิงชราวัยหกสิบกว่า ดวงตากลมโตกระตุกวูบ ไม่มีใครรู้เลยหรอว่าเธอเป็นภรรยาของอัคคี “นะ...หนูเป็นภรรยาของคุณอัคคีค่ะ”
“ห้ะ! คุณอัคคีไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ามีจริงๆป้าก็ต้องรู้สิ”
“หนูเป็นภรรยาของเขาจริงๆค่ะ เราเพิ่งแต่งงานกันวันนี้”
“เอ่อ...ปะ....ป้าว่าหนูคงเข้าใจอะไรผิดแล้วแหละ คุณอัคคีเนี่ยนะมีภรรยา?” คุณป้าทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
“ใช่ค่ะ เขาหลอกให้หนูแต่งงานด้วย...ละ....แล้วก็ทิ้งหนูไว้ที่นี่คนเดียว ฮื้อๆๆ หนูแต่งงานกับเขาจริงๆนะคะคุณป้า”
“ป้าก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะ แต่คุณอัคคี...เอ่อ....คบหลายคนจนตอนนี้ป้าสับสนไปหมดแล้ว หนูไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจับคุณอัคคีใช่ไหม”
“ปะ...ป้าพูดว่าอะไรนะคะ! คุณอัคคีคบหลายคนงั้นหรอ”
“ค่ะ คุณอัคคีเปลี่ยนคู่ควงบ่อยจนป้าคิดว่าชาตินี้คงไม่ลงเอยกับใคร”
“มะ....ไม่จริง” แขนเล็กตกลงข้างลำตัว แข้งขาอ่อนแรงจนร่างทรุดลงกับพื้น เธอยกมือปิดใบหน้า ร่ำไห้อย่างน่าอดสู ส่วนปากก็ได้แต่พร่ำบอกว่าไม่จริง “ฮึก...ไม่จริง ถ้าเขาเปลี่ยนคู่ควงบ่อยแล้วที่ผ่านมา หนูเป็นตัวอะไรสำหรับเขา”
เธอเองก็เพิ่งฉุดคิดขึ้นได้ว่าช่วงที่คบกัน อัคคีชอบไปทำธุระที่ต่างจังหวะแล้วก็หายไปเลย บางครั้งก็หายไปเป็นอาทิตย์ พอถามว่าทำไมติดต่อไม่ได้ ก็ได้คำตอบว่าพื้นที่ที่เขาไปไม่มีสัญญาณ หากเป็นคนอื่นก็น่าจะเอะใจ แต่สำหรับพิมพ์ลดาแล้วกลับเชื่อทุกอย่างที่เขาบอกเพราะรักเขามากเกินไป เชื่อทุกอย่าง ยอมทุกอย่าง เพียงเพราะคำว่ารักคำเดียวเท่านั้น
“ป้าว่าหนูกลับบ้านกลับช่องเถอะนะ วันนี้คุณอัคคีคงไม่กลับมาแล้วแหละ”
“หนูกลับไม่ได้ ฮึก! หนูกลับไม่ได้ค่ะคุณป้า ฮื้อๆๆ” หญิงสาวร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น สิ่งที่เจอมันยากเกินจะตั้งตัวและเธอยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้เพราะไม่อยากให้คุณพ่อเป็นห่วง
ยิ่งนึกถึงคำพูดของพ่อ น้ำตาก็ยิ่งไหลทะลักออกมา พ่อของเธอพูดถูกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดี แต่ลูกอกตัญญูอย่างเธอต่างหากที่เลือกเชื่อผู้ชายมากกว่าพ่อของตัวเอง เชื่อคำหลอกลวง คำพูดหวานๆเคลือบยาพิษ
“เดี๋ยวป้าให้คนขับรถไปส่งที่บ้านนะ”
“ไม่นะคะคุณป้า!” เธอดึงมือของหญิงชราเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ “หนูยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ค่ะ หนูไม่อยากให้คุณพ่อเป็นห่วง หนูจะรอจนกว่าคุณอัคคีจะกลับมา หนูมีเรื่องอยากจะคุยกับเขา”
“วันนี้คุณอัคคีคงไม่กลับมาแล้วแหละ เพราะปกติเขาก็ไม่นอนที่นี่อยู่แล้ว”
“ถ้าหนูกลับบ้านตอนนี้ คุณพ่อต้องมีปัญหากับคุณอัคคีแน่ๆ หนูไม่อยากทำให้ท่านเป็นห่วงค่ะ หนูอยากให้ท่านคิดว่าหนู...ฮึก...สบายดี~”
“เอางั้นก็ได้ แต่ตอนนี้ป้าว่าหนูเข้าไปทำแผลเถอะ เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวซะหรอก”
หญิงชราพยายามประคองร่างอ่อนแรงขึ้น แต่ก็แอบแปลกใจอยู่ลึกๆ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงสวมชุดแต่งงาน แล้วเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไงเพราะปกติเจ้าของบ้านไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา
หรือว่าสิ่งที่เธอพูดคือเรื่องจริง?