ตอนที่4.เพื่ออนาคต
หลังจากพูดคุยและตกลงกับมารดาเป็นที่เรียบร้อย คีตภัทรก็ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อกลับมาบริหารธุรกิจ คุณเพียงออขอร้องให้คีตภัทรหมั้นกับนิรดา โดยให้เหตุผลว่าอัครธาดาต้องพึ่งพาคุณองศา ตอนที่คีตภัทรหันหลังให้ครอบครัว คุณองศาก็เข้ามาดูแลธุรกิจทั้งหมด ถึงแม้จะไว้ใจแต่ก็อดระแวงไม่ได้ โชคดีที่นิรดารักคีตภัทรนางจึงมีตัวประกัน องศาจึงไม่กล้าหักหลัง นิรดาไม่ใช่คนโง่ถ้าความรักกลายเป็นความแค้น อัครธาดาคงกลายเป็นเครื่องมือแก้แค้น
“จำไว้นะคี ไม่มีใครรักและหวังดีกับคีเท่าแม่อีกแล้ว ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซะ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ เรายืมจมูกคนอื่นหายใจ แม่กลัวว่า...” คำพูดที่เหลือของเพียงออค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อคีตภัทรขัดขึ้น
“ผมจะหมั้นกับนิด”
“คี...” เพียงอออุทานออกมาด้วยความตกใจ ที่ได้ยินคำนี้จากปากลูก คีตภัทรลุกขึ้นยืน เพราะไม่อยากตอบคำถาม ถ้าสิ่งนี้คือความสุขของมารดา เขาก็พร้อมจะทำให้ ชีวิตเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความสุขของเขาถูก
กวิสราทำลายไปจนหมดสิ้น หัวใจของเขาแค่เต้นไปตามหน้าที่ แต่มันไร้ความรู้สึกมานานแล้ว
นิรดาดีใจที่คีตภัทรยอมหมั้น ถึงแม้จะรู้ว่าคีตภัทรทำเพราะอะไร แต่เธอเชื่อว่าจะชนะใจเขาได้สักวัน คุณมณีนุชกับคุณองศาดีใจกับลูกสาว เพราะท่านทั้งสองก็รอวันนี้มานาน
งานหมั้นถูกจัดขึ้นใหญ่โตสมฐานะของสองตระกูล นิรดามีความสุขมาก ถึงแม้คีตภัทรจะไม่ยินดียินร้ายด้วยก็ตาม หลังจากสวมแหวนเขาก็เป็นของเธอ นอกจากคีตภัทรแล้วอัครธาดาก็เป็นของเธอด้วย หลายปีมานี้เธอและพ่อทุ่มเทแรงกายเพื่ออัครธาดา กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่ยอมเสียอัครธาดาให้ใครทั้งนั้น
“พี่คีไปพักผ่อนเถอะค่ะ นิดดูแลทางนี้เอง” งานหมั้นที่ชื่นมื่นกลายเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจ เพราะแขกส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ตาคู่คมมองนิ่งอยู่ที่คุณประสิทธิ์ พยายามมองหาใครอีกคนแต่ก็ไร้เงา กวิสราเป็นเลขาของคุณประสิทธิ์ ถ้าเธอมางานนี้ก็แปลก
“พี่ขอตัวนะครับ” เพราะเบื่อและเหนื่อยหน่าย หลบไปสักพักคงดีขึ้น นิรดาเป็นคนเก่ง ตั้งแต่เริ่มงานจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยบ่นเลยสักคำ
รูปถ่ายในมือถือถูกลบออกไปทีล่ะรูป เมื่อต่างคนต่างต้องการชีวิตใหม่ นิ้วเรียวสั่นทุกครั้งเมื่อต้องฝืนกดตรงคำว่าตกลง
“คุณพ่อกำลังจะมีความสุข เราสองคนอยู่ตรงนี้นะคะ ช่วยกันส่งกำลังใจให้คุณพ่อ แม่ขอโทษที่ทำแบบนี้ แม่สัญญาว่าจะเลี้ยงหนูให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้แม่ด้วยนะคะ” มือบางลูบลงบนหน้าท้องแบนราบ ที่มีใครอีกคนอยู่ในนั้น ของขวัญครบรอบสามปีที่เธออยากมอบให้เขา กลายมาเป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผย ทุกอย่างพังลงเพราะความไม่หนักแน่นของเธอ กวิสราตัดสินใจปล่อยมือจากคีตภัทร เพื่อให้เขาไปมีชีวิตที่ดีกว่า คุณเพียงออป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนที่นางจะหมดลมหายใจ นางอยากเห็นอัครธาดาเป็นปึกแผ่น ลูกชายคนเดียวของนางต้องสืบทอดธุรกิจที่ครอบครัวสร้างขึ้น สิ่งที่แม่ทุกคนอยากเห็นก่อนตายก็คือ ความสุขของลูก กวิสราเลือกที่จะปล่อยมือ ขืนรั้งเอาไว้นอกจากคีตภัทรจะไม่มีอนาคตแล้ว เขายังกลายเป็นลูกอกตัญญูอีกด้วย
“มาอยู่นี่เอง เป็นอะไรหรือเปล่า” คำถามที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้กวิสรารีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะหันมายิ้มให้ เพราะไม่อยากให้ปานชีวีเป็นห่วง หลังจากวันนั้นกวิสราก็ย้ายมาอยู่กับปานชีวี ถึงแม้จะมี
ปรมะคอยช่วยเหลือ แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนเขา ปรมะกับคีตภัทรต้องแตกหักกัน แค่นี้ก็รู้สึกผิดมากแล้ว
“อากาศดี เกมเลยออกมาเดินเล่น ปานมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” แม้จะพยายามฝืนยิ้ม แต่ก็ตบตาปานชีวีไม่ได้
“ร้องไห้อีกแล้วนะ เกมรู้ไหมเวลาที่เกมร้องไห้ เจ้าตัวเล็กก็จะเศร้าไปด้วย หลานปานต้องเป็นโรคซึมเศร้าแน่ ๆ เลย ไม่ร้องนะเกม เกมต้องเข้มแข็งเพื่อลูก” ปานชีวีปลอบไปตามที่ตัวเองคิด เพราะเป็นคนหยาบกระด้าง จึงไม่รู้ว่าต้องปลอบแบบไหนเพื่อนถึงจะหายเศร้า
“ไม่ได้ร้องสักหน่อย”
“ร้องได้เสียใจได้ แต่เกมต้องคิดถึงลูกให้มาก ๆ เมื่อเลือกแล้วเกมต้องไปต่อ ถ้าเกมยังจมปลักอยู่แบบนี้ เกมกับลูกจะมีความสุขได้ยังไง ปานไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้เกมหายเศร้า แต่ปานรักและเป็นห่วงเกมกับลูกมากนะ”
“เกมรู้ เกมขอโทษ ต่อไปนี้เกมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว เกมต้องเข้มแข็งเพื่อลูก”
“เกมจะบอกเรื่องลูกกับคีไหม”
“ไม่...ลูกคือห่วง ถ้าคีรู้ว่ามีลูกคีจะไม่มีความสุข ให้เราสองคนตายไปจากชีวิตของคีแบบนี้น่ะดีแล้ว”
“เกมคิดยังไงปานก็ว่าตามนั้น ปานจะช่วยเกมเลี้ยงหลาน จะทำให้หลานมีความสุขที่สุด สู้ ๆ นะ ปานเป็นกำลังใจให้” พูดพร้อมกับสวมกอดเพื่อนรัก กวิสราต้องการกำลังใจที่สุด เธอพร้อมจะอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ
..................................................................................
สามปีต่อมา
การประชุมที่ยาวนาน ทำให้คีตภัทรหงุดหงิดไม่น้อย เลขาของเขาทำงานประสาอะไรถึงปล่อยให้มีช่องโหว่ จนทำให้คู่ค้านำมาเป็นข้อต่อรอง จนต้องเสียเวลาไปครึ่งวัน เพราะตกลงกันไม่ได้ คงต้องโละทิ้ง ต่อให้เก่งแค่ไหนถ้าสะเพร่าจนทำให้คู่ค้าเห็นจุดบกพร่องก็คงเอาไว้ไม่ได้
“ขอโทษค่ะท่านประธาน” กิ่งแก้วหน้าเสียเมื่อถูกเรียกไปต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้น สาวใหญ่ได้แต่ขอโทษ เธอกำชับแล้วว่าต้องรอบคอบให้มาก แต่อุษามณีก็ทำพลาด จนทำให้เกิดเรื่อง เพิ่งผ่านปีนี้มาได้สามเดือน คีตภัทรเปลี่ยนเลขาไปห้าคนแล้ว
“ผมต้องการคนที่ตั้งใจทำงานจริง ๆ ไม่ใช่พวกเช้าชามเย็นชาม” เป็นที่รู้กันว่าท่านประธานเป็นคนทำงานเก่ง และผิดพลาดไม่ได้ เหตุผลนี้เองทำให้เปลี่ยนเลขาเป็นว่าเล่น
“ทราบแล้วค่ะ”
“ออกไปได้แล้ว ต่อไปคงไม่มีข้อผิดพลาดอีกนะ”
“ดิฉันจะกำชับอุษามณีค่ะ”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมหมายความว่าต่อไปนี้ผมต้องไม่เห็นหน้าเธอคนนั้นอีก”
“ค่ะท่าน”
“ยกเลิกนัดคืนนี้ให้ผมด้วย”
“แต่ท่านคะ คุณนิดคงไม่ยะ...” คำพูดที่เหลือค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อคีตภัทรขัดขึ้น
“ผมจัดการเอง ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะท่าน” กิ่งแก้วเดินคอตกออกไปจากห้อง เมื่อเจ้านายมีคำสั่งนี้ออกมา ให้เธอยกเลิกนัดกับคู่หมั้น นิรดาคงเสียใจ ถ้ารู้ว่าคีตภัทรยกเลิกนัด
สามปีแล้วที่เขาถูกองศาจูงจมูก นิรดากลายเป็นหุ่นเชิดของพ่อ ต่อไปนี้เขาจะยืนด้วยขาของตัวเอง ถึงแม้จะสงสารแต่ก็ต้องทำใจ
