บทที่ 11 แกทำได้อย่างไร?
หญิงชราอับจนหนทาง ต่อให้ข้างหูเต็มไปด้วยคำพูดประชดประชัน แต่ก็ยังถามขึ้น “พ่อหนุ่ม คุณมีวิธีรักษาหลานของฉันจริงๆ เหรอ?”
“มีวิธีแบบโบราณ สามารถลองดูได้” เจียงเหยียนพูด
“ฉันเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด เงินไม่เยอะ หนึ่งแสนพอไหม?”
“ช่วยชีวิตผู้ที่กำลังจะเสียชีวิตรักษาผู้บาดเจ็บ นั่นคือหน้าที่ของแพทย์ คุณยาย ผมไม่เอาเงินของคุณยาย” เจียงเหยียนพูด
คุณยายหมดแรง ร้องไห้จนตาใกล้จะบอดแล้ว ตอนนี้สมองเลอะเลือนไปตั้งนานแล้ว เพียงแค่มีคนยอมช่วยหลานชาย เธอยอมที่จะลองดู
ยิ่งกว่านั้นสายตาของเจียงเหยียนที่มุ่งมั่นเช่นนี้ ก็เป็นเพียงความหวังเดียวของเธอ
“ดูคุณเหมือนคนใจพระมาก ฉันคุกเข่าก้มหัวให้คุณ ขอบคุณ ขอบคุณ...”
เจียงเหยียนประคองหญิงชราลุกขึ้นและถาม “หมาบ้าตัวนั้นที่กัดหลานของคุณยายยังอยู่ไหม?”
“ยังอยู่ แต่ว่าบ้าคลั่งแล้ว น้ำลายฟูมปาก น่าจะใกล้ตายแล้ว
ฉันมีความผิดจริงๆ เพื่อประหยัดเงิน คิดว่าเคราะห์ดี ไม่ได้ทันได้ฉีดวัคซีนให้เด็ก ลูกชายฉันตายแล้ว ลูกสะใภ้ก็หนีไปแล้ว หลายชายไม่มีแล้ว ฉันทำได้เพียงกระโดดแม่น้ำแล้ว”
หญิงชราคิดถึงเรื่องนี้ แทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพง
“เรียกแท็กซี่พาหมาป่วยตัวนั้นมาทันที ผมช่วยเด็กควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสก่อน รีบไป อย่าเสียเวลา”
“ได้ ได้ ฉันจะกลับไปเอาเดี๋ยวนี้”
มีผู้ที่ล้อมดูใจดีขับรถพาหญิงชรากลับไปเอาหมาที่บ้าน
ส่วนเจียงเหยียนกลับอุ้มเด็กไปที่ห้องผ่าตัด ล็อกประตู หยิบเข็มจักรพรรดิหยาน เริ่มฝังเข็มและนวดทุยหนาให้เด็ก
โจวจี้ซีดูอยู่ด้านนอก เป็นกังวลอย่างมาก ดึงคุณหมอจางมาถาม “เด็กคนนี้ยังมีหวังอยู่ไหม?”
คุณหมอจางยิ้มเหยียดหยาม “หึ ใครจะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้? จี้ซี คุณชายอวู๋ลุ่มหลงต่อเธอ ไม่ดีกว่าไอ้ขยะนี่ร้อยเท่าเหรอ ถือโอกาสตอนที่อายุน้อยหน้าตาสวย เหลือทางหนีให้ตัวเองเถอะ เจียงเหยียนมันบ้าไปแล้ว ไม่มีทางใดเยียวยาได้แล้ว”
อู๋เสี่ยวเทียนเดินเข้ามา พูดเอาอกเอาใจ “จี้ซี รอให้ไอ้ขยะนั่นตายแล้ว หนี้สิน 2 ล้านนี้ ฉันจะยกหนี้ให้เธอ”
“ไสหัวไป!” โจวจี้ซีตอบกลับอย่างโมโห
วันนี้เจียงเหยียนยอมเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน ไม่ได้ขายเธอให้กับผู้ชายคนอื่น
ถ้าหากความตั้งใจเดิมที่ทำเพื่อศักดิ์ศรี ไปร่วมงานวันเกิด 60 ปีของคุณพ่อ
งั้นในใจของโจวจี้ซีหญิงเทพธิดาภูเขาน้ำแข็ง ก็หวั่นไหวเล็กน้อยจริงๆ
เธอเพียงแค่ไม่เข้าใจ และก็ไม่อยากเชื่อ เจียงเหยียนคนล้างผลาญที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียงโจว เหตุใดจู่ๆ ถึงได้กลายเป็นคนหยิ่งทะนงแบบนี้
ถ้าหากเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ทำไมยังเดิมพันใหญ่โตขนาดนี้
โจวจี้ซีเกลียดนักพนันมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้เธอยังคิดด้วยซ้ำว่า หากเจียงเหยียนตายไป โลกนี้ก็กลับมีคนที่เป็นบ่อเกิดหายนะน้อยลง
แต่ตอนนี้เธอไม่ได้กลับไป รออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัดอย่างกระสับกระส่าย เพียงแค่อยากรู้ผลลัพธ์เร็วๆ
…
ภายในห้องผ่าตัด เจียงเหยียนกำลังฝังเข็มกับนวดทุยหนาให้เด็ก
เข็มสามเล่มยับยั้งสารพิษไม่ให้แพร่กระจายไปยังสมอง เข็มอีกหกเล่มเปลี่ยนจุดฝังเข็มเป็นระยะๆรักษาการไหลเวียนของรูเข็ม
ใช้การนวดทุยหนา ขับสารพิษออกจากรูเข็ม
ถึงตอนนี้ทำซ้ำไปมาเป็นเวลาสิบนาที การหายใจของเด็กชายคล่องขึ้นเยอะ ลำคอที่แข็งทื่อก็ผ่อนคลายลง
สารพิษที่เข้าสู้สมองไปแล้ว ใช้เพียงแค่การฝังเข็มยังไม่เพียงพอ เขากำลังรอการมาถึงของหมาบ้าตัวนั้น
ไม่นานนัก ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะ มีคนเคาะประตู
“หมาบ้าที่กัดคนมาแล้ว”
เจียงเหยียนรีบเปิดประตู หมาบ้าท่าทางใกล้จะตายแล้ว ปากถูกลวดรัดเอาไว้
“หมอเทวดา หลานชายของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงชราถามขึ้น
“ยังช่วยได้อยู่” เจียงเหยียนพูดจบ รับหมาบ้ามา วางลงบนแท่นผ่าตัด เริ่มหยิบเลื่อยมือมาเลื่อยหัวกะโหลกของมัน
ด้านนอก จ้าวเซียวหรุหรุกับอู๋เสี่ยวเทียนมองตากัน ถูกประโยคนี้ของเจียงเหยียนทำให้ตกตะลึง
“นี่แม่งยังสามารถช่วยกลับมาได้เหรอ? หลอกผีหรือไง” อู๋เสี่ยวเทียนพูดอย่างโมโห
ทุกคนอยู่ในโลกแพทย์ ใครบ้างที่จะไม่มีความรู้ทั่วไป
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ช่วยคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าให้รอดชีวิต นับนิ้วได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
จ้าวเซียวหรุหรุนึกได้ถึงความน่าเหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่งของวันนี้ นั่นก็คือเจียงเหยียนใช้การจับชีพจรชี้ขาดเพศชายหญิงได้อย่างแม่นยำ และแม้แต่ตำแหน่งครรภ์ผิดปกติก็สามารถจับชีพจรออกมาได้
หรือว่าโชคเข้าข้างจริงๆ เหรอ?
“ไป ไปดูที่ห้องกล้องวงจร เขาทำอะไรอยู่กันแน่”
หลายๆ คนพูดดูถูกเจียงเหยียน ตอนนี้กลับกลายเป็นตื่นตระหนกอย่างมาก รีบเดินไปที่ห้องกล้องวงจร
ประเด็นคือสายตาที่มุ่งมั่นของเจียงเหยียน มีพลังที่น่ากลัวรุนแรง
แต่น่าเสียดายคือ มองไม่เห็นสถานการณ์ในห้องผ่าตัดด้วยซ้ำ เพราะว่ากล้องวงจรถูกเจียงเหยียนใช้ถุงเท้าครอบเอาไว้
“เย็ด ไอ้เหี้ยนี่เหมือนกับฉลาดขึ้นไม่น้อยนะ” เจ้านายหวังโมโห
เขากังวลว่าตัวเองจะต้องมอบเงิน 5 แสนให้กับเจียงเหยียนอีกครั้ง
เงินล้านกว่าเป็นใครก็ต้องเสียดาย
คุณหมอจางจับแว่นตา ยิ้มพูด “เจ้านายหวัง คุณวางใจได้เลย เจียงเหยียนฝีมือการแพทย์ผิวเผินแบบนี้ อย่าว่าแต่รักษาโรคพิษสุนัขบ้าเลย แม้แต่เป็นหวัดก็ไม่แน่ว่าจะรักษาหายได้”
“ก็จริง ฉันแม่งเกือบจะถูกไอ้นี่ทำให้ตกใจแล้ว”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงเหยียนหยิบถุงเท้าที่ครอบอยู่ตรงกล้องวงจรออก แถมยังไม่ลืมที่จะยิ้มให้พวกเขา
“มันยิ้มอะไร เด็กคนนี้รอดแล้วเหรอ?” อู๋เสี่ยวเทียนถามอย่างวิตกกังวล
“เป็นไปไม่ได้ ไปดูหน่อยสิ” จ้าวเซียวหรุหรุรีบลุกขึ้น
คนจำนวนหนึ่งตรงดิ่งมาที่ห้องผ่าตัด ด้านนอกถูกคนล้อมไว้อย่างหนาแน่น
แม้แต่เหล่าพยาบาลก็มาล้อมรอบอยู่
ในห้องผ่าตัด เจียงเหยียนกำลังมอบหมายเรื่องภายหลังให้แก่หญิงชรา
“ส่งไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนเจียงโจวเพื่อพักฟื้น ผมเขียนใบสั่งยาให้ คุณมอบให้รองคณบดีซีซี ซีซี ขับพิษที่เหลือออกให้หมด เดาว่าประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“หมอเทวดา หลานของฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ค่ะ?”
หญิงชราถามอย่างกังวล หลานชายยังไม่ได้สติ
ในตอนนี้เอง เด็กชายพูดประโยคหนึ่งอย่างสะลึมสะลือ “ย่าครับ ผมหิวน้ำจัง”
หญิงชราน้ำตาไหล อาการที่ชัดเจนที่สุดของโรคพิษสุนัขบ้าก็คืออาการกลัวน้ำ
หลานชายไม่ได้ดื่มน้ำหนึ่งคืนหนึ่งวันแล้ว ได้ยินเสียงน้ำก็ชักกระตุก หายใจไม่ออก
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ หญิงชราคุกเข่าลงบนพื้น ก้มหัวให้เจียงเหยียนอย่างสุดชีวิต
“ขอบคุณผู้มีบุญคุณ ขอบคุณหมอสวรรค์ มักพูดกันว่า ช่วยชีวิตคนชนะการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือขออธิษฐานเพื่อคุณกับครอบครัวในทุกๆ วัน ขอให้คุณอายุยืนนานและโชคดี”
“คุณยาย รีบลุกขึ้นเถอะครับ”
คนที่ยืนล้อมรอบอยู่ตรงประตู ตะลึงงันจนพูดไม่ออก ดวงตาหลายสิบคู่มองดูด้านใน
แม้แต่โจวจี้ซีก็แปลกใจจนขนลุกขนพอง
ตอนนี้เจียงเหยียนส่องแสงระยิบระยับ ไม่เพียงเพราะเขาชนะพนัน หรือว่าช่วยชีวิตเด็กกับหญิงชราสองชีวิต
แม้แต่คนที่มาล้อมร้อบที่ไม่ชอบเขา ตอนนี้ก็ได้รับความเคารพขึ้นมาเล็กน้อย
“หล่าวจาง ไปดูหน่อย เด็กคนนั้นฟื้นตัวหายเป็นปกติแล้วยัง?” จ้าวเซียวหรุหรุพูดเร่ง
คุณหมอจางผลักกลุ่มคนออก แทรกเข้าห้องผ่าตัด มองดูความระเกะระกะและรอยเลือดเต็มพื้น จากนั้นจับชีพจรของเด็กอย่างระมัดระวัง
ชีพจรชัดเจน การหายใจถี่ๆ แค่พลังชี่อ่อนแอเล็กน้อย
“นี่...”
เขามองเจียงเหยียนอย่างตกใจ เป็นเวลานานกว่าจะรู้สึกตัว
อู๋เสี่ยวเทียนกับเจ้านายหวังก็แทรกเข้าไป รีบถามขึ้น “รัก...รักษาหายแล้วจริงๆ เหรอ?”
คุณหมอจางปล่อยข้อมือของเด็กลง ดันแว่นตา ถึงแม้ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ยังพยักหน้าพูด “ใช่ พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“นี่แม่ง...”
อู๋เสี่ยวเทียนจับคอเสื้อของเจียงเหยียน ตวาดใส่ “แกแม่งทำได้อย่างไร?”