บทที่ 9 ปัญหาใหม่
หลี่ผู่หัวเราะเสียงเบาพูดว่า “พูดมาได้เลยไม่เป็นไร ฉันจะพยายามควบคุมอารมณ์”
“ฉันกับซื่อเจี๋ยตัดสินใจ จัดงานพิธีแต่งงานที่เกาะรีสอร์ทหนานหู ตอนเที่ยงของวันที่ 16 เดือนนี้ เชิญแกมาร่วมในงานด้วยโดยเฉพาะ” หลิ่วเสี่ยวอวี่กล่าว
หลี่ผู่เงียบขรึมแล้วครู่ใหญ่ๆ จึงถามขึ้นว่า “ทำไมต้องเชิญผมด้วย?”
“แน่นอนว่าเพื่อให้แกเป็นสักขีพยานว่า ฉันกับซื่อเจี๋ยเหมาะสมกันมากแค่ไหน ถึงเวลานั้น พวกเราจะเชิญคนดังจากทุกสาขาอาชีพในซีจิงให้เข้าร่วมงานด้วย แกคงไม่ถึงกับไม่ล้ามาสินะ?” หลิ่วเสี่ยวอวี่พูดอย่างหยิ่งผยองทะนงตัว
หลี่ผู่ถามเสียงเรียบเฉยว่า “แค่เพื่อสร้างความอัปยศอดสูให้ผมงั้นหรอ?”
“จะเป็นสร้างความอัปยศอดสูได้อย่างไงล่ะ ฉันเพียงแค่อยากทำให้แกรู้ว่า แกไม่คู่ควรกับนางฟ้าอย่างฉันเลยแม้แต่น้อย ถ้าแกไม่กล้ามา นั่นก็พิสูจน์ว่าแกเป็นสวะไร้ค่าขี้ขลาดตาขาวผู้หนึ่งจริงๆ ขี้ขลาดตาขาวโดยสิ้นเชิงแล้วล่ะ”
หลี่ผู่ฟังเข้าใจแล้ว หลิ่วเสี่ยวอวี่กำลังระบายอารมณ์นั่นเอง
เธอเข้าใจดีว่าเงินห้าสิบล้านของตนนั้น มีบทบาทสำคัญยิ่งนักต่อตระกูลหลิ่ว แต่เธอก็ไม่อยากจะยอมรับอีก
ดังนั้นเธอจึงคิดวิธีการอย่างสุดความสามารถ สร้างความอัปยศอดสูให้ตน ดูหมิ่นเหยียดหยามด้อยค่าตนให้ต่ำเตี้ยติดดิน อาศัยเรื่องนี้ยกระดับศักดิ์ฐานะของเธอให้สูงขึ้น คิดใช้สิ่งเหล่านี้มาพิสูจน์ยืนยันว่า สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งนั้น
ช่างน่าขบขันจริงๆ หลี่ผู่ทอดถอนใจอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวเสียงเรียบๆ ว่า “ฉันจะเข้าร่วมงานตรงเวลา” พูดจบเขาก็วางสายโทรศัพท์แล้ว
ขณะเดียวกัน ประตูของคฤหาสน์ถูกผลักเปิดออก หลานเยว่เข้ามา ภายในมือยังถือผักอยู่บ้าง
“สวัสดีค่ะเจ้านาย” หลานเยว่ทักทายอย่างเคารพนอบน้อม
หลี่ผู่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ยังซื้อผักมาด้วยแล้ว”
“กลัวว่าคุณจะทานซ้ำซากจำเจเกินไปน่ะ” หลานเยว่พูดตอบ
“ลำบากเธอแล้ว”
“ไม่ลำบากค่ะ ยังไงฉันเองก็ต้องทานอยู่แล้ว”
หลานเยว่เปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะ ใส่ผักไว้เข้าไปในตู้เย็น หลังจากนั้นขึ้นไปชั้นบนสวมชุดนอนตัวหนึ่งแล้วลงมา
มันเป็นกระโปรงยาวผ้าไหม ยาวห้อยลงมาจนถึงข้อเท้า แต่คอวีช่างต่ำมากอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเปิดเผยไหล่กลมมนออกมา เกล้าทรงผมขึ้นเป็นมวยผม ยิ่งแสดงออกถึงบุคลิกภาพคุณหญิงชนชั้นสูงก็ปาน
หลานเยว่ช่างมีรสนิยมในด้านเสื้อผ้าเสียจริง
“ฉันจะไปทำอาหาร” หลานเยว่ยิ้มกับหลี่ผู่เล็กน้อยและเข้าไปในห้องครัว
หลี่ผู่พยักหน้านั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
ไม่นาน หลานเยว่ก็ทำอาหารเสร็จแล้วสองอย่าง เนื้อสันนอกมันฝรั่งจานหนึ่งกับผักผัดจานหนึ่ง ถึงแม้เรียบง่ายแต่ดูดีน่ากินมาก
หลานเยว่ตักข้าวสองชามวางบนโต๊ะอย่างสง่างาม หญิงสาวประเภทนี้ แม้แต่ทุกอิริยาบถระหว่างการทำอาหาร ล้วนมีเสน่ห์ดึงดูดชวนสนใจทั้งสิ้น
“ฉันไม่ค่อยถนัดทำอาหารหลายประเภท คุณก็ฝืนกินเอาหน่อยนะ” หลานเยว่พูดด้วยสีหน้าเกรงใจ
หลี่ผู่รีบพูดว่า “ทำดีมากอยู่แล้ว”
พูดพลางหลี่ผู่หยิบมีดกับส้อมเริ่มกินขึ้นมา ภายในใจคร่ำครวญโหยหวน เสน่ห์เย้ายวนใจของหญิงสาวประเภทนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถต้านทานได้เลย
หลานเยว่กินไปสองสามคำแล้วมองไปที่หลี่ผู่พร้อมกล่าวว่า “เจ้านาย พวกเราค้นพบปัญหาอย่างหนึ่ง”
“ปัญหาอะไรหรือ?” หลี่ผู่กินไปพลางถามขึ้น
หลานเยว่วางมีดกับส้อมลง ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงกล่าวว่า “วันนี้หลังจากกรรมการหลายคนเข้าไปในเหิงไท่ แอบลอบก๊อปปี้ฮาร์ดดิสก์ของหวังซื่อเจี๋ยไป ค้นพบแผนการของเขาที่กำลังหมายตาบริษัทหนึ่งชื่อ บริษัทใบวิลโลว์พลิ้วไสว”
“แผนการอะไร”
“เขาตรวจสอบสถานการณ์ทางการเงินของ บริษัทใบวิลโลว์พลิ้วไสว อีกทั้งเตรียมใช้วิธีการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ เพื่อรับสิทธิ์ถือครองหุ้นของบริษัทดังกล่าวนั่นเอง”
“เขาจะเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปในแผนการหรือ?” หลี่ผู่รู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง
หลานเยว่ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ได้เขียนระบุไว้อย่างชัดเจน แต่มีแผนแต่งงานกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ซึ่งเป็นตัวแทนตามกฎหมายของบริษัทดังกล่าว ประเด็นสำคัญคือ หลังจากแต่งงานแล้วเขาก็ลงทุนในบริษัทดังกล่าวเพื่อยึดครองสิทธิการถือหุ้น แล้วทำการฟ้องร้องหย่าร้าง แม้กระทั่งหนังสือฟ้องร้องก็ยังเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่างละเอียดเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงอนุมานได้ว่า เขาคิดใช้วิธีการตามกฎหมายครอบครองบริษัทดังกล่าวนั่นเอง”
หลี่ผู่ตะลึงงัน ถึงแม้เขาจะคิดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหวังซื่อเจี๋ยจะละเอียดมากถึงขนาดนี้ ยังมิทันได้แต่งงานกันเลยนะ แม้แต่หนังสือฟ้องร้องก็ยังวางแผนไว้เสร็จสรรพแล้ว
ครู่ใหญ่ต่อมาหลี่ผู่ส่งจานให้หลานเยว่พูดว่า “ช่วยเติมหาอาหารให้ฉันอีกหน่อย”
หลานเยว่ตักข้าวอบมาให้อีกจานหนึ่ง หลี่ผู่รับมาและเริ่มกินขึ้นมาแล้ว
หลานเยว่ก็อดไม่ได้แล้วเช่นกัน เธอถามเสียงเบาขึ้นว่า “เจ้านาย คุณกับเหิงไท่นั้น?”
หลี่ผู่มองดูหลานเยว่แล้วคราหนึ่ง หลานเยว่จึงรีบก้มหน้าลงทานข้าว
หลี่ผู่กินข้าวไปสองคำกล่าวเสียงเรียบๆ ขึ้นว่า “หลิ่วเสี่ยวอวี่คืออดีตภรรยาผม พวกเราเพิ่งหย่ากันวันนี้เอง หล่อนจะแต่งงานกับหวังซื่อเจี๋ยแล้ว”
เคร้ง
มีดกับส้อมภายในมือของหลานเยว่ร่วงหล่นลงบนพื้น จนกระเด็นกระดอนกระจายวุ่นวาย
เธอไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลยจริงๆ
หลิ่วเสี่ยวอวี่ช่างโง่เขลาเบาปัญญามากเพียงใด จึงได้หย่าร้างกับหลี่ผู่ จากนั้นไปแต่งงานกับหวังซื่อเจี๋ยคนนั้น
ทว่าเมื่อพูดขึ้นมาในลักษณะเช่นนี้ ปริศนาความสงสัยในใจเธอตลอดหลายวันนี้ ในที่สุดก็คลี่คลายออกมาแล้ว
ที่แท้ตัวโง่เขลาบัดซบทั้งสองได้กระทำเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว
“เจ้านาย” หลานเยว่ขบคิดการใช้ถ้อยคำคราหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวังขึ้นว่า “ผู้หญิงแบบนี้ อย่าไปสนใจดีกว่า”
หลี่ผู่ยิ้มคราหนึ่งพูดว่า “รวบรวมหลักฐานเหล่านั้นทั้งหมดให้ดี ผมยังได้รับเชิญไปร่วมพิธีงานแต่งงานของพวกเขาด้วย ถึงเวลานั้นไม่มีของขวัญติดมือไปด้วย ก็ออกจะอุกอาจไม่เหมาะสม”
“เข้าใจแล้ว” หลานเยว่เข้าใจภารกิจของตนแล้วทันที ภายในใจเริ่มคร่ำครวญไว้อาลัยอย่างเงียบๆ ให้ตัวโง่เขลาบัดซบทั้งสองนั้น
ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จสิ้น หลานเยว่เก็บภาชนะบนโต๊ะอาหารเรียบร้อยเข้าห้องครัวไปแล้ว หลี่ผู่ก็ได้จุดบุหรี่มวนหนึ่งสูบอย่างเงียบๆ ขึ้นมา
รอจนหลานเยว่จัดการเสร็จเรียบร้อยออกมาแล้ว หลี่ผู่กล่าวว่า “ลำบากเธอแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปห้องของตัวเอง
หลานเยว่รู้สึกหมดคำจะพูด ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง เข้านอนเร็วมากขนาดนี้หรอ?
เธอที่รู้สึกอับจนปัญญา ทำได้แต่กลับถึงห้องที่บนชั้น
เธอนอนอยู่บนเตียงรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ หลิ่วเสี่ยวอวี่ตัวโง่เขลาบัดซบนั้น ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย
หลี่ผู่มีพลังทุนเงินทองมากมายมหาศาล และก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขามีพลังความสามารถเหนือคนธรรมดาทั่วไป มีความแข็งแกร่งสมเป็นชายชาตรี อีกอย่างเขายังมีรูปร่างหน้าหล่อเหลาคมคายอีกด้วย
หลังจากสัมผัสติดต่อกันมาสองวันนี้ หลานเยว่พบว่าหลี่ผู่ช่างสุภาพมากเป็นอย่างมาก แม้แต่สายตามองดูอยู่บนร่างกายตน ก็ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านี้ ไม่ทำให้ตนและเขาต้องรู้สึกเคอะเขิน กล่าวได้ว่าช่างวางตัวได้เหมาะสมดีมาก
สามีลักษณะเช่นนี้ไปหาได้ที่ไหนอีกล่ะ?
หลิ่วเสี่ยวอวี่ตัวโง่เขลาบัดซบคนนั้น ไม่เพียงแต่มิคว้าโอกาสนี้เอาไว้เท่านั้น กลับยังกระทำเรื่องแบบนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นกวนใจหลี่ผู่อีก ไม่เพียงแต่โง่เขลาเบาปัญญา อีกทั้งยังโง่เง่าเต่าตุ่นจนช่วยไม่ได้แล้ว
ขณะเธอกำลังจินตนาการครุ่นคิดอยู่นั่นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
มองดูคราหนึ่งเธอก็รับสายแล้ว
“คุณหลาน คนที่พวกเราส่งไปทางเหิงไท่นั้น ได้ค้นพบปัญหาใหม่แล้ว” เลขานุการกล่าวทางโทรศัพท์
“ปัญหาอะไร?”
“เรื่องภาษีกับการเงินของเหิงไท่ล้วนมีปัญหา อีกทั้งยังไม่ใช่เล็กน้อยด้วย”
“ดีมาก บอกพวกเขาเก็บหลักฐานไว้ให้ดี อย่ากระตุ้นให้หวังซื่อเจี๋ยตื่นตัว”
“รู้แล้วคุณหลาน”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้ช่วยนัดหมายหัวหน้าแผนกสรรพากร และกองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ให้พวกเขามาที่ห้องทำงานของฉัน แค่บอกว่าฉันมีเรื่องสำคัญต้องการรายงาน”
“เข้าใจแล้วคุณหลาน”
หลานเยว่วางสายโทรศัพท์ แค่นเสียงเบาๆ พูดว่า “หวังซื่อเจี๋ย กำหนดวันตายของแกมาถึงแล้ว หลิ่วเสี่ยวอวี่ เธอจะต้องสำนึกเสียใจ”
เธอนอนอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาหลับไม่หลับ เมื่อคิดถึงหน้าหลี่ผู่ แล้วใบหน้าเธอก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลี่ผู่ตื่นขึ้นตรงเวลา หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้มาถึงห้องนั่งเล่น
เห็นแต่หลานเยว่สวมเครื่องแบบทำงานสีขาวทั้งตัว กระโปรงทรงกระชับแสดงให้เห็นถึงรูปร่างสัดส่วนอันน่าภาคภูมิใจ
“คุณหลาน ตื่นเช้าขนาดนี้หรอ” หลี่ผู่ยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวทักทาย
หลานเยว่โค้งคำนับเล็กน้อย หลี่ผู่มาถึงตรงหน้าเธอ รอยใต้ตาคล้ำสองแห่งบนใบหน้าของหลานเยว่เห็นได้อย่างแจ่มชัด แม้ว่าแต่งหน้าอย่างประณีตแล้วก็ยังไม่ปกปิดไม่อยู่
“เป็นอะไรหรอ เมื่อคืนนอนไม่หลับหรอ?” หลี่ผู่ถามขึ้น
ใบหน้าของหลานเยว่เป็นสีแดงระเรื่อมาถึงลำคอแล้วทันใด รีบก้มหน้าลงกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้เลขานุการโทรศัพท์มา บอกว่าทั้งด้านภาษีและการเงินของเหิงไท่ล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น ช่วงเช้านี้ฉันได้นัดหมายกับหัวหน้าแผนกสรรพากร และหัวหน้ากองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจไว้แล้ว”
“อ้อ ปัญหาร้ายแรงมั้ย?” หลี่ผู่ดูเหมือนจะสนใจขึ้นมาแล้ว