บท
ตั้งค่า

บทที่ 14 ละครสนุกเปิดฉาก

หลี่ผู่ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่มี” 

“แกตีสนิทกับพ่อฉันมีจุดประสงค์อะไร?” โจวกงเผยถาม  

แต่เวลานี้เองบริเวณจัดงานเลี้ยงมีเสียงดังขึ้นแล้ว

“หัวหน้ากองทหารมณฑลฉิน นายพลโจวโจวกงเผยมาถึงแล้ว”  

คำพูดนี้นำมาซึ่งเสียงอุทานรอบหนึ่งแล้วทันที จากนั้นก็มีเสียงปรบมือพร้อมกันอย่างยาวนาน

บุคคลสำคัญระดับนี้ ก็ยังมาร่วมในพิธีแต่งงานหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่แล้ว ทำให้แขกเหรื่อที่มาทุกคน อดมองทั้งสองอย่างชื่นชมมากยิ่งขึ้นไม่ได้แล้ว

โจวกงเผยขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงสีหน้ารังเกียจขึ้นมา  

หลี่ผู่กล่าวเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลโจวของพวกคุณ สำหรับผมแล้ว พวกคุณไม่มีค่าพอให้ใช้ประโยชน์อะไร”  

สีหน้าของโจวกงเผยปรากฏความโกรธเคืองขึ้นแล้ว พูดเสียงเครียดว่า “ถ้าอย่างนั้นแกจงใจวางแผนเพื่อตีสนิทพ่อฉัน พร้อมทั้งเล่นเล่ห์กลของยุทธภพอีกด้วย ต้องการทำอะไรกันแน่ ควรจะรู้ว่าคนแบบนี้ฉันจัดการมานักต่อนักแล้ว”

“งั้นเหรอ?” หลี่ผู่จิบแชมเปญอึกหนึ่งเอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าผมบอกว่าเห็นแก่ความดีความชอบของเขา เลยอยากให้เขาอายุยืนยาวมากขึ้นอีกหลายปี คุณจะเชื่อหรือเปล่า?”  

“ไม่เชื่ออยู่แล้ว” โจวกงเผยพูดอย่างเย็นชา

หลี่ผู่ส่ายหน้าพูดว่า “งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

“แกจะต้องชดใช้กับการกระทำของแก” โจวกงเผยกล่าว

หลี่ผู่หาวเล็กน้อยพูดเบาๆ ว่า “ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย”

“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของฉัน ฉันจะสะสางปัญหานี้เป็นการส่วนตัว ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ใช้อำนาจกดดันแกอย่างแน่นอน” โจวกงเผยกล่าว

หลี่ผู่ยิ้มแล้วพูดขึ้นช้าๆ “อำนาจของคุณกดดันผมไม่ได้หรอก ถ้าพูดถึงฝีมือส่วนตัว คุณก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมเช่นกัน รีบออกไปให้ไวหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงของคุณต้องเสื่อมเสีย”  

“ไอ้คนอวดดี” แม้ว่าโจวกงเผยจะมีความอดทนอยู่บ้าง เขาก็ยังถูกกระตุ้นจนโกรธเคือง พูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันโจวกงเผยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งต่อสู้ล้มลุกคลุกคลานในค่ายทหารมานานหลายทศวรรษ แกคิดว่าอาศัยคำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถขู่ให้ฉันตกใจได้แล้วเหรอ?”  

“คุณสามารถลองดูสักตั้งก็ได้” หลี่ผู่พูดอย่างไม่อ่อนข้อให้แม้แต่น้อย

และเวลานี้เอง มีเสียงดังขึ้นมาจากงานเลี้ยงอีกครั้ง

“คุณจางปินคุนหัวหน้าเขตทางตะวันตกของเมืองมาถึงแล้ว”

เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้องทันที ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองแล้วเช่นกัน 

กระทั่งเสียงปรบมือหยุดลง โจวกงเผยดูเหมือนสงบสติอารมณ์ลงแล้ว พูดเสียงเครียดว่า “ดูแล้วพวกเราจำเป็นต้องหาสถานที่สักแห่ง คุยกันใหม่สักหน่อยแล้ว”

“ผมไม่ขัดข้อง” หลี่ผู่พูดขึ้นเสียงเรียบๆ “แต่ว่าผมมีความแค้นเล็กน้อยยังต้องสะสางอยู่ที่นี่ รอจนเรื่องราวในที่นี้เสร็จสิ้นแล้ว ผมยินดีให้ความร่วมมือได้ทุกเมื่อ”  

“ฉันจะรอแก” โจวกงเผยเอนหลังบนเก้าอี้ จ้องหน้าหลี่ผู่เขม็ง

หลี่ผู่ไม่สนใจแม้แต่น้อย เพียงแค่คอยมองดูทางเวทีตรงกลางอย่างเงียบงัน

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว คนที่สมควรมาส่วนใหญ่ล้วนมาถึงแล้ว ดาราน้อยของท้องถิ่นคนหนึ่งขึ้นบนเวทีกล่าวทางไมโครโฟนว่า “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถเป็นพิธีกรในพิธีแต่งงานของประธานหวังหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ ขอให้ทุกคนร่วมแสดงความยินดีด้วยค่ะ”  

ห้องจัดเลี้ยงมีเสียงปรบมือดังขึ้น ผ่านไปสักพักเสียงปรบมือถึงหยุดลง พิธีกรกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ขอเชิญคุณจางปินคุนหัวหน้าเขตทางตะวันตกของเมือง กล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีต่อคู่บ่าวสาว”  

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง จางปินคุนขึ้นเวทีด้วยบุคลิกอันสง่างาม มาถึงหน้าไมโครโฟน  

“สวัสดีทุกคน” จางปินคุนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เหิงไท่ กรุ๊ป เป็นองค์กรดาวเด่นในเขตทางตะวันตกของเมืองพวกเรามาโดยตลอด เป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ เพื่อพัฒนาเขตทางตะวันตกของเมืองตลอดจนทั่วทั้งเมืองซีจิง ได้สร้างผลงานเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวง ผมในนามส่วนตัวและตัวแทนตลอดทั้งเขตทางตะวันตกของเมือง ขอแสดงความยินดีต่อคู่บ่าวสาวทั้งสอง ขออวยพรให้สมหวังดังความปรารถนา”  

เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้อง ราวกับระลอกคลื่น

เสียงปรบมือดังอยู่นานถึงหยุดลง พิธีกรได้มาถึงหน้าไมโครโฟนกล่าวว่า “ตอนนี้ขอเชิญคู่บ่าวสาวทั้งสอง กล่าวแสดงความขอบคุณ”  

หลังจากนั้นหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่จูงมือกันขึ้นเวที ยืนอยู่หน้าไมโครโฟน

หวังซื่อเจี๋ยยิ้มน้อยๆ พยักหน้าต่อทุกคนกล่าวว่า “ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมในพิธีแต่งงานของผมไว้ ณ โอกาสนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งของผมหวังซื่อเจี๋ย ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจจริงครับ”

หลังจากเสียงปรบมือระลอกหนึ่งแล้ว หวังซื่อเจี๋ยก็ส่งไมโครโฟนให้หลิ่วเสี่ยวอวี่  

หลิ่วเสี่ยวอวี่โค้งคำนับขอบคุณทุกคนด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นพูดว่า 

“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคน ที่มาร่วมในพิธีแต่งงานของฉันกับซื่อเจี๋ย ฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ในที่นี้ฉันก็มีคำพูดจากใจนิดหน่อย อยากจะพูดกับทุกคน”

ทุกคนฟังอย่างสงบนิ่งรอคอยคำพูดจากใจเจ้าสาว  

“เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยคงรู้แล้วว่า ฉันเคยมีชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขในช่วงหนึ่ง”

พูดถึงตรงนี้หลิ่วเสี่ยวอวี่ก็น้ำตาคลอเบ้า ทุกคนเริ่มซุบซิบขึ้นมาแล้ว

ตระกูลหลิ่วก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างเช่นกัน ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงล้วนเป็นคนในแวดวงธุรกิจการค้า ย่อมรู้ว่าเธอเคยมีประวัติการแต่งงานมาช่วงหนึ่ง

หลิ่วเสี่ยวอวี่สะอื้นแล้วกล่าวต่อว่า

“ในช่วงสามปีที่อดีตสามีหลี่ผู่กับฉันอยู่ด้วยกัน เขาเอาแต่อยู่ว่างๆ ตลอดทั้งวันไม่ทำงานทำการอะไรเลย ไม่สามารถทำหน้าที่ซึ่งคนเป็นสามีผู้หนึ่งพึงกระทำ กล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายคนหนึ่งด้วยซ้ำ ดังนั้นภายใต้ความอับจนหนทาง ฉันจึงได้แต่เลือกการหย่าร้าง แต่สวรรค์เมตตาฉันที่เป็นหญิงสาวอ่อนแอคนนี้ ทำให้ฉันได้พบกับซื่อเจี๋ย เขาเป็นคนจิตใจรับผิดชอบในหน้าที่ เป็นสามีที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง”  

พูดถึงตรงนี้ก็กระตุ้นอารมณ์ของหลิ่วเสี่ยวอวี่ขึ้นมาแล้ว เธอกล่าวด้วยเสียงสูงว่า 

“ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตมารักทะนุถนอมซื่อเจี๋ย ให้เขาก้าวหน้าในอาชีพการงาน รวมทั้งการตั้งต้นดำเนินชีวิตใหม่ล้วนประสบความสำเร็จอย่างสูง นี่คือคำมั่นสัญญาของฉัน และเป็นคำมั่นสัญญาที่มีต่อซื่อเจี๋ยด้วยเช่นกัน ขอเชิญทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้เป็นสักขีพยานให้ฉันด้วย”

เมื่อเสียงพูดหลิ่วเสี่ยวอวี่จบลง เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นมาแล้วทันที

รอจนเสียงปรบมือซาลง บรรดาผู้คนต่างเริ่มซุบซิบนินทาต่อคนที่ชื่อหลี่ผู่คนนี้แล้ว  

เวลานี้หลี่ผู่ยังคงจิบแชมเปญอึกหนึ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน

โจวกงเผยพูดเย้ยหยันว่า “ว่ากันว่าแกคือนักต้มตุ๋น ดูแล้วพูดไม่ผิดเลยจริงๆ”

“ก็ไม่แน่หรอก บางครั้งสิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเอง ยังไม่แน่ว่าจะเป็นความจริงเสมอไป นับประสาอะไรกับสิ่งที่ได้ยินมาล่ะ” หลี่ผู่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

โจวกงเผยพูดเย้ยหยันว่า “สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว แกยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ฉันนับถือแกอยู่บ้างแล้วล่ะ”

และบนเวทีในเวลานี้ พิธีกรมาถึงหน้าไมโครโฟนพูดว่า “ลำดับต่อไปขอเชิญประธานหลาน ประธานสำนักงานใหญ่มณฑลฉิน ของกลุ่มสถาบันการเงินคัยผู่แห่งสากลสาขาประเทศต้าเซี่ยขึ้นเวที กล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดีต่อคู่บ่าวสาว และประกาศเริ่มพิธีวิวาห์”

ทุกคนฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง

ความสำคัญของคัยผู่ ทุกคนล้วนรู้กันเป็นอย่างดี ต่อให้หลานเยว่เป็นเพียงประธานสาขาคนหนึ่ง อันที่จริงความสำคัญก็เหนือกว่าหัวหน้าเขตทางตะวันตกของเมืองเช่นกัน

อย่างที่ทุกคนรู้กัน ตอนนั้นคัยผู่จะตั้งสาขาในซีจิง หัวหน้าผู้นำมณฑลทั้งหมดล้วนเข้ามาหาด้วยตนเอง เพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับคัยผู่ การลงหลักปักฐานในซีจิงของคัยผู่จึงกลายเป็นความจริงแล้ว ความสามารถและพลังของคัยผู่นั้น ช่างยิ่งใหญ่มหาศาล  

เดิมผู้ที่กล่าวสุนทรพจน์คนแรกในพิธีแต่งงาน สมควรเป็นหลานเยว่ เพียงแต่ว่าจางปินคุนเป็นคนของรัฐบาล ดังนั้นจึงจัดให้เขาอยู่หน้า มิฉะนั้นเขายังต้องอยู่ลำดับถัดมาแล้วจริงๆ

เวลานี้หลานเยว่สวมชุดเป็นทางการสีพระจันทร์ขาวทั้งตัว เดินไปถึงหน้าไมโครโฟนบนเวทีอย่างช้าๆ

หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่และแขกเหรื่อที่มาทั้งหมด รวมทั้งจางปินคุน ต่างปรบมืออย่างพร้อมเพรียงขึ้นทันที  

เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวนั้น ดังกว่าตอนที่หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ปรากฏตัวบนเวทีเสียอีก  

รอจนกระทั่งเสียงปรบมือหยุดลง หลานเยว่จึงยิ้มน้อยๆ พูดด้วยไมโครโฟนว่า “ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกคน พูดตามตรงคู่บ่าวสาวใหม่เชิญให้ฉันกล่าวสุนทรพจน์ สำหรับแขกที่อยู่ร่วมในงานเลี้ยงแล้ว ฉันยังไม่มีคุณสมบัติมากเพียงพอจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทุกคนยิ้มอย่างรู้กัน 

ประธานหลานเกรงใจมากเกินไปแล้ว ผู้ที่มีความสำคัญมากที่สุดในสถานที่นี้ เกรงว่าก็คือเธอแล้ว  

หลานเยว่กลับพูดว่า “ยังคงขอเชิญเจ้านายที่แท้จริงของกลุ่มสถาบันการเงินคัยผู่แห่งสากลของพวกเรา หลี่ผู่ คุณหลี่ขึ้นมากล่าวกับทุกคนสักหน่อยเถอะค่ะ”  

ทุกคนตระหนกตกใจ เกิดอะไรขึ้น ฉันคงไม่ได้ฟังผิดไปหรอกมั้ง?  

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel