บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 ตำหนิ

ณ เกาะรีสอร์ทหนานหู

นี่คือรีสอร์ทขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่เอกชนพัฒนาขึ้น ตั้งอยู่ตรงชานเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองซีจิง ครอบครองบริเวณพื้นที่ประมาณหนึ่งพันเอเคอร์เลยทีเดียว

ล้อมรอบด้วยทะเลสาบธรรมชาติดั้งเดิมแห่งหนึ่ง บนเกาะน้อยกลางทะเลสาบ สร้างเป็นโรงแรมระดับห้าดาวด้วยการลงทุนมากกว่าพันล้าน ประกอบด้วยสถานบันเทิงต่างๆ นานา ปลูกพืชพรรณอันล้ำค่าจำนวนมากมาย เป็นรีสอร์ทชื่อเสียงเลื่องลือของซีจิง  

แต่วันนี้เกาะรีสอร์ททั้งหมดในหนานหูถูกหวังซื่อเจี๋ยจองแล้ว เฉพาะผู้เข้าร่วมพิธีงานแต่งงานเท่านั้นถึงอนุญาตให้เข้าไปได้

บนเกาะหูซิน หลังผ่านการตกแต่งต่อเนื่องหลายวัน ได้กลายเป็นสถานที่จัดงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยโต๊ะเก้าอี้พร้อมดอกไม้ ของว่างกับเครื่องดื่มและแชมเปญมากมายหลากหลายชนิด บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขสันต์ 

หลี่ผู่จอดรถไว้ด้านนอกทะเลสาบหนานหู เดินทอดน่องมาถึงเกาะหูซิน ด้านหน้าสุดก็คือโต๊ะลงทะเบียนแขกที่มา และยังเป็นสถานที่สำหรับของขวัญด้วยเช่นกัน  

หลี่ผู่มาถึงโต๊ะลงทะเบียน หยิบเงินจำนวนห้าร้อยที่เตรียมเอาไว้ออกมา โยนลงบนโต๊ะพูดว่า “นี่คือของขวัญแสดงความยินดี”  

คนตรงโต๊ะลงทะเบียนล้วนเป็นคนของตระกูลหลิ่ว พ่อบ้านที่อยู่ในนั้นเมื่อเห็นว่าเป็นหลี่ผู่ แล้วมองดูเงินห้าร้อยที่โยนลงบนโต๊ะ พูดขึ้นอย่างเหยียดหยามว่า “นี่ยากจนข้นแค้นถึงขนาดนี้เลย นายมองดูคนอื่นเขาสิ เงินของขวัญคนไหนไม่ใช่จำนวนหมื่นบ้างล่ะ แปดหมื่นหรือนับแสนก็มากมายหลายคน จำนวนห้าร้อยนี้ นายหยิบออกมาได้โดยไม่ละอายใจบ้างเหรอ?”

“เหอะๆ” หลี่ผู่ยิ้มพลางพูดว่า “เดิมฉันมีเงินมากถึงห้าสิบล้าน น่าเสียดายถูกคนอื่นเอาไปแล้ว แถมยังไม่ยอมคืนเงินให้ฉันอีกด้วย ตอนนี้ฉันมีแค่ห้าร้อยนี้ล่ะ”  

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พ่อบ้านสีหน้าเคร่งเครียด ตวาดใส่ “ไอ้หนู นายมาก่อกวนหรือไง?”  

“ก่อกวน?” หลี่ผู่พูดเสียงเครียดว่า “คนที่ก่อกวนมาตลอดก็คือพวกนายตระกูลหลิ่วต่างหาก ไม่ใช่ฉันสักหน่อย”  

พ่อบ้านแค่นเสียงเย็นชาบอกว่า “ไอ้หนู ถ้าไม่ใช่ประธานหวังกับคุณหนูใหญ่กำชับไว้ วันนี้จะให้นายถูกหามออกไป”

“ฉันไม่เชื่ออยู่บ้างนะเนี่ย” หลี่ผู่พูดเรียบๆ  

คนตระกูลหลิ่วหลายคนข้างๆ พ่อบ้านเห็นเช่นนั้น คิดจะบุกเข้าไปลงมือแล้ว

พ่อบ้านกลับขัดขวางไว้พูดว่า “วันนี้เป็นวันมงคลของคุณหนูใหญ่ ปล่อยเขาไปก่อน รอให้เสร็จงานแล้วพวกเราค่อยเล่นงานเขาอย่างสาสมก็แล้วกัน”  

“ไปหาที่นั่งเอาเองสักที่เถอะ ของกินเครื่องดื่มทุกอย่างล้วนมีหมด พยายามกินอย่างเต็มที่ให้คุ้มค่ากับเงินห้าร้อยนี้ของนายด้วยล่ะ” พ่อบ้านพูดอย่างเย้ยหยัน

หลี่ผู่ไม่สนใจเขาเช่นกัน เดินทอดน่องเข้าไปด้านใน พ่อบ้านรีบโทรศัพท์บอกหลิ่วเสี่ยวอวี่ทันที

หลี่ผู่มาถึงบริเวณใจกลางเกาะหูซิน อยู่ในบริเวณงานเลี้ยงกลางแจ้ง ยกแชมเปญขึ้นมาแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นก็หาที่มุมหนึ่งนั่งลงแล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว แขกเหรื่อกำลังทยอยกันเข้ามา คนที่มีชื่อเสียงบางส่วน บริเวณโต๊ะลงทะเบียนยังขานชื่อด้วยไมโครโฟนอีกด้วย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและก็ทำให้ตัวเองมีหน้ามีตาไปด้วย

เหิงไท่นับได้ว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างในซีจิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตทางตะวันตกของเมือง และเป็นกลุ่มทุนใหญ่ระดับแนวหน้าอีกด้วย วันนี้คนที่มาล้วนแล้วแต่เป็นคนร่ำรวยและชนชั้นสูง กล่าวได้ว่าแขกเหรื่อมากันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว 

หลี่ผู่นั่งลงไม่นานนัก หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ก็เดินเข้ามาแล้ว  

หวังซื่อเจี๋ยสวมชุดสูทสีแดงเข้มทั้งตัว หวีผมเรียบแปล้จนมันวาว หลิ่วเสี่ยวอวี่สวมใส่ชุดรัดรูปสีขาว ควงแขนของหวังซื่อเจี๋ยเอาไว้ ด้วยลักษณะท่าทางมีความสุข

ทั้งสองมาถึงด้านหน้าหลี่ผู่ หวังซื่อเจี๋ยยิ้มพลางพูดว่า “คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่านายยังกล้ามาจริงๆ”

“ได้รับเชิญแล้ว ก็ต้องมาร่วมอวยพรสักหน่อย ถึงยังไงเสี่ยวอวี่กับฉันก็เคยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันช่วงเวลาหนึ่ง” หลี่ผู่เอ่ยเรียบๆ

หลิ่วเสี่ยวอวี่พูดทันทีว่า “นายอย่ามาทำตัวน่ารังเกียจนะ ที่เรียกนายมาเพราะต้องการให้นายรู้ว่าอะไรคือความแตกต่าง ทำให้นายเห็นถึงความเป็นจริงอย่างชัดเจน ไม่ใช่ให้นายยังจินตนาการว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันอยู่อีก”  

“ตั้งแต่ฉันออกจากตระกูลหลิ่ว ฉันก็ไม่เคยคิดแบบนั้นแล้ว” หลี่ผู่บอก

หลิ่วเสี่ยวอวี่แค่นเสียงเย็นชาพูดว่า “งั้นก็ดี นั่งอยู่เงียบๆ มองดูให้ดีว่า อะไรเรียกว่าความยิ่งใหญ่ อะไรเรียกว่าคอนเนคชั่น อะไรเรียกว่าศักยภาพที่แท้จริง ไอ้สวะเอ๊ย”

“ฉันจะตั้งตารอดูแน่ หวังว่าคงจะไม่ผิดหวังล่ะ” หลี่ผู่ยิ้มน้อยๆ พูดขึ้น

หวังซื่อเจี๋ยหัวเราะเหอะๆ พูดว่า “จะไม่ทำให้แกผิดหวังอย่างเด็ดขาด ทุกคนที่มาในวันนี้ ล้วนเป็นคนที่แกต้องแหงนหน้าขึ้นมองทั้งชีวิต ตั้งหน้าตั้งตาดูให้ดีๆ เถอะ”

พูดจบทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนจะควงแขนจากไป  

หลี่ผู่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ดื่มแชมเปญแล้วอึกหนึ่ง รู้สึกเพียงรสชาติเผ็ดร้อน

เวลานี้เอง เสียงหนึ่งดังมาจากลำโพงภายในห้องจัดงานเลี้ยง  

“กลุ่มสถาบันการเงินคัยผู่ สำนักงานใหญ่ประจำมณฑลฉิน ประธานหลานหลานเยว่มาถึงแล้ว”  

เสียงนี้นำมาซึ่งเสียงปรบมืออย่างพร้อมเพรียงของผู้คนนับไม่ถ้วนทันที

ศักยภาพแท้จริงของกลุ่มสถาบันการเงินคัยผู่นั้น เป็นระดับโลกอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นประธานของภูมิภาคหนึ่ง ก็ยังมีอิทธิพลอยู่มาก เพราะที่เธอเป็นตัวแทนนั้น ก็คือทั้งกลุ่มสถาบันการเงินคัยผู่นั่นเอง

หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ยืนอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนตลอดเวลา ก็เพราะกำลังรอคอยการมาถึงของบรรดาบุคคลสำคัญเหล่านี้นั่นเอง  

หลังจากหลานเยว่มาถึงแล้ว ทั้งสองห้อมล้อมหลานเยว่ไว้ แล้วมุ่งหน้าเดินไปยังโต๊ะหลักของงานเลี้ยง

ลักษณะที่เอาใจใส่มากเช่นนี้ เหมือนกับหลานเยว่เป็นตัวเอกในวันนี้

หลานเยว่ก้าวเท้าเดินผ่านโต๊ะจัดเลี้ยง ประสานสายตากับหลี่ผู่แล้วผ่านไป ทั้งสองยิ้มอย่างรู้ใจกัน

หลังจากจัดให้หลานเยว่นั่งเรียบร้อยแล้ว หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ก็มายังโต๊ะลงทะเบียนอีกครั้ง รอคอยแขกเหรื่อคนอื่นๆ  

และเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนร่างกายตรงประดุจทวนพร้อมกับผู้ติดตามคนหนึ่ง ได้มาถึงโต๊ะลงทะเบียนแล้ว  

ชายวัยกลางคนมองดูหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่แล้ว ก้าวเท้ายาวๆ มุ่งหน้าเข้าไปด้านใน

พ่อบ้านสังเกตจากสีหน้าท่าทาง พบว่าหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ก็ไม่รู้จักเช่นกัน จึงรีบเร่งเข้าไปถามว่า “คุณผู้ชายครับ คุณกำลังหาใครอยู่เหรอ?”  

“ฉันมาหาหลี่ผู่” ชายวัยกลางพูดอย่างเย็นชา 

พ่อบ้านตะลึง มองดูหวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ จากนั้นถามทันทีว่า “ไม่ทราบว่าคุณมาหาเขามีธุระอะไรหรือครับ?”  

เวลานี้ผู้ติดตามของชายวัยกลางคนตวาดว่า “นี่คือโจวกงเผยหัวหน้าเขตทหารมณฑลฉินของพวกเรา เขาต้องการทำอะไร จำเป็นต้องรายงานให้นายรู้ด้วยเหรอ?”  

ชั่วขณะนั้นพ่อบ้านรู้สึกสับสนแล้ว นี่คือบุคคลที่สำคัญมาก แต่ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีอยู่ในรายชื่อแขกล่ะ

หวังซื่อเจี๋ยกับหลิ่วเสี่ยวอวี่ก็ตื่นตระหนกแล้วเช่นกัน รีบเข้าไปถามว่า “นายพลโจว ท่านมาหาหลี่ผู่มีธุระอะไรหรือครับ?”

ภายในใจทั้งสองแอบคาดเดา หลี่ผู่คงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลอย่างโจวกงเผยคนนี้หรอกมั้ง?  

โจวกงเผยกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเรามีความแค้นส่วนตัวเล็กน้อยที่ต้องสะสาง วางใจได้ จะไม่รบกวนพิธีงานแต่งงานของนาย”  

เมื่อทั้งสองได้ยิน ก็รู้สึกโล่งอกแล้วทันที

หลี่ผู่ไม่เพียงแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวกงเผยเท่านั้น ยังมีความแค้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย  

เจ้าหมอนี่ แม้กระทั่งนายพลใหญ่ของประเทศอย่างโจวกงเผยคนนี้ก็ยังกล้าล่วงเกิน หลี่ผู่ช่างไม่รู้จักคำว่าตายจริงๆ เลยนะเนี่ย

ทั้งสองรีบเข้าไป พาโจวกงเผยเดินเข้าไปด้านในพลางอธิบายว่า “ความจริงหลี่ผู่คนนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเลย”

“ใช่แล้วล่ะ เขาเป็นอดีตสามีของฉัน แต่งเข้าบ้านตระกูลฉันเป็นเวลาร่วมสามปี ไม่ทำงานทำการอะไรเลย ดังนั้นพวกเราเลยหย่ากันแล้ว แต่วันนี้เขายืนกรานจะมาให้ได้แบบไร้ยางอาย ตอแยฉันไม่ปล่อย พวกเราก็ไม่สะดวกที่จะไล่เขาไป ช่าง......” หลิ่วเสี่ยวอวี่คอยอยู่เป็นเพื่อนโจวกงเผยตลอดทาง กลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายพัวพันถึงพวกเขา

โจวกงเผยโบกมือแล้วพูดว่า “เรื่องราวของพวกเธอ ฉันไม่อยากรู้ วันนี้ฉันมาเพื่อสะสางปัญหาของพวกฉัน”  

“ดีครับ” หวังซื่อเจี๋ยยิ้มอย่างประจบสอพลอกล่าวว่า “ท่านสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ อันธพาลคนนั้น ต้องให้คนอย่างท่านนี่แหละมาสั่งสอนสักหน่อยจริงๆ”  

ระหว่างพูดจา คนกลุ่มหนึ่งเดินมาถึงด้านหน้าหลี่ผู่แล้ว

“เขาอยู่นี่ครับ ต้องการให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่าครับ?” หวังซื่อเจี๋ยถามอย่างประจบประแจง

โจวกงเผยโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ฉันต้องการคุยกับเขาตามลำพัง พวกนายไปจัดการเรื่องของพวกนายก็แล้วกัน”

“ครับ ค่ะ” ทั้งสองตอบรับ พร้อมพูดกับหลี่ผู่ว่า “แกก่อเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ แม้แต่นายพลโจวก็ยังกล้าล่วงเกิน แกเตรียมตัวตายได้เลย”

พูดจบทั้งสองคนทำความเคารพต่อโจวกงเผย หลังจากนั้นถึงกล้าออกไป  

และเวลานี้โจวกงเผยให้คนขับรถไปรออีกด้านหนึ่ง พร้อมกับออกคำสั่งว่า “นอกจากโทรศัพท์ในกองทัพแล้ว เรื่องอื่นๆ ห้ามรบกวนฉันทั้งนั้น” พูดจบก็นั่งเผชิญหน้ากับหลี่ผู่ตามลำพังแล้ว

“แกมีอะไรจะพูดหรือเปล่า?” โจวกงเผยมองดูหลี่ผู่อย่างเฉยชาถามขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel