บท
ตั้งค่า

Ep : 3. ผู้หญิงชั้นต่ำ

พรพจีโกรธแทบควันออกหูเมื่อลูกชายพาผู้หญิงท้องเข้ามาในบ้าน แม้อชิระจะบอกว่าให้เธอมาอยู่ในฐานะคนรับใช้ แต่นางก็ไม่ยินดี เพราะผู้หญิงชั้นต่ำไร้หัวนอนปลายเท้าคนนั้นกำลังอุ้มท้องอยู่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กในท้องเป็นลูกของลูกชายนางจริงๆ รึเปล่า

“อชิทำแบบนี้ทำไม ถ้าหนูตารู้จะทำยังไง” พรพจีตั้งคำถามลูกชายด้วยความขุ่นข้องใจ นางไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กนั่นจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกชาย

“ผมจำเป็นครับคุณแม่”

“จำเป็น มันจะจำเป็นอะไรนักหนาถึงกับต้องพาเข้ามาอยู่ในบ้าน อีกไม่กี่เดือนเราก็จะต้องแต่งงานกับหนูตาแล้วนะอชิ คิดจะทำอะไร อย่าให้หนูตาเขามาถอนหงอกแม่ได้นะ”

“ผมรู้ครับคุณแม่ ผมไม่ให้ขวัญ เอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นมาวุ่นวายแน่นอนครับ ผมกำชับเธอแล้วครับว่าไม่ให้ออกมาวุ่นวาย”

“แล้วเด็กในท้องของยัยชั้นต่ำคนนั้นลูกแน่ใจมากแค่ไหนถึงคิดว่าเป็นลูกของตัวเอง”

“ผมบอกคุณแม่จีไม่ได้เหมือนกัน เพราะอายุครรภ์ของเธอกับช่วงที่ลูกนอนกับเธอมันมีความน่าจะเป็นไปได้สูง แต่ลูกก็ไม่ได้แน่ใจเลยทำสัญญาและพาเธอมาอยู่ในบ้านของเราครับ รอให้เด็กคลอดตรวจดีเอ็นเอ ถ้าใช่ลูกของผม ผมจะรับเป็นลูกของผม แล้วเธอจะหายไปเงียบๆ ครับ อีกอย่างน้องตาเป็นคนดีน่าจะเข้าใจ เพราะมันคือความผิดพลาดของผมเอง ถ้าวันนั้นผม...”

“พอๆ พอเลยไม่ต้องพูด แม่ไม่อยากฟัง แม่อยากเป็นลมหลายๆ รอบตอนนี้ แม่รู้ว่าอชิเจ้าชู้และเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยแค่ไหน แต่ไม่เคยคิดว่าลูกจะพลาด แต่ช่างเถอะ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ลูกดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน และหนูตาด้วย อย่าทำให้หนูตาเสียใจล่ะ พ่อกับแม่ของเขาอุตส่าห์ฝากเขาให้ลูกดูแล”

“ครับคุณแม่ ผมจัดการได้ คุณแม่จีสบายใจได้ครับ”

“ไปเถอะ จะไปไหนก็ไป แม่จะขึ้นไปนอนพักสักหน่อย”

“ครับ ผมจะไปดูเธอสักหน่อยว่าเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าก็แพ้ท้องมากจนกินอะไรไม่ได้”

“อย่าเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมากนักล่ะ เดี๋ยวจะพลาดขึ้นมาอีก แม่ไม่อยากจะได้ลูกสะใภ้ชั้นต่ำ”

“ครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางรักผู้หญิงคนนั้นหรอก ที่พามาก็แค่เวทนาสมเพชคนไม่มีที่ไปเท่านั้นครับ”

“ดี จำคำนี้ของลูกไว้แล้วกัน อย่าคิดกลืนน้ำลายตัวเองล่ะ”

“ครับคุณแม่ คุณแม่ไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”

“ไม่ต้อง แม่ไม่ได้แก่จนเดินเองไม่ได้ แม่ยังแข็งแรงจะอยู่บ่นลูกกับชิตะไปอีกนาน”

“ครับ คุณแม่จีแข็งแรงและเป็นคนที่รักผมกับชิตะที่สุด ผมรักคุณแม่นะครับ” เขาบอกรักผู้เป็นแม่ ในโลกนี้จะมีผู้หญิงคนไหนเล่ารักเขากับน้องชายเท่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีอีกแล้ว

พรพจีลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป แม้ว่าปีนี้หญิงชราจะอายุ 68 ปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงเดินเหินสะดวกสบาย และสุขภาพของนางก็ดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เพราะนางดูแลตัวเองดี ตรวจสุขภาพทุกปี ด้านอชิระเมื่อเห็นว่าผู้ให้กำเนิดเดินจากไป แล้วตัวเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยังเรือนคนรับใช้เหมือนกัน เพราะก่อนนหน้าเขาให้เด็กพาไปยังห้องพัก

พาขวัญมองห้องพักขนาดเล็กของตัวเองที่แม่บ้านพามา มันห้องใหญ่กว่าห้องเช่าของเธอที่เคยอยู่เสียอีก หญิงสาวมองไปที่เตียงขนาดเล็กสามฟุตครึ่งที่อยู่ติดผนังห้องและมีตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กและห้องน้ำในตัว เธอนำกระเป๋าย่ามที่สะพายติดตัวมาไปวางไว้ที่ข้างตู้เสื้อผ้า แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น เพราะก่อนจะออกมาเขาใจดีสั่งอาหารมาให้เธอทาน แต่เธอทานไม่ได้สักอย่าง เพียงแค่ได้กลิ่นก็อาเจียนจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะทรงตัว

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

มือใหญ่ยกขึ้นเคาะประตูห้องทันทีเมื่อมาถึง และเห็นว่าเจ้าของห้องเงียบจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนขนาดเล็ก พอเปิดเข้ามาก็เห็นเพียงถุงย่ามและเสียงน้ำในห้องน้ำไหล

“สงสัยจะอาบน้ำ” เขาเดินไปนั่งลงบนเตียงขนาดเล็กของเธอเพื่อรอให้เจ้าของห้องออกมา อชิระมีเรื่องต้องตกลงกับเธอเล็กน้อยระหว่างที่อยู่ที่นี่

ด้านเจ้าของห้องจากตอนแรกว่าจะล้างหน้าล้างตาเฉยๆ แต่ด้วยความเหนื่อยและเหนียวตัวจากการวิ่งอาเจียนเมื่อเช้านี้เลยทำให้เธอตัดสินใจอาบน้ำ พอเปิดฝักบัวล้างตัวจะถูสบู่ก็ไม่มีสบู่และยาสระผม เลยคิดจะเดินออกมาหยิบของในกระเป๋าย่ามตัวเอง แต่จะออกมายังไงตัวก็เปียก ผ้าเช็ดตัวก็ไม่ได้เอาเข้าไปด้วย แต่นี่มันห้องส่วนตัวของเธอและประตูห้องก็ปิดแล้ว แม้จะไม่ได้ล็อกคงไม่มีใครเข้ามาหรอก พาขวัญจึงตัดสินใจเดินตัวเปลือยเปียกโชกออกมาจากห้องน้ำเพื่อมาเอาของที่ต้องการ แต่พอเปิดประตูห้องน้ำก้าวขาเดินออกมาก็ต้องร้องกรี๊ด

กรี๊ดดดด

พาขวัญตกใจพอๆ กับคนที่บุกรุกห้องคนอื่น เธอรีบก้าวถอยกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็เกิดเสียหลักลื่นจะล้ม คนที่มองอยู่ไวพอที่จะกระโจนเข้าไปคว้าร่างอวบเอาไว้จนตัวเองล้มลงหลังกระแทกพื้น

ตุ้บ!

โอ๊ย!

ร่างเล็กกระแทกกับร่างใหญ่ที่ถลาไปรองรับเธอที่พื้น ด้านอชิระก็ล้มกระแทกพื้นร้องเจ็บจุกออกมา สองมือใหญ่ก็โอบกอดร่างเปลือยเหนือร่างไว้แน่น

“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดเธอเมื่อตอนนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว เพราะร่างนุ่มนิ่มเปลือยเปล่าทาบทับเหนือร่าง และมือของเขาก็กอดรัดตรงหน้าอกอวบอูมของพาขวัญ

“คะ...ฉันขอโทษ ก็อยู่ๆ คุณก็เข้ามาในห้อง ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว” เธอบอกเขาเสียงสั่นแผ่ว เธอยังตกใจไม่หาย หากเมื่อครู่เธอลื่นล้มลงไป ไม่รู้ว่าลูกในท้องจะเป็นยังไงบ้าง ดีที่เขาเข้ามารับไว้ทัน นึกแล้วใจก็หาย แต่ยังไงเขาก็ไม่ควรเข้ามาในห้องนี้

“ลุกไหวไหม”

เขาถามเสียงเรียบพร้อมกับดันร่างเหนือร่างตัวเองให้ลุกขึ้น เพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อนวูบวาบกลางกายความเป็นบุรุษ พาขวัญลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ตัวเธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น เมื่อครู่เขายอมรับตอนเห็นเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาตกใจมากและก็รู้สึกอยากมองร่างอวบอิ่มขาวๆ ของเธอนานๆ แต่ยังดีที่เขาดึงสติตัวเองกลับมาทัน ไม่งั้นเธอได้ล้มหงายหลังกระแทกพื้นและอาจแท้งลูกก็ได้

“ขอบคุณค่ะ” เมื่อถูกดันให้ลุกขึ้นได้ เธอก็เอ่ยขอบคุณคนที่ลุกขึ้นตามตนเอง เธอมองตามสายตาของคนตัวโตที่ตอนนี้เอาแต่เงียบแล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดอกตัวเอง สองขาไขว้ปิดความเป็นสาว

“คะ...คุณอชิระ คุณเข้าไปในห้องน้ำก่อนได้ไหมคะ” เธอไม่ได้สั่งเขา แต่ขอร้องให้เขาทำตาม

“ทำไมฉันต้องเข้าไปด้วย เธอก็ไม่ใช่คนอื่น จะว่าไปเธอก็เป็นเมียฉันนะพาขวัญ” เขามองสำรวจร่างงามเปลือยเปล่าอวบอิ่มตรงหน้าที่ตอนนี้เจ้าตัวงอตัวขดตัวหลบสายตาของเขา ยิ่งเธอขยับตัวห่อตัวหดตัว เขาก็ยิ่งปวดร้าวทรมานจนต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก

“คะ...คุณ...”

“ทำไมล่ะ อย่าบอกว่าไม่ใช่นะ เพราะเราก็เคยได้กันมาแล้ว และเธอก็บอกเองว่าเด็กในท้องเป็นลูกของฉัน” ครั้งนี้อชิระไม่ได้พูดเปล่า แต่ยื่นมือไปวางบนไหล่เล็กสั่นเทาของเธอด้วย

“คะ...คุณ...”

“ทำไม? เธอไปแต่งตัวให้เรียบร้อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ถ้าชักช้า ฉันอาจจะไม่คุยแล้วก็ได้นะ แต่จะทำอย่างอื่นแทน”

อชิระโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างแก้มนวลของหล่อน เพียงแค่ชิดใกล้ เขาก็ได้กลิ่นกายของหล่อน และกลิ่นของเธอเนี่ยแหละน่ากลัว ทั้งๆ ที่เธออาบน้ำมา มันน่าจะเป็นกลิ่นสบู่ กลิ่นนั้นหอมแบบที่เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ากลิ่นอะไรกันแน่ เพราะเกิดมาไม่เคยได้กลิ่นนี้จากที่ไหนนอกจากตัวของพาขวัญ

“คะ...ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่นแล้วก็เหลือบตามองไปยังกระเป๋าย่ามของตัวเองที่อยู่ห่างออกไปสองก้าวเดิน

“รีบสิ ยืนนิ่งทำไม”

“คุณอชิระหันหลังไปหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะเดินไปเอาของในย่าม” เธอบอกเขาพร้อมกับส่งสายตาขอร้องไป เพราะตอนนี้เธอทั้งอายและรู้สึกหนาว สายตาที่มองตอบมามันแฝงอะไรบางอย่าง เขามองเธอราวกับจะกลืนกินเธอทั้งตัว

“อืม” อชิระครางรับปากแล้วก็หันหลังให้อย่างที่เธอต้องการ เพราะเขาเองก็ไม่อยากมองร่างอวบอิ่มยั่วยวนนานกว่านี้เหมือนกัน ยิ่งมองยิ่งจ้อง ความเป็นบุรุษกลางกายระหว่างขาก็ยิ่งร้อนรุ่มทรมาน

พาขวัญมองจนแน่ใจแล้วว่าเขาจะไม่หันกลับมาอีก เธอจึงเดินไปหากระเป๋าย่ามของตัวเองเพื่อนำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กของตัวเองออกมาเช็ดตัวให้แห้งและก็ชุดไม่กี่ชุดในกระเป๋า เลือกเสื้อยืดสีชมพู่อ่อนตัวใหญ่และกางเกงวอร์มเอวยืดสีดำออกมา และชุดชั้นในเข้าชุดสีเนื้อของเธอออกมา เมื่อได้ชุดครบแล้วก็มองไปยังคนตัวโตที่ยืนหันหลังนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ หญิงสาวก็รีบจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ส่วนคนที่บอกว่าหันหลังนั้นก็แอบใช้หางตามองพาขวัญตลอดเวลาที่หล่อนยุ่งกับการแต่งตัว

“เสร็จแล้วค่ะ” พอจบคำบอกของหญิงสาว อชิระก็รีบหันมาทันทีพร้อมกับก้าวเดินผ่านหน้าเธอไปนั่งที่ปลายเตียงเล็ก

“เธอก็มานั่งด้วยกันสิ” มือใหญ่ตบมือที่พื้นที่ว่างข้างๆ ตนเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนได้”

“ตามใจ” เขาตอบเสียงเรียบ แต่สายตาก็ไม่ได้ละไปจากต้นคอระหงของหล่อนเลย เขาอยากซุกไซ้ซอกคอของหล่อนและกัดเม้มให้เกิดรอยเหลือเกินตอนนี้

“คุณอชิระมีอะไรรึเปล่าคะ เห็นบอกมีเรื่องจะมาตกลงกับฉัน”

“ก่อนอื่นเธอมีชื่อเล่นไหมพาขวัญ ฉันว่าเรียกพาขวัญมันยาวไป”

“มีค่ะ เรียกฉันว่าขวัญก็ได้ค่ะ”

“อือ...งั้นก็เลิกเรียกฉันชื่อเต็มด้วยนะ ฟังแล้วขัดหูยังไงไม่รู้ เรียกฉันอชิเหมือนคนในบ้านนี้ก็พอ”

“ค่ะ”

“อยู่ที่บ้านหลังนี้เธอเป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร เธอจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะคลอดลูก และระหว่างอยู่ที่นี่ เธอก็ทำงานเหมือนเด็กรับใช้ในบ้านทั่วไป ไม่มีอภิสิทธิ์พิเศษสำหรับเธอ แม้ว่าเธอจะอุ้มท้องลูกของฉันหรือไม่ก็ตาม และพยายามเลี่ยงการเจอกับคุณแม่ของฉันด้วย อย่าเสนอหน้าไปให้ท่านเห็นถ้าไม่จำเป็น”

“ค่ะ ฉันจะอยู่ในที่ของฉัน คุณไม่ต้องห่วงค่ะ”

“ดี และถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้ ต้องการอะไรฉันจะซื้อมาให้ หรือเธอจะไปซื้อเองก็ได้ ฉันจะให้เงินเดือนเธอเดือนละเจ็ดพันไว้ใช้จ่ายซื้อของใช้ส่วนตัวและเก็บไว้ไปหาหมอตามนัดตรวจ เธออยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้เช่า แถมข้าวปลาก็ฟรี ฉะนั้นฉันให้เธอเดือนละเจ็ดพันก็ถือว่าเยอะมากแล้ว งานในบ้านเธอก็ช่วยเท่าที่เธอทำไหวก็แล้วกัน เพราะเด็กรับใช้ในบ้านรู้ว่าเธอท้อง ไม่มีใครให้เธอทำงานพวกยกของแบกหามอะไรหรอก”

“คุณไม่เห็นต้องให้เงินเดือนฉันเลยค่ะ เพราะแค่ที่คุณให้ที่ซุกหัวนอนและมีข้าวให้กิน แค่นี้ก็มากพอแล้ว”

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีเงิน เวลาไปหาหมอหรือซื้อของที่จำเป็น เธอจะเอาเงินมาจากไหน ฉันไม่ได้ใจดำขนาดนั้นหรอกนะ ให้ก็เอาไปเถอะ”

ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยใจดีกับผู้หญิงที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเลยนะ แต่กับพาขวัญ เขาบอกตัวเองว่าเพื่อลูก ถึงแม้ว่าเด็กจะยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ แต่เขาก็อยากจะดูแล เพราะถ้าเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะได้ไม่เสียใจกับเวลาที่ผ่านมา

“ขอบคุณนะคะที่เมตตาฉันกับลูก”

“ฉันไม่ได้เมตตาหรอก ฉันแค่ทำเพื่อเด็กในท้อง เพราะถ้าคลอดและตรวจดีเอ็นเอแล้วเขาเป็นลูกฉันจริง ฉันจะได้ไม่รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลเขาตอนอยู่ในท้องของเธอ”

“ค่ะ คุณทำเพราะลูก”

“ดี ฉันหมดธุระแล้ว ถ้ามีอะไรฉันจะบอกอีก ว่าแต่เธอมีโทรศัพท์ไหม” เขาถามเมื่อเห็นว่ากระเป๋าย่ามของหล่อนจะมีของมากมายเหลือเกินอยู่ข้างใน

“มีค่ะ”

“เอาเบอร์เธอมาสิ” ว่าแล้วเขาก็ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองออกมาเพื่อกดเบอร์โทรของเธอไว้ เผื่อเวลามีเรื่องด่วนจะได้โทรคุยได้ หรือเวลามีเรื่องจะคุยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินมายังตึกคนรับใช้

“ค่ะ” แล้วเธอก็บอกเบอร์โทรของตัวเองให้กับชายหนุ่ม และไม่นานเขาก็กดโทรหาเธอ

“เผื่อเวลามีเรื่องด่วนหรือเวลามีเรื่องอยากคุยด้วย แต่ไม่อยากเดินมาตึกคนใช้ ฉันจะโทรหาเธอ”

“ค่ะ”

“และถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ แต่ต้องจำเป็นและสำคัญเท่านั้น”

“ค่ะ”

“พูดเป็นแค่คำนี้คำเดียวรึไงขวัญ”

เงียบ!

หึ!

“โอเค ฉันไปแล้ว เธอก็พักผ่อนเถอะ เมื่อเช้าอาเจียนจนแทบไม่มีแรงเดินนี่” พูดจบเขาก็กำมือถือแน่นเดินไปเปิดประตูห้องออกไปโดยไม่หันกลับมามองเจ้าของห้องอีก

เฮ้อ!

พออชิระออกไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจดังออกมาพร้อมกับสาวเท้าเร็วๆ ไปกดล็อกประตูห้องของตัวเองแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วก็คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ คิดแล้วก็พานหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที เมื่อกี้เธอเปลือยต่อหน้าเขาและเขาก็กอดเธอ แถมมือของเขาก็จับหน้าอกของเธอ คิดแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวตัวเองบิดตัวไปมา

“บ้า...ยัยขวัญ มาเขินอะไรกับเรื่องแบบนี้” เธอบ่นว่าตัวเองแต่ก็ยังอมยิ้มเขินอาย สองแก้มนวลแดงระเรื่อขึ้นโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สองแก้มนั้นแดงมากแค่ไหน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel