บท
ตั้งค่า

Ep : 2. สัญญา

อชิระลืมไปเลยว่าที่ห้องพักส่วนตัวชั้นบนสุดของตัวเองมีคนนอนอยู่ เขากลับมาจากดูบัญชีที่อาบอบนวดก็ดึกมากแล้ว และขับรถกลับบ้านไม่ไหวจึงแวะมาพักนอนที่นี่ พอมาถึงห้อง เขาก็ไม่รอช้าที่จะปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกเพื่ออาบน้ำให้สบายตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินตัวเปลือยเปียกโชกออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าเช็ดตัวพาดที่ไหล่กว้างออกมาด้วย

ความเคยชินของอชิระ เพราะไม่เคยมีใครอยู่ร่วมห้องด้วย ถึงจะมีแต่ว่าผู้หญิงทุกคนหลังจากเสร็จกิจกรรมร่วมกัน พวกหล่อนๆ ก็จะกลับ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมานอนค้างคืนด้วย แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมองไปยังเตียงกว้างของตัวเองเห็นผ้าห่มขยับ

“ฉันลืมไปได้ยังไง” เมื่อนึกได้ว่าพาขวัญอยู่ในห้องด้วย เขาจึงรีบเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่ผืนใหญ่กว่าที่พาดไหล่มาพันรอบเอวสอบ แต่ยังไม่ทันได้พันก็ต้องตกใจเสียงร้องของหล่อนก่อน

กรี๊ดดดดดดด

พาขวัญดึงผ้าห่มมาปิดตาเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นอชิระเปลือยอยู่ในห้อง

“หนวกหูเว้ย! หยุดร้องได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไสหัวไปซะ” เขากระชากเสียงสั่งเธอให้หยุดพร้อมกับรีบพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวสอบไว้

อุ๊บ!

พาขวัญปิดปากตัวเองทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มออกมาดูว่าตอนนี้เขาแต่งตัวเรียบร้อยรึยัง พอเห็นว่าเขามีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวแล้วก็ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่ดีเมื่อเห็นหน้าอกกำยำและหน้าท้องที่แข็งแรงของเขาชื้นโชกไปด้วยน้ำ

“คะ...คุณอชิระแต่งตัวก่อนได้ไหมคะ”

“ไม่ ฉันจะใส่แบบนี้ เพราะนี่ห้องส่วนตัวของฉัน” อชิระตอบเสียงเรียบแล้วสะบัดหัวแรงๆ ไล่น้ำที่เกาะติดตามผมที่เปียกออกและใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดไหล่ซับผมไปด้วย

พาขวัญเงียบไม่พูดอะไรต่อ เธอมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตที่ยืนหันหลังเช็ดผมอยู่หน้ากระจกแล้วก็มองไปยังทางประตูห้อง เธอไปไม่ได้ เธอไม่มีที่ไป พาขวัญจึงทำได้แค่เงียบและยอมรับสถานการณ์ตอนนี้ของตัวเองให้ได้ แม้ว่าจะไม่ชอบการที่ต้องอยู่กับเขา แต่เธอก็ต้องอดทนเพื่อลูกน้อยในท้อง

“เธอจะอยู่บนเตียงฉันแบบนั้นอีกนานไหม ฉันจะนอน” เขาถามทั้งๆ ที่ไม่หันมามองเธอ

“ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษเขาพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงแล้วมองไปยังโซฟาตัวเล็กที่มุมห้อง มันเล็กแต่สำหรับพาขวัญมันใหญ่พอที่จะนอนได้

“ทำตัวตามสบายคิดว่าที่นี่เป็นห้องตัวเองแล้วกัน”

อชิระโยนผ้าขนหนูที่เช็ดผมจนหมาดๆ ลงในตะกร้าข้างตู้ แล้วเดินผ่านร่างอวบไปหยิบกางเกงนอนมาสวมใส่อย่างสบายใจ เขาไม่ชอบใส่เสื้อเวลานอน มันรู้สึกอึดอัดไม่เหมือนนอนเปลือยเปล่าสบายตัวและหลับสนิท ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่คนเดียว อชิระก็ยังทำแบบเดิม เขาเดินกลับมาที่ที่นอนพร้อมล้มตัวนอนไม่ใส่ใจคนที่ยืนอยู่

“ปิดไฟให้ฉันด้วยนะ” แล้วเขาก็ปิดเปลือกตา แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกปั่นป่วนที่ช่องท้องก็ตาม แต่จะทำยังไงได้ พาขวัญคือคนที่เขาควรต้องถอยห่าง ไม่ควรแตะต้องหล่อนจนกว่าหล่อนจะคลอดลูก

พาขวัญมองเจ้าของห้องที่ปิดเปลือกตาสนิท แล้วเธอก็เดินไปปิดไฟที่มุมห้องนอนให้เขาก่อนจะเดินไปนอนบนโซฟาตัวใหญ่ เธอนอนกอดตัวเองในความมืด นอนไม่หลับ ด้วยความระแวงเจ้าของห้องนอน แม้ว่าจะแน่ใจว่าเขาไม่มีทางแตะต้องเธอแน่นอน แต่ก็อดคิดไม่ได้

ด้านเจ้าของห้องพอไฟปิดสนิทก็ลืมตาขึ้นในความมืดทันที สองมือสอดประสานกันไว้ที่หน้าอกแล้วก็หายใจเข้าปอดแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด และตอนนี้จมูกของเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มันคือกลิ่นตัวของพาขวัญที่ติดอยู่ที่หมอนและผ้าห่มที่เขากำลังนอนอยู่ตอนนี้

“เธอนอนรึยังพาขวัญ” เขาถามคนตัวเล็กในความมืด

เงียบ!

พาขวัญไม่ตอบ เขาจึงถามอีกครั้ง

“ฉันถามว่าเธอนอนรึยังพาขวัญ” ครั้งนี้อชิระถามเสียงดังกว่าเดิม

“ยะ...ยังค่ะ”

“ทำไมเธอยังไม่นอน”

“นอนไม่หลับค่ะ”

“ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ฉันว่า...” แล้วเขาก็หยุดพูดไปเมื่อคิดว่าไม่ควรจะให้เกิดขึ้นอีก เขาจึงขยับพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้โซฟาตัวที่หญิงสาวนอนอยู่

“คะ...คุณอชิระ” เธอรอเขาพูดให้จบ

“นอนไม่หลับก็ต้องนอน อย่าส่งเสียงดัง ฉันต้องการจะพักผ่อน”

“ค่ะ”

“เธอนอนได้นะ ไม่ปวดหลังนะ” แล้วเขาก็ถามหล่อนอีกครั้ง เขาน่าจะให้เธอขึ้นมานอนบนเตียง เพราะเธอท้องอยู่ ส่วนเขาไปนอนที่โซฟา แต่เรื่องอะไรเขาต้องเสียสละให้พาขวัญด้วยล่ะ ไม่มีทาง

“ไม่ต้องห่วง ฉันนอนตรงไหนก็ได้ค่ะ”

“ดี งั้นก็นอนซะ” เขาบอกไปแบบนั้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้เลยว่าจะหลับตาได้เมื่อไหร่ กลิ่นกายอ่อนๆ ของพาขวัญช่างรบกวนเหลือเกิน และที่สำคัญภาพในคืนนั้นก็มักฉายซ้ำเข้ามาให้คิดถึงจนอยากจะลุกขึ้นไปกดกระแทกร่างแรงๆ เข้าออก ยิ่งคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งทรมานจนต้องลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“เธอมาเอาผ้าห่มไปห่มสิ ตรงนั้นแอร์ตก มันเย็น” เขาบอกเธอในความมืด

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“บอกให้เอาไปก็เอาไปเถอะน่า”

“ค่ะ” พาขวัญลุกขึ้นในความมืดที่พอมองเห็นในห้องสลัวๆ ไปยังเตียงใหญ่กลางห้องแล้วกระตุกดึงผ้าห่มไปกอดไว้แล้วเดินกลับไปนอนที่เดิม ส่วนอชิระก็ได้แต่หายใจแรงๆ เมื่อผ้าห่มไปแล้ว เหลือหมอน หมอนที่มีกลิ่นตัวของหล่อนติดอยู่

“ขอบคุณนะคะ” เธอขอบคุณเขาแล้วล้มตัวนอนลงโซฟาพร้อมกับห่มผ้าที่เขายกให้

เงียบ!

ไร้เสียงโต้ตอบกลับมา มีเพียงเสียงลมหายใจของเจ้าของห้อง เธอคิดว่าเขาหลับไปแล้วจึงไม่พูดอะไรต่อ พาขวัญพยายามข่มตาตัวเองให้นอนหลับ แต่ก็ยากเหลือเกินเมื่อต้องมานอนร่วมห้องนอนกับผู้ชายที่เพอร์เฟกต์แบบอชิระ

‘ให้ตายสิอชิ เธอท้องนะเว้ย เธอท้อง เราไม่ควรทำอะไรเธอ อีกอย่างก็แค่ผู้หญิงจืดๆ คนเดียวเอง เราไม่ต้องการ ให้ตายสิวะ!’ อชิระพยายามข่มอารมณ์ตัวเอง เมื่อคิดว่ายังไงวันนี้ก็นอนไม่หลับแน่นอน อชิระลุกพรวดทำเอาคนที่นอนอยู่ไม่ไกลสะดุ้งหันมามองเขา

“ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีเอกสารค้างอยู่ ฉันจะลงไปทำงาน ส่วนเธอก็มานอนบนเตียงแทนฉัน เพราะฉันจะไม่ขึ้นมาแล้ว” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุด

คนร้อนรนเปิดไฟหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วรีบคว้าเสื้อยืดตัวไหนสักตัวที่ใกล้มือ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องและปิดมันลงอย่างแรง โดยไม่สนใจเลยว่าคนที่อยู่ในห้องจะทำอะไร พูดหรือรู้สึกอย่างไร อชิระรู้เพียงว่าต้องออกจากห้องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะว่าร่างกายเขาจะทนทานกับความเย้ายวนไม่ไหว กลิ่นหอมๆ ร่างกายอวบอิ่ม ผิวขาวๆ เสียงครวญครางหวานๆ ของหล่อนมันยังคงดังก้องในหูจนทุกวันนี้

เมื่อแน่ใจว่าเจ้าของห้องกลับออกไปแล้ว หญิงสาวจึงเดินมาปิดประตูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้แอบอยู่หน้าห้อง พาขวัญถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็ได้พักผ่อนเสียที ไม่อย่างนั้นลูกของเธอคงจะต้องเพลียแน่ๆ หญิงสาวอ้าปากหาวหวอดๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน

“ให้ตายสิอชิ ทำไมต้องเป็นคนออกมาด้วยวะ” พอมาถึงห้องทำงาน เขาก็ได้แต่หงุดหงิดตัวเองที่เป็นฝ่ายเดินออกมา ทั้งๆ ที่ห้องนอนเป็นของตัวเอง แต่กลับอยู่ไม่ได้ต้องปล่อยให้พาขวัญอยู่คนเดียว

“ทำไมฉันต้องรู้สึกอะไรแบบนี้ด้วยวะ”

พูดแล้วเขาก็ลูบเป้ากางเกงตัวเองไปมาด้วยความปวดร้าว ทำไมเขาต้องรู้สึกต้องการรุนแรงขนาดนี้ด้วย ทำไมเขาต้องต้องการพาขวัญมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาลืมเธอไปแล้วด้วยซ้ำ ลืมไปแล้ว แม้ว่าช่วงที่หล่อนมาทำงานแทนเพื่อน เขาจะรู้สึกชอบความสวยอ่อนหวานของหล่อน แต่เธอเป็นแค่เด็กในไนต์คลับ เขาไม่ใช่สมภารจะกินไก่วัด ถ้าไม่เกิดเรื่องวันนั้น เขาไม่มีวันแตะต้องพาขวัญแน่ แม้ว่าจะอยากได้ก็ตามในตอนนั้น

“ทำไมฉันต้องเป็นคนมานอนที่ห้องทำงานด้วย ทำไมวะ”

เขาหงุดหงิดกับตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติแล้วควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่ทำไมแค่วันนี้ที่เจอพาขวัญหลังจากไม่เจอหล่อนมานานสี่เดือนกว่าแทนที่จะไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่ใบหน้าสวยหวาน ร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวล กลิ่นตัวหอมอ่อนๆ แบบแป้งเด็กของเธอมันก็ช่างเร้าอารมณ์ดีเหลือเกิน มันเรียกร้องและเขาก็อยากจะกระโจนเข้าหาเหลือเกินตอนนี้

“ให้ตายสิวะ! ปัง!” เขาตบโต๊ะทำงานตัวเองแรงๆ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นอน ชีวิตนี้เคยหลับที่ทำงานก็บ่อย แต่ไม่ใช่หลับทั้งๆ ที่ยังมีอารมณ์ร้อนรุ่มอยู่แบบตอนนี้ แล้วคืนนี้เขาจะหลับได้ไหม จะได้นอนไหม กลิ่นของพาขวัญยังติดอยู่ปลายจมูกอยู่เลยตอนนี้

“ให้มันได้แบบนี้สิวะอชิ” แล้วเขาก็ต้องลุกขึ้นเดินวนไปวนมาในห้องทำงานด้วยความหงุดหงิดตัวเอง เขาอยากจะบ้าตาย อยากจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อกระทำกับพาขวัญอย่างที่ร่างกายต้องการในตอนนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นทนายส่วนตัวของอชิระก็นำสัญญาที่สั่งให้ทำระหว่างเขากับพาขวัญก็นำมาให้อ่าน อชิระที่มีหน้าตาไม่สดใส ดวงตาดำคล้ำหม่นหมอง ก็เขาไม่ได้นอนทั้งคืน เขาเดินและลุกนั่งตลอดทั้งคืน

“ผมร่างตามที่คุณอชิสั่งแล้วนะครับ อ่านแล้วแก้ตรงไหนเพิ่มเติมตรงไหนบอกได้เลยครับ” ทนายสิงขรเอ่ยบอกเจ้านายเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มอ่านเสร็จแล้ว

“อืม...ไม่มีอะไรต้องเพิ่มเติมแล้ว เดี๋ยวสักพักเธอก็จะลงมาเซ็นเอกสารแล้ว ผมให้เด็กไปตามแล้ว”

“ว่าแต่ทำไมคุณอชิถึงได้ใจดีกับเธอครับ ทั้งๆ ที่คุณอชิก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเด็กเป็นลูกของคุณ” สิงขรถามเจ้านายหนุ่มด้วยความสงสัย อชิระไม่เคยทำอะไรแบบนี้ และไม่มีทางปล่อยให้คนที่ท้องกับเขาไว้แน่นอน ไม่ปล่อยให้เข้ามาวุ่นวายมาเรียกร้องแน่

“เพราะไม่แน่ใจยังไงล่ะ ฉันกับพาขวัญ...ช่างเถอะ เดี๋ยวพอเซ็นสัญญาเสร็จ ฉันจะพาเด็กนั่นไปที่บ้าน”

“คุณท่านรู้รึยังครับ”

“ยัง แม่ฉันยังไม่รู้ และจะรู้อีกไม่นานนี้แหละ ยังไงท่านก็ต้องรู้อยู่ดีถ้าหากว่าในอนาคตเด็กเป็นลูกของฉันจริงๆ”

“แล้วคู่หมั้นของคุณล่ะครับ คุณแก้วตา”

“ฉันจัดการได้ นั่นไง เธอมาแล้ว พาขวัญมาเซ็นสัญญาสิ แล้วฉันจะพาเธอไปอยู่ที่บ้านฉัน” พาขวัญเปิดประตูเข้ามาพอดี เขาจึงไม่ปล่อยให้เสียเวลาเรียกหญิงสาวมาเซ็นสัญญาระหว่างลูกให้จบๆ

พาขวัญเดินอย่างประหม่ามานั่งบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ เธอหันมองหน้าอชิระราวกับตัดสินใจอีกครั้ง ทนายส่งเอกสารให้ เขาดูสุภาพและสุขุมกว่าคนอายุน้อยกว่า พาขวัญรับเอกสารนั้นมาถือไว้

“อ่านดูนะ แต่ฉันไม่แก้ไขอะไรทั้งนั้น เพราะฉันคือผู้เสียหาย” อชิระบอกให้เธออ่าน แต่ก็แค่ให้อ่านไม่ได้คิดจะแก้ข้อความในสัญญาถ้าหากว่าเธอต้องการให้แก้

“ไม่เห็นต้องอ่านค่ะ เพราะอ่านไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงคุณอชิระก็ไม่คิดจะแก้ไขเนื้อความในสัญญา” เธอตอบเขาพร้อมกับอ่านข้อความที่ขีดเส้นใต้ไว้ในสัญญา เธอยิ้มให้กับข้อความที่อ่านเจอ แค่นี้แหละที่ต้องการ

“ถ้าลูกเป็นลูกฉัน เขาจะได้อยู่กับฉันและฉันมีสิทธิ์ในตัวเขาคนเดียว จะไม่มีสิทธิ์รู้ว่าใครคือแม่ และเธอก็ต้องหายไปเงียบๆ ห้ามมาให้เห็นหน้าอีก แต่ฉันจะให้เงินเธอไปตั้งตัว แต่ถ้าลูกไม่ใช่ลูกฉัน เธอก็ออกไปจากชีวิตฉันพร้อมกับเงินหนึ่งก้อนที่ฉันจะให้เธอเหมือนกัน และจำไว้สัญญานี้จะสิ้นสุดลงทันทีเมื่อเธอคลอดลูก”

“ค่ะ เพราะยังไงลูกก็เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว ฉันขอแค่ให้เขามีชีวิตที่ดี ไม่อยากให้เขาไปตกระกำลำบากกับฉัน”

“หึ! สิงขรเอาปากกาให้เธอเซ็นสัญญาสิ” ทนายหนุ่มส่งปากกาให้หญิงสาวเพื่อลงลายมือในสัญญาให้เสร็จ ก่อนจะนำสัญญาอีกฉบับให้เธอเซ็น สัญญาครั้งนี้เขาทำขึ้นสองฉบับเพื่อให้เจ้านายและผู้หญิงคนนี้ถือไว้คนละฉบับ

“เรียบร้อยแล้วนะทนายสิงขร” อชิระเอ่ยถามทนายของตัวเองพร้อมกับเซ็นสัญญาในส่วนของตัวเองเสร็จพอดี

“ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ผมเซ็นลงเป็นพยานให้ครับ” ทนายหนุ่มรับสัญญาทั้งสองฉบับมาเซ็นลงนามเป็นพยาน ก่อนจะประทับตราประจำตัวของอชิระที่ตัวเองมีและของตัวเองในสัญญาทั้งสองฉบับแล้วส่งยื่นให้พาขวัญกับอชิระเก็บไว้คนละฉบับ

“ทุกอย่างเรียบร้อย นายก็ไปได้แล้ว ฉันจะพาเธอไปบ้านฉัน เพราะเธอต้องไปอยู่ที่บ้านฉันจนกว่าจะคลอดลูก ว่าแต่ข้าวของเธอมีไหม” เขาถามเธอ ส่วนทนายสิงขรก็เก็บของแล้วกลับไปเงียบๆ

“มีแค่กระเป๋าย่ามใบเดียวค่ะ” พาขวัญตอบเขา เพราะเธอมีเสื้อผ้ามาด้วยแค่สามชุดเอง และย่ามของเธอก็ใหญ่พอใส่ ไม่มีข้าวของอะไรมากมายนัก อีกอย่างเธอแทบจะหยิบอะไรออกมาจากห้องพักไม่ได้เลย

“ดี...งั้นไปกันเลย บอกไว้เลยนะ ไปอยู่ที่นั่นเธอควรอยู่ในที่ของเธอ”

“ค่ะ ฉันจะเจียมตัว”

“ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ”

แล้วเขาก็ลุกขึ้นพร้อมล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองเหมือนที่ทำปกติ และวันนี้เขายังมีนัดกับคู่หมั้นสาวอีก แม้ไม่อยากไปอยากปฏิเสธ แต่ก็สงสารแก้วตา เขาจึงไม่อยากปฏิเสธหญิงสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel