พานพบ 2/2
รุ่งเช้าวันต่อมา เสี่ยวจูเตรียมตัวออกเดินทาง นางสวมเสื้อผ้าที่สบายและสะพายกระเป๋าใบเล็ก ๆ บรรจุขนมและน้ำเพียงเล็กน้อย นางตั้งใจที่จะเดินทางไปค้นหาสวนบุปผาที่ผู้เฒ่าเล่าให้ฟัง เสี่ยวจูเดินตามเส้นทางที่ผู้คนบอกว่าจะนำไปสู่ป่าลึกแห่งหลิ่งหลัว
ระหว่างทาง นางเดินเลียบไปตามแม่น้ำสายเล็กที่ไหลผ่านกลางเมือง น้ำในแม่น้ำใสแจ๋วและสะท้อนภาพของท้องฟ้าและต้นไม้ที่อยู่ริมฝั่ง นางหยุดยืนมองภาพสะท้อนนั้นด้วยความยินดี นางหลงรักธรรมชาติที่สวยงามและสงบสุขเช่นนี้
“ข้าหวังว่าจะได้พบสวนบุปผาจริง ๆ” เสี่ยวจูพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะออกเดินทางต่อ
หลังจากเดินทางผ่านป่าเขียวชอุ่มมาเป็นเวลานาน เสี่ยวจูเริ่มรู้สึกเหนื่อย แต่ความตื่นเต้นยังคงพาให้นางเดินต่อไป ในที่สุดนางก็ได้มาถึงสวนบุปผาที่เป็นตำนาน สวนนี้งดงามเกินกว่าที่นางเคยจินตนาการไว้ ดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ดอกไม้บางชนิดนางไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต นางตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามที่อยู่เบื้องหน้า
“ที่นี่สวยงามยิ่งนัก!” เสี่ยวจูพูดด้วยความประหลาดใจ นางรู้สึกเหมือนกับได้หลุดเข้ามาในโลกแห่งความฝัน
ขณะที่นางเดินสำรวจสวนดอกไม้อันงดงามอยู่นั้น เสี่ยวจูก็พบกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังเดินผ่านสวนอย่างเงียบ ๆ นางหยุดเดินทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของเขา ชายหนุ่มผู้นี้งดงามราวกับเทพเซียน รูปร่างสูงสง่า ผิวขาวผ่องเหมือนหยก ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายเมื่อกระทบกับแสงแดด นัยน์ตาสีเขียวของเขาเปล่งประกายราวกับดวงดาวบนฟากฟ้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ผสมน้ำผึ้งลอยมากระทบจมูกของนาง ทำให้นางรู้สึกสงบและสบายใจอย่างประหลาด
เสี่ยวจูแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นเขา ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของนาง นางรู้สึกคล้ายเหมือนเคยพบกับชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน ความอบอุ่นและความสงบที่เขาแผ่ออกมาทำให้หัวใจของนางเต้นแรง แต่ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกปลอดภัยและประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เสี่ยวจูและหยุดยืนตรงหน้าเขา “เจ้าไม่ควรเข้ามาที่นี่ สวนนี้เป็นพื้นที่ต้องห้าม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมแต่ไม่ได้แฝงความโกรธ
เสี่ยวจูรู้สึกประหลาดใจ นางไม่เข้าใจว่าทำไมสวนที่สวยงามเช่นนี้ถึงเป็นพื้นที่ต้องห้าม นางจึงตอบกลับด้วยความสงสัย “พี่ชาย ข้าก็แค่อยากมาชื่นชมความงามของสวนนี้เท่านั้นเอง ทำไมถึงเป็นพื้นที่ต้องห้ามกัน?”
ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน เสี่ยวจูเริ่มรู้สึกวิงเวียน นางรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวเริ่มหมุน แล้วนางก็สลบไปทันที
เมื่อนางรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง นางพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ด้านหน้าของสวน นางถูกพาออกมาจากสวนบุปผาโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวจูรู้สึกประหลาดใจและสับสน นางไม่รู้ว่าตัวเองออกมาจากสวนได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน เหวินจิ้ง ชายหนุ่มรูปงามผู้ที่นางพบเมื่อครู่ ยืนลอบมองนางจากระยะไกล ข้าง ๆ เขามีกระต่ายสีขาวขนฟูนุ่มที่มีนามว่า”อวี้หลัน” กระต่ายตัวนี้ไม่ใช่กระต่ายธรรมดา แต่มันเป็นสัตว์เทพที่อยู่เคียงข้างเหวินจิ้งมาหลายร้อยปีแล้ว
เหวินจิ้งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นมนุษย์คนใดสามารถเข้ามาในสวนนี้ได้มาก่อน “นางเป็นใครกันแน่?” เขาถามตัวเองเบา ๆ
อวี้หลันเอียงคอด้วยความสนใจ “ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน เหวินจิ้ง แต่นางต้องมีบางสิ่งที่พิเศษถึงสามารถเข้ามาได้ ข้าว่าคงต้องจับตาดูนางไว้”
เหวินจิ้งถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบ “เราคงต้องรอดูต่อไป แต่นางต้องไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่ของข้าและสวนนี้เด็ดขาด”
“ข้าจะช่วยท่านปกป้องความลับนี้อีกแรง” อวี้หลันกล่าวพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แล้วทั้งสองก็เฝ้ามองเสี่ยวจูจากระยะไกล ความลับที่ซ่อนอยู่ในสวนบุปผานั้นยังคงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องปกปิด และเสี่ยวจูก็ไม่รู้เลยว่าการเดินทางของนางในสวนบุปผานั้นจะพานางไปพบกับความลึกลับและเรื่องราวที่เกินกว่าจินตนาการของนาง