ความหวังในเงามืด 1/2
ชายหนุ่มเองก็ดูตกใจเช่นกันเมื่อเห็นนาง “แม่นางใช่ไหม? หญิงสาวที่สวนบุปผาในวันนั้น” เขาถามด้วยความสงสัยและแปลกใจ
เสี่ยวจูไม่ทันได้ตอบคำถามของเขา จู่ๆ เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “ช่วยข้าด้วยครับ ใครก็ได้ช่วยรักษานกของข้าที!” เด็กชายร้องไห้พลางถือกรงนกที่มีนกตัวเล็ก ๆ นอนซึมอยู่ข้างใน
ชายหนุ่มที่เสี่ยวจูพบ เขามองเด็กชายด้วยความสงสารและเห็นใจ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะ ตัวข้านั้นเป็นหมอยาพเนจร ข้าจะช่วยเจ้ารักษานกน้อยเอง” เขาพูดพร้อมหยิบสมุนไพรจากกระเป๋าแล้วบดผสมกับน้ำ จากนั้นจึงให้เด็กชายป้อนยาสมุนไพรให้นกตัวนั้นดื่มเข้าไป
“พี่ชาย นกของข้าจะหายใช่ไหม?” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงหวังว่าจะได้คำตอบที่ดี
“ใช่แล้ว อาการของมันจะดีขึ้นในไม่ช้า” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
เด็กชายยิ้มออกมาและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านนะขอรับที่ช่วยนกของข้า”
“ข้าเต็มใจช่วย” ชายหนุ่มตอบหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป เด็กชายขอตัวจากไป บุรุษผู้นั้นหันมาทางเสี่ยวจู “ข้าต้องไปแล้ว ลาก่อน” เขากล่าวก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
เสี่ยวจูมองตามหลังเขาด้วยความประทับใจที่เขาช่วยเหลือนกน้อยอย่างอ่อนโยนและใจดี นางรู้สึกเสียดายที่ลืมถามชื่อของเขาอีกครั้ง นางถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ข้าลืมถามชื่อของเขาอีกแล้ว...”
หญิงสาวยืนด้อมๆ มองๆ ไปยังตลาดที่ยังคงคึกคักอยู่ สายตานางมองไปตามแผงขายของต่างๆ หวังว่าอาจมีโอกาสพบเขาอีกครั้ง แต่หัวใจนางยังคงเต็มไปด้วยคำถามว่าชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกันแน่
จากวันนั้นเวลาก็ผันผ่านไปร่วมเดือน ในยามเย็นวันหนึ่งภายในจวนใหญ่ของเจ้าเมืองหลิ่งหลัว ความเงียบสงบถูกทำลายด้วยเสียงไอแห้งๆ ของเสี่ยวหลง เด็กชายวัยสิบสองหนาวผู้ป่วยหนัก ร่างเล็กของเขานอนซมอยู่บนฟูกที่เตรียมไว้กลางห้อง ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อ ความร้อนจากไข้ที่พุ่งสูงทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
"พี่เสี่ยวจู...เสี่ยวหลงหนาวเหลือเกิน..." เด็กน้อยเอ่ยเสียงแผ่วเบา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
เสี่ยวจู พี่สาวของเสี่ยวหลง นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางใช้มือบางลูบศีรษะน้องชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม แม้นางจะรู้ดีว่าเพียงแค่การลูบหัวน้องชายไม่อาจบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้ แต่เป็นสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้ ทั้งครอบครัวรู้ดีว่าเสี่ยวหลงป่วยหนัก แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่มิได้หมายความว่าจะหายาจากหมอที่สามารถรักษาเขาได้
หลายวันที่ผ่านมา ครอบครัวเสี่ยวจูได้เดินเตร็ดเตร่ไปตามร้านขายยาต่างๆ ในเมือง พยายามหาหมอที่ยินดีรักษาบุตรชายของพวกเขา แต่ก็ไร้ผล เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนยิ่งหมดหวัง หมอในเมืองปฏิเสธการรักษาเพราะอาการป่วยของเสี่ยวหลงนั้นมีความซับซ้อนเกินกว่าที่พวกเขาจะรักษาได้
"ข้าบอกท่านแล้ว ข้าไม่อาจรักษาเด็กคนนี้ได้!" หมอคนหนึ่งในร้านขายยาพูดด้วยความเหนื่อยใจ ขณะที่เสี่ยวจูเดินเข้ามาเพื่อถามอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจและความรู้สึกผิด
เสี่ยวจูเดินคอตกออกจากร้านขายยา นางน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสิ้นหวัง นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปแล้ว นางเดินกลับบ้านอย่างช้าๆ ปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกหนักหน่วง ขณะที่นางเดินผ่านตลาด เสียงผู้คนรอบข้างที่พูดคุยกันถึง 'หมอพเนจรเหวินจิ้ง' ดึงความสนใจของนางทันที พวกเขาเล่ากันว่าเขาเป็นหมอเทวดาผู้มีฝีมือในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ซับซ้อน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บางคนบอกว่าเรือนของหมอพเนจรเหวินจิ้งตั้งอยู่ที่ท้ายป่าหลังเมือง และบ้างก็กล่าวว่าเรือนของเขานั้นอยู่ใกล้กับสวนบุปผาลึกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความหวังที่จางหายไปเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้งในหัวใจของเสี่ยวจู นางเชื่อว่าหมอพเนจรเหวินจิ้งอาจจะเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยชีวิตน้องชายของนางได้ แม้ว่านางจะไม่เคยพบเขามาก่อน แต่นางตัดสินใจแล้วว่าจะออกเดินทางไปตามหาหมอพเนจรเหวินจิ้ง