7 ผมไม่ได้ขอร้องคุณนะ
เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป
“ผมไปด้วยนะ”
“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก
“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”
“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”
“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”
“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”
“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”
พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า
รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เป้าหมายคือโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา
เวหาและเมญาวีมาถึงโรงงาน ทั้งสองเข้าพบผู้จัดการโรงงานแต่ยังไม่ทันได้ลงไปดูที่ฝ่ายผลิตเพราะถึงเวลาพักเที่ยงพอดี
ผู้จัดการเลยอาสาจะพาหัวหน้าโปรเจกต์และผู้ช่วยไปทานอาหารกลางวัน
“ไหน ๆ ผมก็มาถึงนี้แล้ว เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ชวนคนอื่นในออฟฟิศไปดีไหมครับ ผมอยากรู้จักทุกคนไว้ เพราะคงได้ร่วมงานกันอีกนาน”
“จะดีเหรอครับคุณเวหาพวกเรามีกันหลายคนเลยนะครับ”
“ดีสิครับ อันที่จริงผมอยากรู้จักทุกคนเลยแต่วันนี้เอาแค่หัวหน้าแผนกก่อน ส่วนพนักงานคนอื่นผมจะพยายามรู้จักพวกเขาเอง”
พอตกลงกันได้แล้วเวหาก็ขับรถตามทุกคนไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเลขาของผู้จัดการได้โทรจองเองเอาไว้แล้ว
หลังมื้ออาหารเวหาก็ได้คุยกับหัวหน้าแต่ละแผนกอย่างเป็นกันเอง เขาไม่ได้บอกทุกคนว่าตัวเองเป็นลูกชายของคุณสิงหล เรื่องนี้คนในบริษัทไม่มีใครรู้
ชายหนุ่มไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับบิดาเพราะตากับยายอยากให้หลานชายคนเดียวได้ใช้นามสกุลเก่าแก่ของตัวเอง มากกว่าจะไปใช้นามสกุลของบิดา ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงธุรกิจ
ฝนตกรถติดเป็นอะไรที่มักจะมาคู่กันและเป็นปัญหาเสมอกับคนที่อยู่ในเมืองกรุง แม้เวหาจะออกจากอยุธยาตั้งแต่บ่าย ถึงตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วรถคันหรูของชายหนุ่มก็ยังติดแหง็กอยู่บนท้องถนน
“จอดให้เมยลงตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณเวย์”
“ทำไมล่ะครับ ยังไม่ถึงบริษัทเลย”
“รถติดขนาดนี้กว่าเราจะไปถึงบริษัทก็คงเป็นชั่วโมง เมยคิดว่าคุณคงกลับทานข้าวกับคุณแม่ไม่ทันแน่ ๆ ค่ะ ให้เมยลงตรงนี้ดีกว่านะคะ เดี๋ยวเมยเรียกแท็กซี่กลับเองได้”
“คุณกลับเองได้แน่นะครับ ฝนตกแบบนี้อาจไม่มีแท็กซี่ก็ได้”
“ถ้าแท็กซี่ไม่มี เมยเรียกแกรปก็ได้ค่ะ จากตรงนี้ไม่ไกลจากที่พักของเมยเท่าไหร่ คุณเวย์ก็จะได้เลี้ยวข้างหน้าได้เลยไม่ต้องเข้าไปเจอรถติด”
“งั้นก็ได้ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“ค่ะ ขับรถดีนะคะ” เมญาวีพูดเร็วปรื๋อแล้วเปิดประตูรถลง ก่อนจะวิ่งไปยังป้ายรถเมล์เพื่อหลบฝนที่กำลังตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
อันที่จริงแล้วเมญาวีไม่มั่นใจเท่าไหร่ ว่าเธอจะเรียกเกรปหรือแท็กซี่ให้ไปส่งได้ที่บอกเวหาไปแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้เจ้านายต้องมาเสียเวลา
หญิงสาวยืนรอรถอยู่นานก็ยังไม่มีคันไหนว่าง ยิ่งจะเรียกเกรปก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เพราะต้องรออีกนานกว่าจะได้คิวตามที่เรียก หญิงสาวเห็นว่าฝนเริ่มจะซาลงแล้วจึงตัดสินใจเดินไปยังวินรถจักรยานยนต์อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนัก
แม้ว่าจักรยานยนต์จะคล่องตัวกว่าในสภาพการจราจรในเวลานี้ แต่ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเธอจะมาถึงหน้าห้องพัก
สภาพของเมญาวีตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตกน้ำเลยทีเดียว
พอเดินขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นสามก็รีบตรงเข้าไปอาบน้ำ จากนั้นเอาคัพเค้กในตู้เย็นออกมาทานรองท้อง คิดว่าถ้าสักพักจะลงไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารตามสั่งด้านล่างห้องพัก แต่เพราะทั้งเหนื่อยและเพลียบวกกับสภาพอากาศเย็น ๆ เมญาวีก็เลยเผลอหลับไป รู้ตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ตัวเองรู้สึกหนาวสั่น หญิงสาวรีบหายาลดไข้มาทานจากนั้นก็รีบนอนพัก เพราะพรุ่งนี้เธอมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ
เช้านี้กว่าเมญาวีจะบังคับให้ตัวเองลุกจากที่นอนได้ก็แทบแย่ หญิงสาวรู้สึกปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ ทั้งที่เมื่อคืนก่อนจะนอนก็ทานยาไปแล้ว แต่คงเพราะเมื่อวานเธอเปียกฝนอยู่เกือบชั่วโมงร่างกายก็เลยไม่ไหว
หญิงสาวรีบทานยาและแต่งตัวไปทำงาน เธอไม่อยากลาหยุดเพราะตัวเองยังเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงสองเดือนและมันยังไม่ผ่านช่วงทดลองงาน
พอได้ทานยาแล้วก็รู้สึกดีขึ้นตลอดเช้านี้เธอเลยได้ทำงานอย่างเต็มที่
หลังอาหารกลางวันเธอต้องรีบเข้าประชุมกับทีมการตลาดทำให้เธอไม่ทันได้กินยา พอประชุมเสร็จเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะมีไข้อีกครั้งหญิงสาวรีบทานยาลดไข้ และกลับเข้าไปนั่งทำงานต่อ
แต่เธอก็ฝืนร่างกายของตัวเองไม่ไหว หญิงสาวเลยฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานคิดว่านอนพักสักครู่ก็คงจะดีขึ้น แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเพราะตอนนี้ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วเธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
เวหาเริ่มผิดสังเกตเพราะเมญาวีนั้นเงียบผิดปกติ พอเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าผู้ช่วยนั้นฟุบอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาคิดว่าเธอคงแค่พักสายตา แต่พอเขากำลังจะเตรียมตัวกลับบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวยังไม่ขยับตัว
“เมย ผมจะกลับแล้วนะ เมย เมย” เขาเรียกอยู่หลายครั้งแต่หญิงสาวก็นิ่ง
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขย่าแขนเธอเบา ๆ เมญาวีขยับตัว เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเจ้านายเธอตกใจรีบนั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว
“เมย คุณไม่สบายหรือเปล่า หน้าคุณแดงมาก”
“ขอโทษนะคะที่เมยหลับในเวลางาน พอดีเมยปวดหัวนิดเลยก็เลยเผลอหลับไปค่ะ”
“ผมว่าไม่หน่อยแล้วนะ หน้าคุณดูไม่ดีเลย ขอโทษนะ” เวหาเอื้อมมือมาแตะบนหน้าผากแล้วก็รีบดึงมือกลับ
“ตัวคุณร้อนมาก ไปหาหมอดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“คุณกินยาไปตอนกี่โมง”
“หลังออกจากห้องประชุมค่ะ”
“นี่มันก็เกือบสองชั่วโมงแล้ว มันคงไม่ดีขึ้นแล้ว ผมว่าคุณเก็บของแล้วรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมยไปเองได้”
“ผมไม่ได้ขอร้องคุณนะ ผมสั่ง”
แล้วเมญาวีก็ต้องรีบเดินตามเจ้านายไปยังรถอย่างมีไม่ข้อโต้แย้ง
“เดินไหวไหม”
“ไหวค่ะ” เมญาวีรีบตอบ
แล้วเวหาก็รีบขับรถพาหญิงสาวมาส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด