บทย่อ
แค่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักคือลูกสาวของคนที่เขาอยากแก้แค้นก็เจ็บมากพอแล้ว ยิ่งร้ายไปกว่านั้นก็คือ เธอมีพ่อคนเดียวกับเขา
1 ปัญหาสะสม
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทย อยู่กำลังมองหาใครสักคนที่บอกว่าจะมารับ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนบนอาคารผู้โดยสารขาเข้าในสนามบินสุวรรณภูมิ
“คุณเวหาครับ ทางนี้”
คนถูกเรียกรีบหันไปตามเสียง ภาพชายแต่งตัวสุภาพในวัยที่พึ่งจะเกินเลขสี่ กำลังเดินตรงมาที่เขาอย่างรีบร้อน
“สวัสดีครับ เดินทางเป็นยังไงบ้าง” เขาถามอย่างสุภาพ
“ก็ดีครับ ไม่นึกว่าพี่ธรจะมารับเอง” ชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้กับชายคนเดิม
“ท่านประธานให้ผมมาครับ แล้วคุณเวหาจะกลับบ้านไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าพี่ธร ผมว่าจะไปโรงพยาบาลก่อน แม่อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ท่านบ่นถึงคุณเวหาตลอด”
เวหาหรือเวย์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศอย่างกะทันหัน เพราะมารดาของเขามีปัญหาสุขภาพ ต้องเข้ารีบการรักษาอย่างเร่งด่วน เวหายังไม่รู้ถึงอาการของมารดามากนัก เขาเลยขอไปที่โรงพยาบาลก่อนจะกลับไปที่บ้าน
เวหาเป็นลูกชายคนเดียวของสิงหลและวราพร เจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
ชายหนุ่มถูกส่งตัวไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบชั้นประถม 6 จากนั้นก็เรียนอยู่ที่นั่นมาตลอด จะได้กลับเมืองไทยก็แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้น
เวหาเรียนอยู่ที่นั่นจนจบปริญญาโทด้านการบริการ และได้เข้าทำงานที่บริษัทขนาดใหญ่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ คิดว่าจะนำความรู้ความสามารถกลับมาช่วยบิดาบริหารบริษัทได้อย่างเต็มที่ในเวลาที่เหมาะสม แต่เขาก็ต้องกลับมาก่อนเวลาที่คิดไว้
อาธร ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของบิดาพาเวหามายังโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งครอบครัวของเขารู้จักกับเจ้าของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี
ประตูลิฟต์เปิดออกอาธรก็เดินนำไปยังห้องพักที่อยู่ริมสุดของชั้นวีไอพี
“คุณเวหาเข้าไปเถอะครับ ท่านรอคุณอยู่” อาธรรู้ว่าเวลานี้คนที่อยู่ในห้องไม่อยากพบหน้าใครนอกจากลูกชายเพียงคนเดียวของเธอเท่านั้น
“ขอบคุณครับพี่ธร จะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ คุณใช้เวลาให้เต็มที่”
“ขอบคุณครับ”
เวหาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“เวย์ มาแล้วเหรอลูก”
วราพรหญิงสาววัย 50 เรียกลูกชาย แม้จะอายุมากแต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงสวยงามและดูอ่อนกว่าวัยเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างดี จากตัวเธอเองและแพทย์ผิวหนังซึ่งเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเรียน
“สวัสดีครับแม่” ชายหนุ่มยกมือไว้ แล้วเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง
“ไหนให้แม่ดูหน่อย ไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี ผอมไปหรือเปล่า”
“เหมือนเดิมครับ แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหน”
เวหามองมารดาอย่างสำรวจ เห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือซ้าย เขาจับขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด
“เจ็บมากไหมครับแม่”
“เจ็บที่แผลมันไม่เท่ากับเจ็บใจหรอกนะเวย์”
“แม่ทำร้ายตัวเองทำไมครับ” เสียงสั่นเครือถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่ไม่อยากอยู่แล้ว พ่อของลูกกำลังจะหย่ากับแม่แล้วกลับไปหาอีนางนั่น” เสียงมารดาร้องไห้อย่างไม่อาจกลั้น
เวหามองมารดาแล้วได้แต่กอดปลอบใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าปัญหามันเกิดจากตรงไหนและมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว และก็เพราะเหตุผลนี้เขาถึงถูกส่งไปที่อื่นตั้งแต่เด็ก บิดากับมารดาไม่อยากให้เขาเห็นว่าท่านทั้งสองทะเลาะกันเกือบทุกวัน
“แม่ครับ แม่ต้องอยู่กับผมสิ จะทิ้งผมไปได้ยังไง” เวหาเช็ดคราบน้ำตาให้มารดาอย่างรักใคร่
“เวย์ อย่ากลับไปได้ไหม อยู่กับแม่ที่นี่นะลูก” เธออ้อนวอนลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ครับแม่ ผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว” ใจจริงก็อยากกลับแต่คิดว่าในเวลานี้มารดากำลังต้องการกำลังใจและเขาก็คงไม่ใจร้ายที่จะทิ้งท่านให้อยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา
“ดีเลย แม่จะได้ไม่เหงา”
วราพรมีสามีก็เหมือนไม่มีเพราะสิงหลนั้นเอาแต่ทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำทุกวัน พอเธอบ่นเขาก็มักจะโมโหและก็เริ่มทะเลาะกัน
ครั้งนี้เพราะเธอกับสิงหลทะเลาะกันรุนแรงมาก เรื่องราวในอดีตถูกขุดขึ้นมาต่อว่ากันและกัน สิงหลทนไม่ไหวจึงพูดออกมาว่าจะขอหย่า
วราพรทำใจไม่ได้ที่ตัวเองจะถูกทิ้งในวัย 50 เธอจึงกรีดข้อมือตัวเอง จากนั้นสาวใช้ก็ขึ้นไปพบเรียกรถพยาบาลให้มารับ
“แม่นอนพักก่อนนะครับ ผมขอกลับบ้าน ไปอาบน้ำและเอาของไปเก็บก่อน”
“แล้วเวย์จะกลับมาไหม”
“มาสิครับ ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะกลับมานอนเฝ้าแม่เองนะครับ”
“แน่จะเวย์” เสียงนั้นฟังดูน่าสงสารจนชายหนุ่มต้องกอดปลอบอีกครั้ง
“ครับแม่ ป้ายุพาครับผมฝากแม่ด้วยนะครับ” เขาหันมาบอกป้ายุพาที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณเวย์ ป้าจะไม่ยอมให้คุณทานคลาดสายตาอีกแล้ว” ป้ายุพาซึ่งเป็นแม่บ้านบอกกับชายหนุ่ม
เวหาออกจากห้องพักของมารดา เขาไปยังเคาน์เตอร์พยาบาลขอทราบอาการผู้ป่วย พยาบาลกำลังจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตแพทย์เจ้าของไข้ ระหว่างรอชายหนุ่มจึงเดินวนไปมาที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล
“เวย์ นั่นเวย์ใช่ไหม” เสียงทักทายดังมาจากนั้นหลัง
“คุณอา สวัสดีครับ” เขารีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า
“มาเยี่ยมแม่ใช่ไหม ได้เจอกันหรือยัง”
“เจอแล้วครับ คุณอาครับผมอยากคุยด้วยสักหน่อยได้ไหมครับ เรื่องอาการของแม่”
“ได้สิ ไปคุยที่ห้องอานะ”
พอได้คุยกับหมอชลิตถึงอาการของมารดาแล้วแทนที่จะสบายใจ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เท่าที่ได้ฟังอาการทางกายของมารดาไม่มีปัญหาอะไรมาก แผลที่ข้อมือไม่ลึกถึงเส้นเอ็น แต่ที่น่าเป็นห่วงเป็นปัญหาด้านจิตใจมากกว่า เพราะตอนนี้ดูเหมือนคนไข้จะมีความวิตกกังวลมาก จนบางครั้งก็เหม่อลอย บางครั้งก็ลุกมาอาละวาด หมอเลยต้องให้ยานอนหลับ และยากล่อมประสาทเพื่อให้ท่านสงบลง
“เวย์ต้องคุยกับแม่ให้มาก อย่าให้ท่านอยู่คนเดียว อย่าทำให้ท่านทุกข์ใจ” หมอชลิตที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้าของไข้แนะนำ
“ครับคุณอา ผมขอบคุณแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“อาทำตามหน้าที่ของอาแล้ว จากนี้ก็อยู่ที่เวย์ ว่าจะเอายังไงต่อ แม่ของเวย์คงเครียดสะสมมานานแต่เพิ่งจะมาแสดงออกตอนนี้คงเพราะมีอะไรมากระตุ้น ถ้าเราช่วยกัน อาการของท่านก็คงจะดีขึ้น”
“ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
“ปัญหาเกิดจากความเครียด เราก็ต้องไม่ทำให้ท่านเครียด ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่มันค่อนข้างยาก เวย์ต้องใจเย็นกับท่านให้มาก อย่าขัดใจท่าน”
“ครับ คุณอา”
เวหากลับมาบ้านด้วยอาการหนักอึ้งไปทั้งตัว ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าจะทำทุกอย่างให้มารดาสบายใจมากที่สุด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ครับพ่อ” เวหาไม่ได้กล่าวทักทายบิดาเพราะยังโกรธที่เขาทำให้แม่ต้องไปนอนที่โรงพยาบาล
“แม่แกเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าพ่ออยากรู้ก็ไปเยี่ยมสิครับ”
“ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
“แค่ไปเยี่ยมมันจะทำให้พ่อเสียเวลาขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“แกก็น่าจะรู้ว่างานฉันยุ่งมากแค่ไหน แม่แกแค่เรียกร้องความสนใจ”
“พ่อไม่คิดเหรอว่าเพราะพ่อไม่สนใจแม่ เอาแต่ทำงาน แม่เลยเป็นแบบนี้”
“ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง และฉันคิดว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว แกเองก็เหมือนกัน กลับมาคราวนี้ก็ไปเริ่มงานที่บริษัทได้แล้ว”
“ผมมีทางเลือกอื่นไหมครับพ่อ”
“แกเป็นทายาทคนเดียวของฉัน ถ้าแกไม่เข้าไปทำแล้วใครจะทำ แกจะโกรธฉันเรื่องแม่ฉันไม่ว่า แต่ก็ควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ฉันให้เวลาแกอีก 3 วัน”
“ครับ”
เวหารับปากแล้วรีบขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง ห้องนอนของเขาได้รับการดูแลอย่างดี ของใช้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้รอการกลับมาของเขา
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แม้ตอนนี้จะทั้งง่วงทั้งเพลียแต่เขาก็ต้องกลับไปหามารดาที่โรงพยาบาลตามที่ได้สัญญาไว้ เพราะไม่อยากให้ท่านเหงาอยู่คนเดียว แม้จะมีป้ายุพาที่นอนเฝ้าอยู่แล้วก็ตาม