6 ก็ใหม่ทั้งคู่
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายเมญาวีตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานวันแรก หญิงสาวเลือกสวมเสื้อเชิ้ตคอปกสีครีมแขนยาวขนาดพอดีตัว ด้านหน้าแต่งด้วยกระดุมสีเดียวกับตัวเสื้อ ปลายเชิ้ตสอดในกระโปรงเอวสูงแหวกทางด้านหน้าเล็กน้อยความยาวเลยเข่ามาเพียงนิด ดูแล้วเสริมบุคลิกให้ดูคล่องแคล่ว เครื่องประดับมีเพียงนาฬิกาสีเงิน ที่มารดาซื้อให้เป็นของขวัญในวันจบการศึกษา
วันนี้เมญาวีแต่งหน้าอ่อนปัดแก้มเพียงนิด เปลือกทาทับด้วยสีพีชดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแต่งแต้มด้วยลิปสติกราคาแพงซึ่งรินรดาเป็นคนซื้อมาให้ ผมสีดำขลับถูกรวมเป็นทรงหางม้า ผูกด้วยโบผ้าสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ดูเก๋ขึ้นไปอีกนิด
มือเรียวเล็กหยิบรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีดำมาถือไว้ก่อนจะปิดประตูห้องและรีบเดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย
เพราะกลัวว่าการไปทำงานวันแรกจะสายเธอจึงออกจากห้องพักตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า มาถึงหน้าบริษัทก็เพิ่งเจ็ดโมงพอดี
หญิงสาวเดินไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ ว่ามีร้านอาหารอะไรบ้าง เผื่อตอนกลางวันจะได้ลงมาทาน ระหว่างนั้นก็เดินผ่านร้านขายปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ เธอจึงนั่งลงยังโต๊ะที่ว่าง สั่งน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วและปาท่องโก๋อีกสามตัวเป็นอาหารมื้อเช้าของการทำงานวันแรก
วันนี้มีพนักงานใหม่เข้ามาพร้อมกันเกือบสิบคน หัวหน้าฝ่ายบุคคลเลยเรียกให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมเล็กเพื่อชี้แจงรายละเอียดและกฎระเบียบในการทำงาน
พอหัวหน้าฝ่ายบุคคลชี้แจงเสร็จ คุณอาธรก็เข้ามาแนะนำตัวและกล่าวต้อนรับแทนทานประธานซึ่งวันนี้ท่านติดธุระสำคัญจึงไม่ได้เขามาพบกับพนักงานใหม่เหมือนทุกครั้ง
จากนั้นทุกคนก็ตรงไปยังแผนกของตัวเองซึ่งจะคอยมีพนักงานเก่ารอรับอยู่แล้วเว้นแต่เมญาวีและณิชาภาเพราะทั้งสองคนต้องไปยังชั้นของผู้บริหาร
คุณวนิดาหัวหน้าฝ่ายบุคคลพาณิชาภาไปพบกับผู้จัดการก่อน จากนั้นจึงพาเมญาวีไปยังห้องทำงานของเวหา
“คุณวนิดาคะ คุณเวหาดูไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ” วนิดาตอบพนักงานใหม่ไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เธอเองก็เคยเจอเวหาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
บริเวณหน้าห้องของเจ้านายคนใหม่มีหญิงวัยกลางคนนั่งทำงานอยู่
“เกสร นี่เมญาวี ผู้ช่วยคุณเวหา”
“สวัสดีค่ะ คุณเกสร” เมญาวียกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ เรียกพี่สรนะคะ แล้วน้องมีชื่อเล่นไหมคะ”
“เมยค่ะ”
“พี่นิเข้าได้เลยค่ะคุณเวหารออยู่แล้ว” เกสรบอกกับวนิดาเพราะเมื่อครู่เขาแจ้งไว้แล้วว่าวันนี้จะมีผู้ช่วยเข้ามาทำงานวันแรก
วนิดาเคาะประตูสองครั้งแล้วเปิดเข้าไปทันที
ภายในห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ตกแต่งอย่างเรียนง่าย มีโต๊ะทำงานอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นของเจ้านายอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนอีกตัวเมญาวีไม่แน่ใจว่าจะใช่ของเธอหรือเปล่า
“คุณเวหาคะ ฉันพาผู้ช่วยมาส่งค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณเวหา ฉันชื่อเมญาวีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เธอสบตาคบปราบของเจ้านายหนุ่มแล้วรู้สึกเย็นยะเยือก ท่าทางของเขาดูเย็นชา เธอประหลาดใจเล็กน้อย เจ้านายของเธอไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยสักนิด
เมญาวีจินตนาการไว้ว่าคุณเวหาคงเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน แต่ที่เธอเห็นตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ ใบหน้าคม ผิวสองสี ช่วงไหล่กว้าง ดูเหมือนนายแบบมากกว่าจะมาเป็นเจ้านายของเธอ
“พี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็ถามเกสรได้”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เวหาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาสำรวจผู้ช่วยคนใหม่ หญิงสาวคนนี้ดูยังเด็กอยู่มาก ถ้าไม่เห็นแฟ้มประวัติก็คงคิดว่าเธอยังเป็นนักศึกษาอยู่แน่ ๆ ใบหน้าสวยเนียนประดับด้วยตวงตากลมโต จมูกเล็กรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อยรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน โดยรวมแล้วเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว พอเดินเข้ามาใกล้แล้วรู้สึกเลยว่าผู้ช่วยของเขาเป็นคนตัวเล็ก แต่เวหาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเธอตัวเล็กหรือเพราะเขาตัวโตกันแน่
“คุณนั่งโต๊ะตัวนั้นนะ อึดอัดไหมที่ต้องนั่งร่วมห้องกับผม”
“ไม่ค่ะ คุณเวหาคะ ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ”
“วันนี้ศึกษาข้อมูลในแฟ้มก่อน ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม”
“ค่ะ”
เมญาวีนั่งอ่านไปก็ง่วงไปเพราะเมื่อคืนเธอตื่นเต้นจนนอนไม่หลับและยังตื่นตั้งแต่เช้า
“ถ้าไม่ไหวจะไปล้างหน้าก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไหวค่ะ” เมญาวีตั้งสติอีกครั้ง เธออ่านข้อมูลได้เกือบครึ่งก็ถึงเวลาพักกลางวัน
“คุณเวหาคะ ฉันเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก เลยไม่รู้ว่าเรื่องอาหารกลางวันฉันต้องเตรียมให้คุณหรือเปล่า แต่ก่อนคุณไปทานที่ไหนคะ”
“คุณเห็นร้านข้างตึกไหม สั่งขึ้นมาให้ผมทานในห้องนี้แหละ” เขาชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีชุดโซฟารับแขกอยู่
“ร้านไหนคะ มันมีหลายร้าน”
“ร้านไหนก็ได้ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก”
“ทานเผ็ดได้ไหมคะ แพ้อาหารหรือเปล่าแล้วชอบทานอะไรเป็นพิเศษคะ”
“ถามเยอะจัง ลงไปด้วยกันเลยไหม”
“อะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าลงไปทานด้วยกันเลยไหม คุณจะได้รู้ว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร”
“ได้เหรอคะ”
“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยมีผู้ช่วย คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันก็ไม่เคยเป็นผู้ช่วยใครมาก่อนเหมือนกัน”
“งั้นก็ใหม่กันทั้งคู่ ไปทานด้วยกันเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนเดินมายังร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับบริษัท แม้จะเป็นช่วงกลางวันแค่คนก็ไม่ได้มากอย่างที่คิด เพราะพนักงานของบริษัทส่วนใหญ่ก็ไปทานกันที่ร้านค้าสวัสดิการเพราะที่นั่นมีอาหารขายในราคาพนักงาน
“คุณเวหามาทานที่นี่ประจำเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับพี่เกสรจะสั่งขึ้นไปให้ หรือบางครั้งผมก็ลงมาหาอะไรทานเอง เจอร้านไหนว่างก็เข้าไปนั่ง ผมเองก็มาทำงานก่อนคุณไม่ถึงเดือน เลยลองไปเรื่อย ผมเป็นคนกินง่าย”
“ค่ะ”
เมญาวีให้เขาเป็นคนสั่งอาหารเพราะอยากรู้รสนิยมของเจ้านาย ระหว่างนั้นเธอก็ถ่ายรูปเมนูอาหารและเบอร์โทรศัพท์ของทางร้านเก็บไว้ ครั้งต่อไปจะได้โทรมาสั่งก่อนจะเข้ามาที่ร้าน
“คุณเมญาวีมีชื่อเล่นไหมครับ”
“เมยค่ะ ฉันชื่อเมย”
“อ้อ ผมเรียกเมยแล้วกันนะสั้นดี”
“ค่ะ คุณเวหา”
“เรียกเวย์ก็ได้”
“ค่ะคุณเวย์”
นับว่าเป็นการเริ่มต้นร่วมงานกันได้ค่อนข้างดี แม้ว่าเจ้านายจะมีสีหน้าและแววตาที่เย็นชาแต่เขาก็ไม่ได้เอาแต่เงียบทำให้เมญาวีไม่ได้อึดอัดมาก
การทำงานวันแรกผ่านไปได้ด้วยดี เมญาวีเลิกงานตรงเวลาเพราะเจ้านายบอกกับเธอว่าเขาต้องกลับไปทานอาหารมื้อค่ำกับมารดา
หญิงสาวกลับถึงห้องก็รีบโทรไปหารินรดาทันที
“ว่าไงจ้ะเมย ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างเจ้านายใจดีไหม”
“ยังไม่รู้เลยว่าจะใจดีไหม เพราะวันนี้เพิ่งเริ่มงานเอง”
“อือ แล้วงานหนักไหม”
“ไม่เลย รินรู้ไหมว่าเมยได้เลิกงานตรงเวลาด้วยนะ”
“ดีจัง รินนึกว่าตำแหน่งผู้ช่วยจะเหมือนเลขาเสียอีกที่ต้องเลิกงานไม่เป็นเวลาแล้วแต่อารมณ์เจ้านาย”
“เมยโชคดี เพราะเจ้านายต้องรีบกลับไปทานข้าวกับแม่”
“แม่หรือแม่คุณกันแน่จ๊ะ”
“นั่นสิ เมยก็ลืมคิดไปเลย”
“ดีแล้วที่เจ้านายของเมยมีแฟนเพราะรินยังอยากเมยมาเป็นพี่สะใภ้อยู่นะ”
“พูดอย่างนี้ถามพี่ชายตัวเองหรือยังว่าอยากให้เมยเป็นแฟนไหม”
“ไม่ต้องถามหรอกน่ารินรู้ว่าพี่ชายของรินแอบชอบเมยอยู่แต่ไม่กล้าพูดก็เท่านั้นเอง”
“อย่าเชียร์ให้เสียเวลาเลย คนหล่ออย่างพี่ชายรินคงไม่โสดอยู่หรอก”
“พี่ชายรินก็ควงหญิงไปทั่วนั่นแหละ ไม่เห็นจริงจังกับใครสักที เมย รินเกือบลืมถามเลยว่าเจ้านายเมยหล่อไหมอายุมากหรือยัง”
เมญาวีนิ่งไปสักพัก เธอกำลังคิดถึงใบหน้าหล่อคมของเจ้านายที่ตลอดทั้งวันมานี้หญิงสาวได้แต่แอบมองอยู่ตลอด
“เมยไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่ แต่คงไม่เกิน 30 หรอก คุณเวหาเจ้านายของเมยหล่อมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มเลยแหละ”
“จริงเหรอ แต่น่าเสียดายนะมีแฟนแล้ว”
“นั่นสิ แต่ก็ดีแล้ว เมยจะได้ไม่ไขว้เขวไง”
“เมยคิดเหรอว่าพี่ชายใจที่เล่าให้รินฟังเขาจะยังโสดและรอแต่งงานกับเมยเหมือนที่เมยรอเขา”
“ไม่รู้สิตอนนี้เมยเข้าใกล้เขาอีกขั้นแล้ว ถ้าเมยทำงานที่นี่โอกาสที่ได้จะได้ข่าวคราวของเขาก็คงจะมีบ้าง”
“เมยลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“ลืมอะไร”
“เมยรู้จักชื่อเขา แล้วเมยจะรู้ได้ยังไงว่าเมยเจอเขาแล้ว”
“ไม่รู้สิ ถ้าเจอใครที่คิดว่าใช่เมยก็จะลองถามเขาไปตรง ๆ เลยดีไหม”
“จะบ้าเหรอเมย จะไปถามเข้ายังไง พี่คะ พี่จำสัญญาของเราได้ไหมคะว่าเราจะแต่งงานกัน”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“แล้วยังไง แล้วถ้าเกิดเจอกับพี่ชายคนนั้นแล้วเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมาล่ะ เมยจะเสียใจเอานะ”
“เมยก็เคยคิดเรื่องนั้นเหมือนกัน”
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย เอาไว้เจอแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันดีไหม”
“อือ เมยก็ว่าอย่างนั้นแหละ”