13 เปิดใจ
ตลอดหนึ่งเดือนเวหามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเมญาวีเพิ่มมากขึ้นเพราะช่วงนี้มารดาของเขากำลังติดเพื่อน เวหาจึงมีเวลาไปรับไปส่งบ่อยขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นทางผ่าน
“คุณเวย์คะ เย็นนี้เมยคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้นะคะ” ผู้ช่วยสาวบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
“ทำไมล่ะครับผมนึกว่าเราไปจะทานด้วยกันทุกวันเสียอีก” เวหากลัวว่าเธอจะรำคาญที่เขาเอาแต่ตามติดเธอมาตลอด
“เมยนัดกับรินไว้ค่ะ คุณเวย์ไม่ต้องไปส่งนะคะ เดี๋ยวรินจะมารับที่นี่เองค่ะ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงาน
“แย่จังนะครับ ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียวเลย” เสียงนั้นฟังเหมือนเขากำลังผิดหวัง
“พูดแบบนี้เมยรู้สึกผิดเลยค่ะ”
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณรู้สึกผิดนะครับ คุณไปกับเพื่อนเถอะ ผมเองก็คงจะไปหาเพื่อนเหมือนกัน” นานแล้วเหมือนกันที่เวหาไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อน
“เมยไปก่อนนะคะรินมาถึงแล้วค่ะ เจอกันวันจันทร์นะคะ”
“ครับ เจอกันครับ” เวหาไม่ได้บอกว่าจะเจอกันวันไหน แต่คงไม่ใช่วันจันทร์อย่างที่เธอบอกแน่
เมญาวีคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน เธอไม่อยากเพื่อนรักรอนาน
หญิงสาวออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังลานจอดรถซึ่งตอนนี้มินิคูเปอร์สีแดงของรินรดาก็มาจอดรออยู่ก่อนแล้ว
“ริน รอนานไหม” เธอถามขณะเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่กับคนขับ
“ไม่เลย วันนี้เราจะไปไหนกันดี”
“รินอยากกินอะไรวันนี้เมยเลี้ยง”
“มีเจ้ามืออย่างนี้รินต้องคิดหนักหน่อยแล้ว กินอาหารญี่ปุ่นไหมไม่ได้กินนานแล้วนะ”
“เอาสิ ร้านเดิมนะ กินเสร็จดูหนังต่อเลยไหม รินต้องไปรีบกลับบ้านหรือเปล่า”
“งั้นรินจ่ายค่าตั๋วหนังนะ”
“อือ”
ระหว่างทานอาหารเมญาวีก็เล่าเรื่องความสนิทสนมของตัวเองกับเวหาให้เพื่อนรักฟังอย่างไม่มีปิดบัง
“เมยชอบเขาไหม” รินรดาถามเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง
“มันก็มีบ้างนะ แต่กลัวว่าจะแอบคิดไปเองคนเดียวน่ะสิ ตอนนี้เรากินข้าวด้วยกันทุกวันเลย มันแปลกอยู่บ้างเพราะปกติแล้วเจ้านายของเมยจะต้องกลับไปกินข้าวกับแม่ทุกเย็น แต่ตอนนี้เขามากินกับเมย พอเมยถามเข้าก็บอกว่าแม่ออกไปกับเพื่อน”
“เมยกลัวว่าที่เขามากินข้าวกับเมยเพราะแม่ไม่ว่างอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่สิ” เมญาวีตอบไปตามตรง
“มันก็น่าคิดนะ ถ้าเพราะแม่ไม่ว่างเลยหาคนกินข้าวด้วย แต่ทำไมต้องเป็นเมยล่ะ เขาไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”
“เมยก็ไม่รู้เหมือนกันบางทีอาจเพราะเราทำงานด้วยกันมั้ง แล้วเมยก็รู้มาว่าเขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศอาจจะไม่มีเพื่อนที่ไหนก็ได้”
“แต่เขาโตแล้วนะเมย ไม่ต้องมีคนกินข้าวด้วยทุกมื้อหรอก เขาอาจรู้สึกดีกับเมยก็ได้”
“แล้วเมยต้องทำยังไง”
“รินอยากให้เมยลองเปิดใจให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาบ้าง เรื่องในอดีตลืมมันไปเถอะ ผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งนิสัยดีอย่างคุณเวหาถ้าปล่อยไปเสียดายแย่เลยนะ”
“พูดอย่างกับว่าเขาสนใจเมยจริง ๆ อย่างนั้นแหละ บางทีเมยก็คงคิดไปเองคนเดียว รินอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
“จะบอกใครได้ล่ะ เราก็สนิทกันอยู่แค่สองคน”
สองสาวเพื่อนซี้ต่างพากันหัวเราะกับคำพูดนั้นซึ่งมันเป็นความจริงที่ว่าทั้งคู่นั้นไม่มีเพื่อนสนิทคนอื่นที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องนอกจากคนที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ขอบใจจะริน ขับรถดี ๆ นะถึงบ้านแล้วไลน์บอกเมยด้วยนะ” เมญาวีบอกเพื่อนรักที่ขับรถมาส่งเธอในเวลาเกือบสี่ทุ่ม
หญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเองก็เห็นรถยนต์ที่คุ้นตาคันหนึ่งจอดอยู่
เธอไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช่รถของเจ้านายไหมเพราะตรงนั้นค่อนข้างมืด ขณะที่ลังเลว่าจะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ดีหรือเปล่า เจ้าของรถก็เปิดประตูลงมาพอดี
“คุณเวย์ มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“ผมมารอคุณ”
“รอเมยเหรอคะ เราไม่ได้นัดกันนะคะ หรือว่ามีธุระด่วนเรื่องงาน”
“เปล่าครับ ผมรู้ว่าคุณไปกับเพื่อน เลยแวะมาดูว่ากลับมาถึงหรือยัง”
“อ๋อ แล้วคุณมารอนานหรือยังคะ”
“ไม่นานครับผมเองก็เพิ่งไปทานข้าวกับเพื่อนมาเหมือนกัน งั้นผมขอตัวกลับก่อนครับมันดึกแล้วไม่อยากรบกวน แค่เห็นว่าคุณกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยก็โอเคแล้วครับ”
“ขอบคุณนะคะที่แวะมา ขับรถดี ๆ นะคะ”
“ครับ ถ้าถึงบ้านแล้วผมขอโทรหาได้ไหม พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานคุณคงไม่รีบนอน”
“ได้ค่ะ เมยจะรอนะคะ” เมญาวีคิดว่าจะลองเปิดใจสักครั้งเลยตอบเขาไปแบบนั้น
หญิงสาวรีบกลับขึ้นห้องพักแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรอโทรศัพท์ของคนที่เพิ่งขับรถออกไปเมื่อครู่
เธอดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้า ใบหน้าหวานดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่คนที่เธอกำลังรอ
“ถึงบ้านแล้วเหรอริน”
“อือ ถึงแล้วก็รับโทรหาเมยเลย กลัวจะรอนาน”
“ริน เมยมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
“เล่ามาสิ รอฟังอยู่”
“เอาไว้พรุ่งนี้เมยจะเล่าให้ฟังนะ วันนี้ดึกแล้วรินจะได้พัก”
“เมย รินอยากรู้แล้ว เล่ามาเลยได้ไหม มันค้างคารินคงนอนไม่หลับแน่”
“เมยก็อยากเล่าใจแทบขาดแต่ตอนนี้เมยกำลังรอสายคุณเวย์อยู่” เธอบอกเพื่อนรักไปตามตรงเพราะถ้าอย่างนั้นรินรดาไม่มีทางจะวางสายแน่ ๆ
“ตายละรีบว่างเลยนะ ถ้าคุยเสร็จแล้วโทรมาเล่าให้รินฟังด้วยว่าคุยอะไรกัน อ้อ แล้วไม่ต้องอ้างว่าดึกนะเพราะดึกแค่ไหนรินก็จะรอตกลงไหม”
“งั้นก็ได้ ขอโทษนะรินที่เมยต้องรีบวางก่อน”
“ไม่ต้องมาขอโทษ รินเข้าใจแค่นี้ก่อนนะ รินจะรีบไปอาบน้ำแล้วมารอฟังเมยเล่าเรื่องผู้ชาย” รินรดาหัวเราะร่วนก่อนจะวางสาย
วางสายจากรินรดาไม่นานคนที่รอก็โทรเขามาอย่างที่บอกไว้
ชายหนุ่มโทรมาบอกว่าตอนนี้เขาถึงบ้านแล้ว นอกจากนั้นก็เล่าอีกว่าเมื่อตอนเย็นไปไหนกับใครมาบ้าง เขาบอกเล่าเรื่องทั่ว ๆ ไปแต่คนฟังรู้สึกดี เวหาทำให้เธอได้รู้จักกับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น พอฟังเขาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังแล้ว เมญาวีก็เลยเล่าเรื่องของเธอให้กับชายหนุ่มฟังบ้าง เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ทั้งสองคุยกันอยู่นาน ก่อนจะวางสายเวหาก็ชวนเธอไปดูหนังในวันพรุ่งนี้เพราะตั้งแต่กลับมาเขายังไม่เคยเข้าโรงหนังเลยสักครั้ง
เมญาวีตอบตกลงเพราะเธอเองก็อยากได้รู้จักเขาให้มากขึ้นในฐานะผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่แค่เจ้านายกับลูกน้องอย่างที่เป็นอยู่
พอวางสายจากเวหาแล้วเมญาวีก็ส่งไลน์ไปถามว่ารินรดานอนหรือยัง เนื่องจากตอนนี้มันดึกกว่าที่คิดไว้มาก แต่ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีรินรดาก็โทรกลับมาทันที
“เล่ามาเลยนะเมย คุยอะไรกันตั้งนาน”
“นึกว่าจะหลับไปแล้วเสียอีก”
เมญาวีเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เพื่อนรักของเธอนั้นเชียร์เวหาจนออกนอกหน้า
“เมย ถ้าวางสายแล้วรีบมากส์หน้าเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ห้ามตื่นเช้าเดี๋ยวหน้าจะโทรม นัดไว้กี่โมงนะ”
“บ่ายสอง”
“ให้รินไปช่วยแต่งหน้าแต่งตัวไหม”
“ไม่ต้องหรอกริน เมยคิดว่าจะแต่งตัวตามปกตินั่นแหละ ไม่อยากต้องแต่งตัวเพื่อเอาใจใคร”
“ก็ดีนะ ถ้าคนเขาจะชอบแต่งตัวยังไงเขาก็ชอบ”
วางสายจากเพื่อนแล้วเมญาวีก็รีบมากส์หน้าตามที่รินรดาบอก ส่วนเรื่องแต่งตัวนั้นเธอไม่ได้กังวลเพราะคิดแล้วว่าพรุ่งนี้จะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ถ้าเขารับไม่ได้หรือไม่ชอบเธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลา