12 ชิดใกล้
การเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ของเมญาวีแปลกไปกว่าทุกวัน เพราะทันทีที่เธอเดินลงมาจากหอพักก็พบกับรถของเจ้านายที่มาจอดรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเวย์ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้”
“ไม่ด่วนหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเราน่าจะไปที่โรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยเข้าบริษัท”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ออกจากที่นี่เวลานี้ไป พอไปถึงทุกคนก็คงมาทำงานกันแล้ว คุณเวย์ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ ผมว่าจะชวนคุณไปหาอะไรทานก่อน แถวนี้มีร้านไหนเปิดเช้าบ้างครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเปิดกับใกล้ ๆ เที่ยง ถ้าจะมีก็แต่ร้านข้าวเหนียวหมูปิ้งคุณทานได้ไหมคะ”
“ได้สิ ตอนเด็ก ๆ พ่อจะซื้อให้กินที่หน้าโรงเรียนบ่อย”
“คุณเวย์รออยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวเมยเดินไปซื้อให้”
“ไปซื้อด้วยกันก็ได้นะครับ ขึ้นรถมาเลย”
“อย่าเลยค่ะ ตรงนั้นมันไม่มีที่จอด เมยไปไม่ถึง 5 นาทีหรอกนะคะ”
“เมยครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำบนห้องคุณหน่อย”
“ได้ค่ะ คุณเวย์เอากุญแจไปเปิดเองนะคะ” เมญาวีส่งกุญแจห้องให้กับเจ้านาย ส่วนตัวเองนั้นรีบเดินไปยังหน้าปากซอยเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเป็นอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเจ้านายหนุ่มที่วันนี้ดูท่าทางแปลก ๆ
เมญาวีได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งและน้ำส้มคั้นสดจากร้านที่อยู่ติดกันมาอีก 2 ขวด จากนั้นก็รับเดินกลับมายังห้องพักของตัวเองอีกครั้ง
พอทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ เสร็จแล้ว เวหาก็ขับรถพาเมญาวีไปยังโรงงานที่อยุธยา
“กลางวันนี้ผมว่าไปทานที่ร้านเดิมอีกคุณว่าดีไหม” เขาชวนคุยขณะขับรถออกมาได้เพียงนิด
“ก็ดีค่ะ อาหารอร่อย สะอาดและไม่ไกลจากโรงงานด้วย”
“ผมว่ากุ้งของเขาสดดี ว่าจะซื้อไปฝากแม่สักหน่อย คุณล่ะครับ ชอบทานอะไรของร้านนั้นเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อนค่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน” เวหาตอบแล้วหันมายิ้ม
เมญาวีไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของเจ้านายแบบนี้บ่อยนัก เพราะที่ผ่านมาดูเขาจะเครียดกับทั้งเรื่องงานและเรื่องทางบ้าน ไม่คิดเลยว่าคนที่ใบหน้าเย็นชาอย่างเจ้านายเวลายิ้มแล้วทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
“หน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่า ทำไมคุณมองแล้วยิ้ม หรือว่าข้าวเหนียวที่ทานไปเมื่อกี้”
เวหาปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยแล้วลูบไปบนหน้าตัวเองจนทั่ว
“ไม่มีอะไรติดหรอกค่ะ”
“ก็คุณมองหน้าผมแล้ว”
“ก็เมื่อกี้คุณยิ้ม เมยก็เลยเผลอยิ้มตามเท่านั้นเองค่ะ”
“มันแปลกมากเลยเหรอครับ”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ เพียงแต่คุณไม่ค่อยยิ้ม”
“ชีวิตผมไม่ค่อยเรื่องให้ยิ้มเท่าไหร่” สีหน้าของเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง
“เรื่องเล็กน้อยเราก็ยิ้มได้นะคะ อย่างเช่นเมื่อเช้าเมยไปซื้อน้ำส้มแล้วแม่ค้าบอกว่าเหลือสองขวดสุดท้าย เมยก็ยิ้มแล้วค่ะ เรื่องโชคดีเล็ก ๆ น้อยเราก็สามารถมีความสุขกับมันได้นะคะ”
“คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีจังนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ เมยก็แค่พูดไปตามที่ตัวเองรู้สึกเท่านั้นเอง”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกหลายเรื่อง เวลาเกือบสองชั่วโมงมันดูเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่รู้ตัวและตอนนี้รถของเวหาก็มาจอดอยู่หน้าโรงงานแล้ว
เพราะงานที่ยังไม่เรียบร้อยมื้อกลางวันของทั้งสองคนก็เลยเป็นอาหารที่ทางผู้จัดการโรงงานเตรียมให้แทนที่จะได้ไปทานที่ร้านอย่างที่คุยกันไว้
กว่างานจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็น เวหารีบโทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเขาคงกลับไปทานอาหารด้วยไม่ได้เพราะตอนนี้ยังไม่ออกจากอยุธยา
ชายหนุ่มยิ้มออกเมื่อมารดาบอกว่าเย็นนี้จะออกไปทานอาหารกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่แวะมาหาที่บ้านเมื่อวันก่อนทำให้เขาโล่งใจเพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เหงาอยู่คนเดียว
“ดูคุณเวย์ไม่ค่อยกังวลเลยนะคะ” เมญวีถามอย่างแปลกใจเพราะเธอรู้ว่าเจ้านายจะต้องรีบกลับไปทานอาหารเย็นกับมารดาทุกวัน แต่วันนี้เขากลับดูไม่รีบร้อนอย่างเคย
“ครับ วันนี้แม่ผมมีคนทานข้าวด้วยแล้ว เราคงไม่ต้องรีบกลับ ผมว่าเราไปหาอะไรทานก่อนกลับดีไหมร้านที่เราคุยกันไว้ตอนเช้าก็ได้นะครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวเมยขอเช็กดูก่อนนะคะว่าร้านปิดกี่โมง” เมญาวีเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ไม่นานแล้วหญิงสาวก็เดินกลับมาพร้อมด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
อาหารมื้อเย็นที่ไม่เร่งรีบกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นทำให้ผู้ช่วยสาวและเจ้านายหนุ่มนั่งทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งความมืดเข้าปกคลุมไปทั้งบริเวณ
“ขอบคุณนะคะคุณเวย์ อาหารมื้อนี้อร่อยมากค่ะ”
“ถ้าอร่อยเราก็มาทานกันบ่อย ๆ สิครับ”
“ค่ะ ถ้ามาทำงานที่นี่ร้านนี้ก็คงเป็นร้านประจำ”
“ไม่มาทำงานเราก็มาได้นี่ครับ ไม่ไกลเลย บางทีผมอาจชวนแม่มาทานที่นี่ ได้บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ท่านคงชอบ”
เมญาวีรู้สึกประทับใจเจ้านายของตัวเองอย่างมาก และนึกอิจฉาผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนเขา เพราะดูแล้วเวหาเป็นคนที่รักแม่เพราะฉะนั้นเวลาเขามีภรรยาก็คงจะรักภรรยามากอย่างไม่ต้องสงสัย
เวหาและเมญาวีออกจากร้านในเวลาเกือบสองทุ่ม เขาไม่เร่งรีบอะไรมากจึงขับรถแบบสบาย ๆ แต่ก็แอบกังวลว่าหญิงสาวที่นั่งมาด้วยนั้นจะมีธุระรีบไปไหนหรือเปล่า
“เมย ผมลืมถามเลยว่าคุณมีธุระรีบกลับหรือเปล่า ขอโทษนะผมทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่หรอกค่ะ จะกลับช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากันเพราะเมยไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว”
“ปกติตอนเย็นคุณทำอะไรหลังเลิกงานครับ” อยู่ ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ถ้าไม่ไปทานข้าวกับรินก็กลับห้องค่ะ”
“ผมเห็นคุณพูดถึงแต่เพื่อนที่ชื่อรินแล้วไม่ออกไปกับคนอื่นอีกเหรอครับ”
“คุณเวย์จะให้เมยไปกับใครล่ะคะ เพื่อนสนิทก็มีแค่รินคนเดียว ส่วนแม่ก็อยู่ต่างจังหวัด”
“ไม่ไปเดทเหรอครับ” เขาถามอย่างตรงประเด็นเพราะรู้สึกว่าจะถามแบบอ้อม ๆ แล้วมันไม่ได้ผล
“เดทเหรอคะ” เมญาวีเข้าใจแล้วว่าที่เขาพยายามถามทั้งหมดก็คงเพราะอยากจะถามว่าเธอมีแฟนหรือยัง
“ครับ เดท”
“ไม่หรอกค่ะ เมยยังไม่รู้จะเดทกับใคร”
คำตอบที่ได้ฟังทำให้คนถามพอใจอย่างที่สุด
“แล้วคุณเวย์ล่ะคะกลับบ้านไปทานอาหารกับคุณแม่ทุกวัน แฟนไม่น้อยใจแย่เหรอแคะ”
“ผมยังไม่มีแฟนครับ”
“เพราะไม่มีเวลาเหรอคะ”
“ครับ ถ้าผมมีใครสักคนแล้วมีเวลาให้เขาไม่เต็มที่ผมก็ยังไม่อยากมีเว้นแต่ว่าเขาคนนั้นจะเข้าใจ”
“ไม่ยากเลยนี่คะ คุณเวย์ก็ชวนแฟนไปทานอาหารที่บ้าน ดูแลทั้งแม่และแฟน ทานกันหลายคนแม่คุณเวย์ก็จะได้ไม่เหงาด้วยนะคะ”
“ก็จริงนะครับ ผมคงต้องเอาคำแนะนำของคุณไปใช้บ้างแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“ยินดีค่ะ”
การได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวทำให้ทั้งสองจะสนิทกันมากขึ้น เมญาวีรู้สึกว่าเวหาแปลกไปจากเดิม เขาดูเป็นกันเองกับเธอต่างจากวันแรกที่ได้ร่วมงานกัน
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่เธอรู้สึกว่านอกจากเขาจะเป็นกันเองกับเธอมากขึ้นแล้วสายตาที่เขามองก็ดูแปลกอีกด้วย เมญาวีคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้านายอาจจะรู้สึกดีกับเธอเหมือนที่เธอเองก็กำลังรู้สึกดีกับเขานับตั้งแต่วันที่เขาไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล
เรื่องที่ตัวเองแอบรู้สึกดีกับเจ้านายเมญาวีจะให้ใครรู้ไม่ได้เพราะฝ่ายบุคคลห้ามพนักงานที่ยังไม่ผ่านช่วงทดลองงานคบหากับเพื่อนร่วมงานในเชิงชู้สาว หญิงสาวรู้ว่าเวหามาทำงานก่อนเธอได้ไม่นานเพราะฉะนั้นทั้งเขาและเธอก็กำลังอยู่ในขั้นทดลองงานทั้งคู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงหัวหน้าโปรเจ็กต์แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีอำนาจอะไรในบริษัท
เวหาส่งผู้ช่วยจนถึงที่พักแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตามเธอขึ้นไปบนห้องเพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้ว เขายอมรับว่าดีใจที่รู้ว่าเธอยังมีไม่มีใครแม้ว่ารินรดาเพื่อนของเธอจะบอกแล้วแต่เขาก็อยากมั่นใจ วันนี้จึงได้ถามกับเจ้าตัวอีกครั้ง พอรู้อย่างนี้แล้วก็รู้สึกดี จากนี้เขาคงจะเดินหน้าสานความสัมพันธ์กับเธออย่างจริงจัง หลังจากที่พักเรื่องหัวใจมานานหลายปี