บทที่ 8
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะยืนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น ไม่คิดดิ้นรนต่อสู้กับเขาแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ขณะที่คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ชิดใกล้กับอันตรายอย่างที่สุด เนื้อตัวของเธอก็เป็นอิสระในทันใด เมื่อเขาผลักร่างเธอออกพร้อมกับบอกว่า
“ไปเก็บเข้าของคุณได้แล้ว”
เธออยากจะเอ่ยปากปฏิเสธออกไป แต่ก็ดูไร้ความหมายเพราะเขาเดินพ้นประตูเลื่อนบานนั้นออกไปแล้วเธอได้แต่เดินตามเขาออกไปยังระเบียงบ้านด้านหน้า และเดินอ้อมตามแนวระเบียงนั้นไปจนถึงด้านหลังที่รถพิคอัพคันของเขาจอดอยู่
เขาไม่ได้คิดจะเปิดประตูรอให้เธอขึ้นไปนั่งก่อนเสียด้วยซ้ำ แต่เดินเลยไปยังด้านคนขับเลื่อนตัวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย ตอนที่เธอขึ้นไปนั่งเคียงข้างนั้นเขาติดเครื่องแล้วและกำลังหันมามองเธออย่างไม่พอใจในความล่าช้าและเธอก็ตอบโต้ด้วยการกระแทกประตูปิดลงปังใหญ่ เขานั่งนิ่งเงียบราวแท่งหิน ไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะคิดอย่างไร
เขาเร่งเครื่องพารถออกจากตรงนั้นสู่เส้นทางหลวงด้วยความเร็วสูง จนเธอมองอะไรไม่ทัน ทั้งไม่อยากเดาด้วยว่าเขาใช้ความเร็วเท่าไร แรงลมที่พรูพรั่งเข้ามาทางหน้าต่างทำให้พวงผมปลิวสยาย แต่เธอจะไม่มีวันขอร้องให้เขาลดความเร็วลงแน่นอน
“รถฉันอยู่ตรงนั้น” เธอบอกเมื่อมองเห็นรถคันที่ยังจอดอยู่บนไหล่ทาง
“เอาไว้ขากลับค่อยมาเอา ตอนนี้ ผมไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับสุภาพสตรีน้อย ๆ”
เธอมองเขาด้วยสายตาที่อยากฆ่าให้ตายคามือเสียนักแต่ในที่สุด ก็เมินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง หลังจากนั้นเขากับเธอก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย จนในที่สุด เขาก็เหยียบเบรคลงห่างจากประตูห้องพักของโมเต็ลเพียงไม่กี่ฟุต เมื่อเธอมองหน้าเขาอย่างแปลกใจในความสามารถที่รู้ได้ว่าเธอพักอยู่ห้องไหน เขาก็ตอบกลับมาว่า
“ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะมิสมาโลน ที่อยากรู้เรื่องคนอื่นน่ะ”
ดวงตาคู่สีเทาคมกล้าที่จดจ้องมองหน้าอยู่ในยามนี้ทำให้หัวใจเธอเต้นระส่ำระสายขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวฉันมา..” เธอพูดห้วนๆ เมื่อเปิดประตูก้าวลงจากรถ
เธอรีบไขกุญแจประตูห้องและเดินเลยลึกเข้าไปข้างใน แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงประตูที่ปิดตามหลังลง ก็หันมามองและเห็นไลอ้อนยืนอยู่ตรงนั้น
“ผมจะช่วย” เขาพูดห้วนๆ
“ไม่จำเป็น”
“ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันจำเป็นนี่”
เขาย่างสามขุมเข้ามาซึ่งทำให้เธอต้องก้าวถอยหลังลึกเข้าไปในห้อง และเขาก็ปิดประตูตามหลังลง ห้องที่มีขนาดเล็กอยู่แล้ว พอเขาก้าวเข้ามายืนร่วมอยู่อีกคน มันเลยกลายเป็นห้องตุ๊กตาไปโดยปริยาย เขาโยนกุญแจรถของตัวเองลงกลางเตียงที่พนักงานเข้ามาจัดการปูใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวอย่างถือวิสาสะโดยที่แอนดี้ได้แต่ยืนจ้องมองการกระทำของเขาตาค้างอยู่กลางห้องและเขาก็เอ่ยออกมาว่า
“อย่าให้ผมรบกวนคุณเลยนะ” ยิ้มหยันที่ฉาบอยู่บนใบหน้ายามนี้ บอกให้เธอรู้ ว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าการทำเช่นนี้เท่ากับแกล้งเธอชัด ๆ
แอนดี้หันหลังให้ เดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่บนชั้นในตู้ไม้ใส่เสื้อผ้าประจำห้องพักโรงแรม กระชากเสื้อจากไม้แขวนลงมาพับวางเรียงลงในกระเป๋า คว้ารองเท้าที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นห้องหลายคู่ขึ้นมาใส่ลงในกล่องใส่รองเท้า
“อย่าลืมรองเท้าบู๊ทล่ะ” เขาบอกมาจากเตียงนอน
“มันใส่รวมกันไม่ได้หรอกต้องแยกกล่อง ขอบคุณอย่างมากเลยนะที่อุตส่าห์ตามมาช่วย”
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง..” ท่าทางเขาไม่ได้บอกว่าจะเดือดร้อนกับการเสียดสีประชดประเทียดของเธอเลยสักนิด
รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าเขาในยามนี้ ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่สร้างความตื่นกลัวให้เกิดขึ้นกับเธอไม่น้อยและเธอจำต้องบังคับต้องข่มใจตัวเองอย่างมาก กล้ำกลืนทุกความรู้สึกลงไว้ แต่เมื่อเธอเดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อรวบรวมเครื่องสำอางที่วางรายเรียงอยู่บนนั้นใส่ลงในกระเป๋าใบเล็ก ภาพสะท้อนในกระจกเงาก็ฉายให้เห็นเขาที่เฝ้าจับตามองเธออยู่ ราวไม่ยอมให้คลาดคลาทุกฝีก้าว
“ทำไม.. คุณมีความสุขนักหรือไงที่มานอนมองคนอื่นเก็บเข้าของอยู่ตรงหน้าแบบนี้?”
“ผมชอบมากเลยนะ สงสัยว่าอดีตชาติผมจะต้องเคยเกิดมาเป็นทอม ถึงได้ชอบแอบดูคนอื่นอยู่อย่างนี้”
“คุณควรไปหาจิตแพทย์ได้แล้ว”
“ทำไมถึงต้องขนาดนั้นด้วยล่ะ..?” เขาถามเยาะ ๆ “หรือว่าการที่ผมจับตามองอยู่แบบนี้มันทำให้คุณเกิดใจคอไม่ดีขึ้นมา?”
“เปล่าเลย” เธอตอบออกไป แต่รอยยิ้มกับแววในดวงตาคู่นั้นบอกให้รู้ว่าเขารู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
ขณะที่เธอกำลังจัดเก็บกระดาษที่โน้ตข้อความต่างๆ ซึ่งวางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะเล็กเพื่อบรรจุลงในกระเป๋าเอกสารนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินเข้าไปในห้องน้ำ และเมื่อกลับออกมาก็มีทั้งบราเซียร์และกางเกงในที่เข้าชุดกันติดมือออกมาด้วย แอนดี้เพิ่งนึกออกตอนนั้นเอง ว่าก่อนหน้าที่จะออกจากห้องเมื่อเช้านี้เธอซักและผึ่งให้แห้งไว้บนราวในห้องน้ำนั่นเอง
เขาไม่ได้ละสายตาที่ประสานอยู่กับเธอเลยแม้เมื่อเดินเข้ามาใกล้
“เอ้า.. อย่าลืมเสียล่ะ” เขาพูดยานคาง ก้มลงมองชุดชั้นในชิ้นน้อย ๆ ที่ถืออยู่ในมือแต่ละข้าง เขาทำท่าคล้ายชั่งน้ำหนักอยู่ก่อนจะโยนขึ้นไปแล้วก็เอามือรอรับไว้ “มันเล็กดีจริงๆ รับได้ไม่พลาดเลยสักครั้ง”
คำพูดของเขาทำให้เธอคว้าชุดชั้นในสีแดงเข้มนั้นมาเสียจากมือเขาและโยนลงในกระเป๋าเสื้อผ้าก่อนจะกระแทกปิดลง เมื่อเธอจะยกมันขึ้นเขาก็ก้าวเข้ามาแย่งไปเสียจากมือเธอ
“ต้องเช็คเอ้าท์หรือเปล่านี่?” เขาถามขณะเปิดประตูห้อง
“ต้อง..” เธอตอบห้วนๆ ด้วยน้ำเสียงชาเย็น ไม่อยากให้เขารู้ว่าหัวใจเธอยังรัวกระหน่ำอยู่จนเจ็บไปทั้งหน้าอก
“งั้นผมจะเอากระเป๋าไปใส่รถขณะที่คุณจัดการเคลียร์บัญชีก็แล้วกัน”
“ก็ได้ค่ะ” เธอเดินตรงไปยังห้องทำงาน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าเจ้าหน้าที่จะหาเอกสารที่วางปะปนกันอยู่ออกมาได้ ขณะที่รูดเครดิตการ์ดของแอนดี้อยู่หล่อนก็เงยหน้าขึ้นและเห็นรถของไลอ้อนเข้า
“นั่นไลอ้อน แรทลิฟฟ์นี่”
“ก็ใช่น่ะสิ” แอนดี้ตอบ จ้องหน้าพนักงานสาวคนนั้นเขม็งราวท้าทายให้ถามต่อ
“อืม.. ” หล่อนทำเสียงครางออกมาได้เพียงแค่นั้น
แอนดี้เดินออกจากโรงแรม เลื่อนตัวขึ้นไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับ เธอชอบกลิ่นเบาะหนังของรถคันนี้ ชอบกลิ่นกายของไลอ้อนด้วย ตั้งแต่ตอนที่เขาเดินเข้าไปในบ้านทั้งที่เพิ่งปลูกต้นไม้มาหมาด ๆ กระนั้น กลิ่นกายของเขาก็ยังสดสะอาดอยู่ดี
ในรถขณะนี้ เขาหมุนกระจกหน้าต่างขึ้นและเปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว เขาพารถออกจากตรงนั้นเงียบ ๆ ไม่ได้พูดจาอะไรกับเธอเลย จนเมื่อออกมาถึงเส้นทางหลวงแล้ว จึงได้หันมาถามเธอว่า
“แล้วนี่มิสเตอร์มาโลนสามีของคุณเขามัวทำอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยให้คุณออกมาเพ่นพ่านสืบสาวราวเรื่องที่เป็นความลับในชีวิตคนอื่นอยู่อย่างนี้?”
เธอรู้สึกเจ็บใจกับน้ำเสียงดูหมิ่นของเขาเสียเหลือเกิน
“นี่.. สามีฉันน่ะเขาตายไปนานแล้ว.. !”
สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ตวัดสายตากลับไปมองถนนทันที เธอเองก็เมินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยเช่นกัน
“ผมเสียใจด้วยนะ.. ” เขาเอ่ยออกมาด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ “แล้วเขาเป็นอะไรตายล่ะ?”
คำขอโทษของเขาสร้างความพิศวงให้เธออีก อารมณ์ของเขาที่ดูจะแปลงเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอออกจะสับสน
“เขาตายตอนไปทำข่าวแผ่นดินไหวในกัวเตมาลา”
“นานเท่าไหร่แล้ว?”
“สามปี”
“เขาเป็นนักข่าวด้วยเหมือนกันหรือ?”
“ใช่”
“เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สินะ?”
“โทรทัศน์”
“เขาต้องเดินทางเสมอเลยหรือ?”
“ตลอดเวลาเลย เพราะเป็นผู้สื่อข่าวให้กับทุกสถานีในเครือข่าย”
“คุณมีความสุขดีหรือเปล่า..?”
ทำไมคำถามนี้มันจึงดูคล้ายจะสืบเสาะเข้ามาในเรื่องส่วนตัวเสียเหลือเกิน..? เธอครุ่นคิดอย่างสงสัยอยู่ในใจ ใจหนึ่งเธออยากจะตอบเขาออกไปว่า เรื่องราวในชีวิตแต่งงานของเธอนั้นมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาสักนิด แต่มันมีอะไรบางอย่างที่เตือนอยู่ไม่ให้ย้อนเขาออกไปอย่างนั้นขณะนี้ จุดประสงค์ของเธอคือการสัมภาษณ์บิดาของเขา แอนดี้คิดอยู่ว่า เธอควรจะให้ความร่วมมือกับไลอ้อนอย่างดีเพื่อที่เขาจะไม่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับงานของเธอบางที มันอาจจะเป็นการสงบศึกระหว่างเธอกับเขาลงได้อย่างดีด้วย
“ใช่ค่ะ เรามีความสุขด้วยกันมาก..” เธอตอบออกไป