บทที่ 9
เขาหันมามองหน้าเธออยู่เป็นครู่ จนเธออยากจะแย่งพวงมาลัยมาถือเสียเอง เขายังคงขับรถด้วยอัตราความเร็วสูงเหมือนเดิม แต่ในที่สุด เขาก็ถอนสายตาจากเธอกลับไปมองถนนตรงหน้า
แอนดี้ขยับตัวอยู่ในที่นั่ง สัมผัสความรู้สึกได้ว่ามันมีความตึงเครียดเกิดอยู่ระหว่างกัน น่าจะเป็นความระแวงระวังเสียมากกว่า ขณะเดียวกัน มันก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งผ่านเข้ามาด้วย ความใคร่ที่จะได้สัมผัสเนื้อตัวเขาเข้ามาครอบงำจิตใจเธออยู่ อยากจะได้สัมผัสเรือนผมสีเข้มว่ามันจะหนานุ่มสักเพียงไร เสื้อเชิ้ตตัวที่เขาสวมใส่เน้นกล้ามเนื้อแผงอก และยังกางเกงยีนส์ที่แนบเรือนกายนั่นอีกเล่า..
“คุณทำงานลักษณะนี้มานานเท่าไหร่แล้ว..?”
คำถามที่ทำลายความเงียบนั้นช่วยดึงเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศในรถดูไม่ช่วยให้นวลแก้มร้อนผ่าวกลับเย็นลงได้เท่าไรเลย เธอกระแอมไล่อาการคอแห้งเบาๆ
“ก็ตั้งแต่เรียนจบนั่นแหละค่ะ ฉันเริ่มต้นจากการเขียนข้อความโฆษณาให้กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น แล้วก็เลื่อนขึ้นไปอยู่ฝ่ายข่าว ในที่สุด ก็ออกมาทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้สัมภาษณ์และผู้สื่อข่าวอย่างที่คุณเห็นอยู่นี่แหละ”
“แต่รู้สึกว่าคุณชอบที่จะเจาะลึกเข้าไปในเรื่องส่วนตัวของคนอื่นด้วยนะ” เขาเปรยออกมา
“ใช่ค่ะ” เธอตอบไม่เต็มปาก ไม่แน่ใจเลยว่าการสนทนาทำนองนี้จะมุ่งไปในทิศทางใด
“ผมยังสงสัยนะ..” เขาเอ่ยออกมาดังๆ “คือมีผู้ชายบางคนเลือกที่จะทำงานประเภทที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาทั้งนี้เพราะ เขาไม่รู้สึกว่ามีความสุขในบ้าน และการที่คุณเองก็เลือกทำเช่นนั้นเป็นเพราะความละอายใจใช่ไหมล่ะ..? คุณทำให้สามีหมดความสุข มันจึงเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องเดินทางไปอเมริกากลาง แล้วในที่สุด ก็ไปตายที่นั่นและตอนนี้เพราะความรู้สึกละอายใจอย่างที่ว่านั่นแหละที่ทำให้คุณพยายามเดินตามรอยเท้าเขา..!”
ทุกคำพูดของเขาราวคมมีดที่กรีดลงกลางใจ เพราะมันใกล้เคียงความจริงอย่างมาก แต่เธอก็เช่นเดียวกับสัตว์ต้องบาดเจ็บ จำเป็นจะต้องต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองจนวินาทีสุดท้าย
“คุณกล้าดียังไงถึงมาพูดกับฉันแบบนี้ คุณไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับโรเบิร์ตหรือตัวฉันเลย.. คุณมัน.. ”
“ผมน่ะรู้จักคุณดียิ่งกว่าใครเสียด้วยซ้ำ.. คุณเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานแรงกล้า ยึดมั่นในอัตตาอย่างที่สุด เพราะคุณต้องการจะเห็นตัวเองเด่นดังกว่าใครทุกคน” เขาเบี่ยงรถลงตรงไหล่ทางและหยุดลงตรงท้ายรถคันของเธอ เธอเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดแต่อุ้งมือที่แข็งราวปลอกเหล็กเอื้อมมาคว้าข้อมือไว้เสียก่อน พร้อมกันเขาก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแกร่งกร้าว
“อย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าเพราะคุณมีหน้าสวย ๆ มีท่อนขาเรียวงามขนาดนี้ มีทรวงอกที่ราวจะท้าทายให้ผู้ชายแตะต้อง..แล้วผมจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณใจแข็งยิ่งกว่าเหล็กเนื้อหนังของคุณอาจจะอ่อนนุ่มละมุนมือ แต่มันห่อหุ้มน้ำแข็งข้างในไว้ ผมรู้จักผู้หญิงแบบคุณดี แอนดี้ มาโลน คุณพร้อมที่จะต้อนผู้ชายทุกคนที่โง่พอจะให้โอกาสคุณก่อนเสมอ แต่คนอย่างผมไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะฉะนั้นขณะที่คุณทำการสัมภาษณ์พ่อผมอยู่ จงอย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผมอย่างเด็ดขาด ผมเองก็จะหลีกไปให้พ้นทางคุณด้วยเหมือนกัน เอาละ.. ในเมื่อเราต่างเข้าใจในจุดประสงค์แล้ว ผมก็หวังว่าเราจะทนซึ่งกันและกันได้ จนกว่าไอ้งานบ้าๆ ของคุณจะจบสิ้นลง”
เมื่อพูดจบเขาก็ปล่อยมือจากเธอและเปิดประตูรถผลักให้กว้างออก ส่วนเธอเองก็รีบก้าวลงมายืนอยู่บนไหล่ทางนั้น กระแทกประตูปิดโครมใหญ่ จับตามองเขาที่เข้าเกียร์พารถแล่นตะบึงออกไปข้างหน้า ปล่อยเธอไว้เพียงลำพังกลางกลุ่มฝุ่น
อีกสิบนาทีต่อมา ผู้ที่มาต้อนรับเธอตรงประตูหน้าของตัวบ้านคือผู้หญิงสูงอายุ ที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกราซี่ เห็นได้ชัดว่าไลอ้อนได้แจ้งให้ยามตรงหน้าประตูรั้วและแม่บ้านรับทราบแล้วว่าเธอกำลังตามมา
“คุณคงอยากล้างหน้าล้างตาก่อนอาหารกลางวันนะคะ” กราซี่เอ่ยอย่างมีน้ำใจ “ข้างนอกอากาศร้อนมากเลยใช่ไหมคะนี่ งั้นก็ขึ้นไปชั้นบนเลยดีกว่าค่ะ อิฉันจะได้ชี้ห้องให้อิฉันไม่เคยเห็นท่านนายพลตื่นเต้นเหมือนครั้งนี้เลยนะคะท่านถึงขนาดสั่งให้อิฉันลาดพรมสีแดงเชียวนะคะนี่ แล้วท่านก็สั่งอิฉันด้วยว่าให้คุณพักในห้องนอนใหญ่ชั้นบน”
นางแนะนำตัวเองว่าชื่อกราซี่ ฮอลสเตด เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ เรือนผมสีเทาแล้ว สีหน้าฉาบด้วยยิ้มระรื่นอย่างมีความสุข
“เอาละค่ะ..ถึงแล้ว” นางบอกพร้อมกับเปิดประตูห้องส่วนตัว เผยให้เห็นห้องใหญ่ที่มีบรรยากาศปลอดโปร่งตกแต่งด้วยเครื่องเรือนโบราณ แสงแดดสาดสว่างทั่วทั้งห้อง
ห้องนี้หันหน้าไปทางด้านทิศใต้ของตัวบ้าน เมื่อมองออกไปภายนอกจะเห็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนเป็นระลอกอยู่ตรงขอบฟ้า วัวพันธ์เฮียร์ฝอร์ดหน้าขาวและเล็มหญ้าอ่อนอยู่ในท้องทุ่งกว้าง ตรงขอบทุ่งด้านใกล้ที่สุดจะมองเห็นแม่น้ำสายหนึ่งโอบล้อมอาณาเขตที่ดินของตระกูลแรทลิฟฟ์ไว้ และมีไซเปรสยืนต้นอยู่ตลอดแนวตลิ่ง
“ที่คุณเห็นอยู่คือแม่น้ำกัวดาลูพค่ะ” กราซี่บอก
“มองจากตรงนี้สวยมากเลยนะคะ” แอนดี้ว่า
“ค่ะ อิฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ท่านนายพลเพิ่งปลูกบ้านหลังนี้หลังจากที่สงครามสงบลงได้ไม่นาน บอกตามตรงว่าอิฉันไม่เคยเบื่อที่จะชมวิวที่นี่เลย คุณเห็นสระว่ายน้ำนั่นไหมล่ะคะ..? ท่านนายพลบอกว่าตลอดเวลาที่คุณพักอยู่กับเราที่นี่คุณจะต้องได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุดเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แค่นี้ฉันก็มีความสุขจะแย่อยู่แล้ว”
“ไลอ้อนเอากระเป๋าคุณขึ้นมาแล้วละค่ะ” นางพยักหน้าไปทางกระเป๋าเสื้อผ้าที่กองรวมกันอยู่ แอนดี้พอจะมองเห็นภาพตอนที่มันถูกโยนลงไปกองรวมกันอยู่บนพื้นห้องอย่างไม่สนใจ
“ค่ะ.. นับเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง” หางเสียงของเธอประชดอยู่ในที
“อิฉันเห็นจะต้องขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะคะจะไปเตรียมอาหารกลางวัน ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นนะคะ” นางชี้มือไปยังประตูบานหนึ่ง “ที่จริงอิฉันก็จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้แล้วละค่ะ แต่ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่อง คุณออกไปเรียกอิฉันตรงหัวบันไดได้เลยนะคะ เพียงแต่ต้องใช้เสียงดัง ๆ หน่อยเท่านั้น”
“โอเค.. ” แอนดี้ตอบปนหัวเราะ
กราซี่อมยิ้ม ยกมือขึ้นกอดอกพินิจพิจารณาแอนดี้ตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า ทั้งสีหน้าและแววตาบอกให้รู้ว่านางพอใจในสิ่งที่ตัวเองเห็นเป็นอย่างมาก
“อิฉันคิดว่าท่านนายพลพูดถูกแล้วละค่ะ แล้วก็คิดว่าเมื่อมีคุณมาอยู่ด้วยแบบนี้มันคงจะมีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นแน่” แล้วก่อนที่แอนดี้จะแสดงความข้องใจกับคำพูดคลุมเครือของนาง กราซี่ก็เอ่ยต่อทันทีว่า “อาหารกลางวันเที่ยงตรงนะคะ”
จากนั้น นางก็ออกจากห้องไป ทิ้งแอนตี้ไว้เพียงลำพังเธอจึงลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และภายหลังจากอาบน้ำชำระคราบฝุ่นจนหมดจดภายในห้องน้ำแสนสวย ที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองอ่อนสลับน้ำตาลแล้ว เธอก็เลือกที่จะแต่งตัวในชุดลำลอง ซึ่งได้แก่กระโปรงเข้ารูปกับเสื้อเชิ้ตแบบโปโล
และตอนที่กำลังแปรงผมอยู่บนระเบียงนั่นเอง เมื่อมองลงไปชั้นล่าง เธอก็ทันเห็นไลอ้อนที่เดินออกมาจากด้านข้างของโรงรถ เขาเดินเข้าไปหามิสเตอร์ฮูจตันที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างแปลงไม้ดอก ยังตั้งหน้าตั้งตาปลูกต้นไม้อยู่
มือที่ถือแปรงอยู่ชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นไลอ้อนดึงชายเสื้อเชิ้ตออกจากขอบกางเกงยีนส์และปลดกระดุมเสื้อ จากนั้น ก็ถอดออกเอาไปแขวนไว้กับกิ่งต้นพีคั่นท่าทางที่เขาปรึกษาหารืออะไรบางอย่างอยู่กับมิสเตอร์ฮูจตันนั้นเป็นไปตามธรรมชาติไม่ได้ระมัดระวังเหมือนตอนที่พูดกับเธอเลย
แอนดี้ยกมือขึ้นทาบอกไว้ราวเกรงว่าหัวใจจะหลุดออกมาได้ เธออาจจะเคยคาดเดาความหนั่นหนาของกล้ามเนื้อแผงอกเขาอยู่บ้างก็จริง แต่ไม่ได้เตรียมตัวที่จะมาพบเห็นของจริงเต็มตาอย่างที่เห็นอยู่ขณะนี้ แผงไหล่ของเขาผึ่งผายอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งเธอมองเห็นอย่างชัดเจนตอนที่เขาก้มลงหยิบพลั่วขึ้นมาถือไว้ในมือ
และเมื่อเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขันกับคำพูดถึงอะไรบางอย่างของมิสเตอร์ฮูจตัน เธอก็ยังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าไรฟันของเขาขาวสะอ้านตัดกับผิวหน้าที่เป็นสีน้ำตาลกร้านแดดเกรียมลม หางตาของเขาเป็นริ้วรอยยับย่นเมื่อหัวเราะด้วยความขบขันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอเคยเห็นแต่เวลาที่เขาแสดงอารมณ์โกรธใช้วาจาเสียดสี แสดงความชิงชังรังเกียจแถมยังอาฆาตมาดร้ายอีกต่างหาก