บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

เธออดยิ้มกับความกระตือรือร้นที่ท่านนายพลแสดงออกไม่ได้

“เห็นจะยังไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันจะแจ้งให้คณะทำงานของดิฉันทราบคืนนี้ คิดว่าเขาจะเดินทางมาถึงพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ในการถ่ายทำก็คงจะอีกสักวันหรือสองวันค่ะ”

“เราจะถ่ายทำเป็นหนังกันด้วยหรือนี่?”

“เป็นวิดีโอเทปค่ะ”

“เป็นวิดีโอเทป..” ท่านนายพลทวนคำช้าๆ อย่างใช้ความคิด คล้ายกับพยายามทำความเข้าใจกับตนเองอยู่ว่ามันคืออะไร

“จริงๆ แล้วก็เป็นแบบเดียวกับการถ่ายทำหนังนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อนอย่างฟิล์มหนังเท่านั้น ลักษณะของเทปก็เหมือนกับเทปเพลงทั่วๆ ไปนั่นแหละค่ะ” เธอพยายามอธิบายและท่านนายพลก็พยักหน้ารับเคร่งขรึม “แต่ก่อนหน้าที่คณะทำงานของดิฉันจะเดินทางมาถึง ดิฉันอยากใช้เวลาในช่วงนี้ดูเกี่ยวกับสถานที่สักหน่อยค่ะ ไม่อยากให้การถ่ายทำและการสัมภาษณ์ครั้งนี้ กำหนดอยู่ตรงจุดใดจุดหนึ่งเพียงแห่งเดียว”

“นั่นสินะ..แล้วเราก็ควรจะมีโอกาสทำความรู้จักซึ่งกันและกันให้ดีขึ้นด้วย..” ท่านนายพลพูดพร้อมกับหลิ่วตาล้อเลียน “คุณคิดว่าการสัมภาษณ์อย่างที่ว่านี่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”

“จริงๆ แล้วเราควรจะทำงานได้ทุกวัน ถ้าท่านรู้สึกสบายดีนะคะ ถ้าจะให้ดี ควรจะทำให้เสร็จหนึ่งโปรแกรมในหนึ่งวัน ซึ่งทุกคนน่าจะยอมรับได้ เราควรจะจบ..”

“เรื่องของคุณจบแล้ว..!”

คำพูดประโยคหลังกึกก้องมาจากประตูที่แอนดี้เดินผ่านเข้ามาก่อนหน้านี้ เมื่อเธอหันขวับไปมองก็เห็นไลอ้อนยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าประตูนั้น เขาแต่งตัวแบบตะวันตก นุ่งกางเกงยีนส์สวมเสื้อลายกับรองเท้าบู๊ทที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น

“เข้ามา ไลอ้อน พ่อคิดว่าแกคงรู้จักแขกของเรา..มิสซิสาโลน คนนี้แล้วนะ”

ไลอ้อนเดินปึงปังเข้ามาในห้อง ไม่ใส่ใจกับมารยาทแม้จะอยู่ต่อหน้าบิดาก็ตาม สายตาที่จดจ้องมองหน้าแอนดี้ขณะนี้ บอกความไม่พอใจอย่างยิ่ง

“คุณมาทำบ้าอะไรที่นี่?”

แอนดี้ดีดตัวขึ้นยืนทันที ไม่ต้องการเห็นตัวเองต้องคอยเงยขึ้นมองหน้าเขาราวทาส

“คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่”

“และผมก็รู้ด้วยว่าคุณใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ผ่านประตูรั้วด้านนอกเข้ามาถึงในนี้ได้ยังไง เพราะมิสเตอร์ฮูจตันเล่าให้ผมฟังว่าเขาได้รับคุณผู้หญิงที่น่าเห็นใจคนหนึ่งมาที่นี่ด้วยเพราะรถเธอเสียกลางทาง ที่รับก็เพราะเธอแสดงความวิตกว่าจะมาพบกราร์ซี่ตามที่นัดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้ไม่ทัน..ผมจะบอกให้คุณรับรู้ไว้ว่า การ์ซี่น่ะอยู่ที่ไร่แห่งนี้มาก่อนผมเกิดเสียอีก และนับแต่จำความได้จนถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยเห็นการ์ซี่มีนัดหมายอะไรกับใครที่ไหนเลย..พอผมเอาสองบวกสองเข้าเท่านั้นละ..ผมก็เลยรู้ว่าลูกไม้นี้จะต้องเป็นของคุณแน่ ๆ.. เอาละ มิสมาโลน ถึงเวลาที่คุณควรจะออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว ถ้าคุณยังขัดขืน ผมจะจับคุณโยนออกไปเอง.. ” คำพูดประโยคสุดท้ายของเขา แอนดี้มั่นใจอย่างที่สุดว่าเขาจะต้องทำได้แน่

“ไลอ้อน พ่อว่าแม่ของลูกจะต้องเสียใจแล้วก็ผิดหวังอย่างมากเลยนะ ถ้าเขามาเห็นความหยาบคายที่แกกำลังแสดงกับแขกของเราอยู่ตอนนี้..โดยเฉพาะแขกที่เป็นผู้หญิงสาวสวยอย่างนี้ด้วย เวลานี้พ่อตกลงใจแล้วที่จะให้มิสซิสมาโลนสัมภาษณ์พ่อ”

ทั้งสีหน้าและอากัปกิริยาของไลอ้อน แรทลิฟฟ์บอกอาการตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด

“พ่อครับ..นี่พ่อแน่ใจแล้วงั้นหรือ..?” เขาแสดงออกถึงความอ่อนโยนอย่างที่แอนดี้ไม่คิดว่าจะได้เห็น เมื่อไลอ้อนคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ล้อเลื่อนที่บิดานั่ง “พ่อแน่ใจแล้วหรือครับ?” เขาถามย้ำ

ท่านนายพลประสานสายตาอยู่กับบุตรชาย

“แน่ใจสิ กับคนอื่นพ่อก็คงไม่อนุญาตหรอก แต่มิสซิสมาโลนเป็นคนมีอัธยาศัยแล้วก็น่ารักมาก พ่อคงขัดคำขอร้องของเธอไม่ได้หรอก”

“นี่น่ะเหรอ คนน่ารัก..?” ไลอ้อนกระแทกเสียงประชดพร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้น พ่อก็อย่ายอมให้เขาเกลี้ยกล่อมจนพ่อต้องยอมทำตามในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำก็แล้วกัน”

“ไลอ้อน.. นี่แกเคยเห็นพ่อยอมให้ใครมาหลอกล่อได้ง่ายๆ งั้นเรอะ..?” ผู้เป็นบิดาถามเสียงเบา “อย่าห่วงไปเลยรับรองว่าพ่อทำได้สวยแน่ อีกอย่างหนึ่งพ่อก็อยากให้สัมภาษณ์ขึ้นมาแล้วจริงๆ”

“งั้นก็ตามใจเถอะครับ” น้ำเสียงของไลอ้อนไม่ได้บอกความพอใจแม้แต่น้อย

“เอาละ มิสซิสมาโลน ถ้าเช่นนั้น ก็เป็นอันว่าเราตกลงกันได้เรียบร้อยแล้วนะ” ท่านนายพลกล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“ขอบคุณท่านมากค่ะ ท่านนายพลแรทลิฟฟ์.. แต่กรุณาเรียกฉันว่าแอนดี้ดีกว่านะคะ”

“ผมชอบคุณนะแอนดี้” ท่านนายพลว่า

“ดิฉันก็ชอบท่านค่ะ” ทั้งเธอและท่านนายพลต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“ขอโทษนะ..” ไลอ้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกท่าทางฉุนเฉียวเมื่อไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ได้ “ผมเห็นจะต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อ”

“ไลอ้อน ปล่อยให้มิสเตอร์ฮูจตันทำงานไปตามหน้าที่ของเขาดีกว่า แกพาแอนดี้กลับไปโรงแรมที่พักแล้วก็ช่วยเธอย้ายเข้าของมาพักอยู่กับเราที่นี่เถอะ”

ทั้งไลอ้อนและแอนดี้ต่างเงยขึ้นมองหน้าพลเอกแรทลิฟฟ์พร้อม ๆ กัน สายตาของเขาและเธอบ่งบอกความแปลกใจเป็นล้นพ้น ในที่สุด แอนดี้เป็นคนหาเสียงตัวเองพบก่อนจึงเอ่ยออกไปว่า

“เอ้อ.. แต่ดิฉันพักอยู่ที่ฮาเว่น อิน เดอะ ฮิลล์ แล้วนี่คะซึ่งก็สุขสบายดีพอสมควรทีเดียวค่ะ”

“แต่มันก็ไม่สบายเท่ากับที่จะมาพักอยู่ที่นี่หรอก” ท่านนายพลกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณยังไม่ได้ชิมฝีมือกราซี่เลย” เมื่อท่านนายพลพูดเช่นนี้ ทำให้แอนดี้นึกรู้ทันทีว่าแท้ที่จริงกราซี่ก็คือแม่บ้านที่ปศุสัตว์แห่งนี้นั่นเอง“อีกอย่างหนึ่ง การที่คุณมาอยู่ที่นี่ จะทำให้ผมได้รับแรงบันดาลใจ สามารถที่จะทำงานร่วมกับคุณได้ทั้งกลางวันกลางคืนอีกต่างหาก ซึ่งผมเชื่อว่าคุณเองคงไม่อยากเสี่ยงที่จะพลาดข้อมูลอะไรที่มันดีๆ แบบนั้นหรอก เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่คุณจะมาพักเสียที่นี่เลยจนกว่างานที่เราทำร่วมกันนี้จะสำเร็จเรียบร้อยลง”

“แต่คณะทำงานของดิฉันจะต้องเข้าพักที่โรงแรมแล้วก็.. ”

“คณะของคุณทั้งหมดมีกี่คน..?”

“สี่คนค่ะ” เธอตอบได้อย่างรวดเร็ว

“งั้นเราก็ให้เขาเข้ามาพักที่เรือนแถวข้างล่างโน่นสิ มีห้องหับออกมากมาย เอาละ.. ผมเห็นจะไม่ยอมฟังข้ออ้างอะไรอีกแล้ว.. ” ท่านนายพลพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดราวกำลังออกคำสั่งอยู่กับเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา “ผมกับไลอ้อนอยู่กันอย่างเงียบเหงาตามลำพังมามากพอแล้วเพราะฉะนั้น เราจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะต้อนรับคุณ.. ผมเห็นจะต้องขอตัวก่อนนะ คุณสองคนทำให้ผมเหนื่อยพอแรงเชียวละ เดี๋ยวตอนอาหารกลางวันเราค่อยพบกัน”

เสียงมอเตอร์เก้าอี้ล้อเลื่อนกระหึ่มขึ้นเบา ๆ และในที่สุด เก้าอี้ตัวนั้นก็ล่วงพ้นออกไปจากประตูห้อง ปล่อยให้แอนดี้อยู่กับไลอ้อนเพียงลำพัง ไลอ้อนย่อมจะต้องรู้ซึ้งแก่ใจว่าพ่อสามารถจะตบหน้าเขาด้วยคำพูดรุนแรงแค่ไหน เขาจึงรออยู่จนเมื่อเก้าอี้ล้อเลื่อนลับตาไปแล้วจึงได้เอ่ยขึ้น

“คุณควรจะต้องภูมิใจในตัวเองมาก ๆ เลยนะ”

“ใช่ค่ะ..” เธอประสานสายตาอยู่กับเขาอย่างไม่พรั่น “ตอนนี้ คุณก็เห็นแล้วว่า คุณพ่อของคุณท่านยินดีให้ฉันมาสัมภาษณ์ท่านมากแค่ไหน อันที่จริงคุณน่าจะช่วยประหยัดเวลาให้เราทั้งสองคนได้ตั้งกว่าเดือน ถ้าเพียงแต่คุณจะยอมพิจารณาคำร้องขอของฉัน แทนที่จะส่งจดหมายทั้งหมดนั่นกลับคืนไปถึงมือฉันโดยไม่ยอมเปิดออกอ่านแม้แต่ฉบับเดียว”

“พ่อผมอาจเต็มใจที่จะให้คุณสัมภาษณ์ครั้งนี้ แต่เห็นจะไม่ใช่ผมหรอก” แววในดวงตาของเขาบอกความดูหมิ่น “ทำไม.. ทุกวันนี้ชีวิตคุณมันยังตื่นเต้นไม่พออีกหรือไง..ผมอยากรู้นักว่าการที่ใครคนหนึ่งพยายามยื่นจมูกเข้าไปสอดรู้สอดเห็นในชีวิตส่วนตัวของคนอื่นมันมีความสุขนักหรือไง..คุณใช้วิธีนี้เองน่ะหรือ เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง..?”

“ฉันไม่เคยคิดจะเข้าไปสอดรู้สอดเห็นในเรื่องส่วนตัวของใครหรอก ฉันเพียงแต่อยากจะสัมภาษณ์คุณพ่อของคุณแล้วก็บันทึกเรื่องที่เราคุยกันลงไว้ในเทปเท่านั้น แล้วก็เผื่อแผ่ไปถึงผู้ชมคนอื่น ๆ ด้วย เพราะยังมีผู้คนนับหมื่นนับแสนที่จะต้องสนใจในสิ่งที่ท่านจะพูด”

“ฟังเข้าท่าดีนี่มิสมาโลน คุณนี่ช่างใจบุญดีจริงๆ” ยิ้มหยันที่ฉาบอยู่บนใบหน้าเลือนหายราวถูกปัดเป่าด้วยพัดวิเศษ และทันใด เขาก็คว้าแขนกระชากตัวเธอเข้ามาหา ริมฝีปากเครียดเคร่งแทบไม่ได้ขยับเมื่อเขาเอ่ยออกมาว่า “แต่ผมจะเตือนคุณไว้ก่อนนะ ถ้าคุณทำอะไรก็ตามที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของพ่อผมละก็ คุณจะต้องได้รับโทษทันต์อย่างมหันต์ทีเดียว หวังว่าเราได้ทำความเข้าใจกันอย่างดีแล้วนะ?”

ลมหายใจของเธอราวถูกปิดกั้น เมื่อทรวงอกกระแทกเข้ากับแผงอกกว้างมั่นคงปานหินผาของเขา กระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้พูดออกมาได้

“ตกลง..!”

เขาจ้องหน้าเธออยู่ แววในดวงตายามนี้บอกให้รู้ว่าเขาจะเชื่อก็ต่อเมื่อเธอพิสูจน์ให้เขาเห็นเท่านั้น ในยามนั้นแอนดี้รู้สึกหายใจไม่ออก ไม่กล้าหายใจเสียละมากกว่า..ทั้งนี้เพราะ มีความรู้สึกอยู่ว่า ถ้าเธอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเมื่อใด เท่ากับเรียกความสนใจของเขาให้มุ่งไปยังความรู้สึกทางเรือนกายกันและกันในยามนี้ ซึ่งเธอไม่ประสงค์จะให้เป็นเช่นนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel