บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

มันอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเกิดอยู่ในใจ ภายหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับบุรุษผู้นั้นความรู้สึกที่เธอเคยคิดว่ามันตายด้านไปนานแล้ว หัวใจดูจะเต้นระทึกขึ้นกว่าเดิมทั้งเนินทรวงและหน้าท้องก็ครัดเคร่งผิดปรกติมันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเพราะสายตาคมกล้าคู่นั้นแท้ๆ และมันทำให้เธอได้คิด ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ตายตามโรเบิร์ตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้นไปด้วย..

ก่อนเข้านอนคืนนั้น เธอพยายามบอกตัวเองอยู่ว่า..เขาเป็นผู้ชายหยาบคายที่สุดที่เธอเคยพบมาในชีวิตนี้.. แต่ถึงยังไงเขาก็ยังน่าสนใจอยู่ดี..นั่นคือข้อสรุปที่เธอให้กับตัวเองก่อนจะเคลิ้มหลับไป

เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องมันจะง่ายดายถึงเพียงนั้นข้อมูลที่เธอได้ยินมาจากร้านเสริมสวยก็เพียงแค่ว่าไลอ้อน แรทลิฟฟ์ สั่งต้นไม้จากไร่ใหญ่แห่งหนึ่งเพื่อนำมาปลูกในที่ดินของเขา ซึ่งภรรยาเจ้าของไร่เที่ยวเล่าให้ใครต่อใครฟังอย่างภาคภูมิใจว่า สามีของเธอจะเอาต้นไม้เข้าไปส่งที่ไร่ของแรทลิฟฟ์ตอนเช้าวันอังคาร.. !

แอนดี้ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าวันนั้นพร้อมกับแผนการที่วาดขึ้นไว้ในสมอง ขอบใจเลสอยู่ครามครันที่เขาช่วยจุดแรงบันดาลใจให้ เช้าวันนี้เธออยู่ในชุดฤดูร้อน เกล้าผมเป็นมวยประดับท้ายทอย จากนั้น ก็ขับรถไปตามเส้นทางสู่บ้านไร่ของแรทลิฟฟ์ แต่ก่อนจะถึงที่หมายเธอก็หักเลี้ยวเข้าจอดข้างไหล่ทาง หวังอยู่ในใจเพียงแค่ว่า..เธอจะไม่มาถึงจุดนี้ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นเท่านั้น

เธอต้องนั่งรออยู่ข้างขอบทางถึงยี่สิบนาทีกว่าจะเห็นรถพิคอัพบรรทุกต้นไม้แล่นมาตามเส้นทางสายเดียวกัน เธอรีบกระโดดลงจากรถ ยกฝากระโปรงขึ้น แล้วก็ยืนตีสีหน้าสิ้นหวังอยู่ตรงข้างรถนั่นเอง และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่เธอคาดหวังไว้แล้วล่วงหน้า เมื่อพิคอัพคันนั้นชะลอความเร็วหลังจากที่ผ่านเธอไปเพียงเล็กน้อยและจอดลงในที่สุด เธอรีบวิ่งเข้าไปหาคนขับ ซึ่งก็กำลังก้าวลงจากรถของเขาพอดีเช่นกัน

“โอ.. ขอบคุณอย่างมากเลยค่ะที่กรุณาหยุดรถลง” เธอทำเสียงเหมือนคนที่กำลังหายใจไม่ออก

“มอร์นิ่ง..รถเสียหรือครับคุณสุภาพสตรีน้อย ๆ ”

เธอต้องขบฟันไว้แน่นขณะส่งยิ้มอย่างท้อแท้ให้เขา

“ฉันไม่ทราบเลยค่ะ” เธอทำเสียงเศร้า “ฉันกำลังจะไปที่ไร่แรทลิฟฟ์ แล้วก็สายกว่าเวลาที่นัดหมายกับกราซี่ไว้มากแล้ว..นี่เธอจะต้องเป็นห่วงแน่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันคุณช่วยพาฉันไปส่งที่ตู้โทรศัพท์ใกล้ที่สุดหน่อยได้ไหมคะ?”

โดยความเป็นจริงแล้วเธอไม่รู้เลยว่ากราซี่เป็นใคร เพียงแต่ได้ยินไลอ้อนเอ่ยชื่อนั้นในร้านอาหารของกาบส์กราซี่อาจเป็นญาติ เป็นแม่ครัวหรืออาจจะเป็นแม่บ้าน.. หรือภรรยา.. ? ของเขาก็ได้ ว่าแต่เธอเคยอ่านพบที่ไหนบ้างหรือเปล่านะว่าเขาแต่งงานแล้ว.. ? แล้วทำไมเธอถึงต้องรู้สึกใจหายเล็ก ๆ เมื่อคิดว่าเขาอาจแต่งแล้วจริงๆ ก็ได้..? แต่จะอย่างไรก็ตามการที่เธอนำชื่อกราซี่มาอ้างดูจะได้ผลดียิ่งเพราะเจ้าของร้านต้นไม้ยิ้มกว้างออกมาทันที

“ผมสามารถช่วยคุณได้ดีกว่านั้นอีก เพราะผมกำลังจะไปที่ไร่ของแรทลิฟฟ์อยู่แล้ว ให้ผมขับรถไปส่งคุณถึงหน้าประตูบ้านเลยเอาไหมล่ะ?”

เธอยกมือขึ้นทาบอก ทำท่าตกใจและแปลกใจน้อย ๆ แต่จริงๆ แล้วเพื่อบังคับไม่ให้เสียงเต้นของหัวใจดังไปถึงหูเขามากกว่า

“ตายจริง.. คุณพูดจริงหรือคะนี่..โอ.. ถ้าอย่างนั้นละก้อเท่ากับคุณเป็นผู้ช่วยชีวิตฉันไว้ทีเดียวนะคะ เพราะคุณทำให้ฉันสามารถทำงานที่ค้างอยู่ต่อไปได้ แถมยังเรียกช่างจากอู่มาดูรถได้อีกด้วย ว่าแต่คุณไม่รังเกียจแน่นะคะ..?” เธอแต่งยิ้มหวานใส่เขาอีกครั้ง

“ไม่เลยครับ.. ด้วยความยินดีจริงๆ”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเวลาหยิบกระเป๋ากับล็อกรถก่อนนะคะ” เธอแทบจะถลากลับไปที่รถ รู้สึกเป็นโชคอย่างยิ่งที่เจ้าของร้านต้นไม้คนนี้ยอมให้หลอกได้ง่ายๆ เขาไม่ถามด้วยซ้ำว่าเธอมีธุรกิจอะไรที่ติดต่ออยู่กับกราซี่..

เธอออกละอายใจอยู่บ้างเมื่อก้าวขึ้นนั่งบนรถของเจ้าของร้านต้นไม้ที่แนะนำตัวเองว่าเขาชื่อมิสเตอร์ ฮูจตันซึ่งในสายตาของเธอแล้วรู้สึกว่าเขาช่างมีความเป็นสุภาพบุรุษแท้จริง

เครื่องยนต์ของพิคอัพคันนั้นดังจนน่าหนวกหู กลิ่นดินกลิ่นปุ๋ยกระจายอยู่ทั่วทั้งคันรถ แต่แอนดี้ก็ยังพูดคุยซักถามมิสเตอร์ฮูจตันไม่ขาดปาก จนในที่สุด รถก็มาหยุดลงตรงป้อมยามหน้าประตูรั้วใหญ่ที่กั้นอาณาเขตไร่แรทลิฟฟ์

มิสเตอร์ฮูจตันเหยียบเบรคดังลั่น แต่ไลอ้อน คงจะสั่งยามไว้แล้วว่าจะมีรถบรรทุกต้นไม้ผ่านเข้ามา ดังนั้นประตูรั้วกว้างจึงเหวี่ยงตัวเปิดออก และรถพิคอัพก็แล่นเข้าไปตามถนนลาดยาง ทั้งสองต่างโบกมือให้ยามที่สวมหมวกปีกกว้างยืนยิ้มกว้างโชว์ฟันหลอ ซึ่งถ้าแม้ยามจะเห็นแอนดี้และสังเกตว่าเธอไม่ได้มีท่าว่าจะเป็นนักปลูกต้นไม้อะไรเลย เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขวางแต่อย่างใด ซึ่งทำให้เธอถึงกับลอบระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเธอมองกระจกส่องหลังก็ทันเห็นประตูใหญ่บานนั้นปิดตามหลังลงเรียบร้อยแล้ว

“ผมจะปล่อยให้คุณลงตรงประตูบ้านด้านหน้านะครับ เพราะผมนัดกับคุณแรทลิฟฟ์ไว้ว่าจะไปพบเขาทางปีกตะวันตก”

“เยี่ยมเลยค่ะ” เธอตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทุกอย่างดูจะดำเนินไปด้วยดีเกินกว่าที่คาดคิดไว้ ไลอ้อนจะต้องยุ่งอยู่กับงานตรงหน้าอย่างน้อยก็ชั่วเวลาหนึ่ง ..ไลอ้อน..นี่เธอสนิทใจถึงขนาดเรียกเขาว่า ‘ไลอ้อน’ เชียวหรือ .. ?

เธอเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหญ่ดูสง่าน่าเกรงขามบรรยากาศน่าจะเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้มากกว่าจะอยู่บนแผ่นดินเท็กซัส ตัวบ้านที่แผ่กว้างโอบล้อมด้วยไม้ใหญ่อาทิ พีคั่นโอ๊คและคอตต้อนวู้ด มันเป็นบ้านขนาดสองชั้น ส่วนปีกที่ขยายออกทั้งสองด้านนั้นในสายตาของเธอราวจะกินเนื้อที่ออกไปเป็นเอเคอร์

เธออยากเรียกมันว่าคฤหาสน์มากกว่า ความเด่นเป็นสง่านั้นประกอบด้วยสีขาวที่ฉาบตัวบ้าน ส่วนหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาสีแดงคร่ำ มีระเบียงกว้างที่ตรงขอบชายคาประดับด้วยกระถางเฟิร์น พีทูเนีย บีโกเนียและไม้ประดับอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มีสีสันจัดจ้านสวยงามเป็นที่สุด

“ขอบคุณมากค่ะมิสเตอร์ฮูจตัน” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อเขาจอดรถลงตรงหน้าบ้าน

“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเลยครับคุณสุภาพสตรีน้อย ๆ หวังว่ารถคุณคงไม่มีอะไรเสียหายมากนะครับ”

“ฉันก็หวังอย่างนั้นค่ะ” เธอก้าวลงจากที่นั่งตอนหน้าก่อนจะปิดประตูรถลงเบา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของผู้ใดก่อนจะเดินช้าๆ ระแวงระวังขึ้นไปบนระเบียง ชื่นชมความงามของดอกไม้ในกระถางที่แขวนเป็นระยะอยู่นั้น

ในยามนี้ แอนดี้มีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขโมยที่ย่องเข้ามาในบ้านของผู้อื่นเพื่อตรวจตราทรัพย์สิน เธอย่องไปตรงหน้าต่างกระจกแอบมองเข้าไปภายใน สังเกตเห็นว่าห้องนั้นเป็นห้องโถงเพดานสูง ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนโบราณมองเห็นความสะอาดสะอ้านชัดเจน ถัดไปคือห้องนั่งเล่นที่มีเตาผิงขนาดมหึมา โซฟา เก้าอี้ และยังมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมผนัง

แล้วเธอก็มองเห็นบุรุษวัยชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในเก้าอี้ล้อเลื่อน เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังนั่งอ่านหนังสือหรือ หลับอยู่.. เธอเดินอ้อมไปยังด้านข้างของตัวบ้าน มองผ่านประตูกระจกบานเลื่อนเข้าไป และพบว่าเขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ได้หลับอย่างที่เดาในตอนแรก มือเหี่ยวย่นมีจุดสีน้ำตาลคล้ำพลิกผ่านไปตามหน้าหนังสือช้าๆ แว่นกรอบทองห้อยอยู่ตรงดั้งจมูก

และแอนดี้ก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะทั้งที่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเลย แต่ก็ยังเอ่ยออกมาว่า

“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิ มิสซิสมาโลน..”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel