บทที่ 3
“เฮลโล” เธอต้องบังคับขาตัวเองไม่ให้สั่น เมื่อเดินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ม้ากลมตัวที่เขานั่ง
สายตาที่เขากำลังมองเธออยู่ในยามนี้ฉายแววชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน ก็คล้ายจะประเมินเสน่ห์ในตัวเธออยู่ มันทำให้แอนดี้ต้องตั้งคำถามอยู่ในใจ ว่าเขาเคยชินมากนักหรือกับการที่จะมีผู้หญิงเดินเข้ามาทักทายแม้ขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านแบบนี้
“ไฮ.. ” เขาตอบกลับมา
เขากำลังทำให้งานของเธอยากกว่าที่มันเป็นอยู่เสียแล้วเพราะไม่เปิดทางอะไรไว้ให้เลย.. ก็ได้..มิสเตอร์แรทลิฟฟ์เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“ฉันชื่อแอนเดรีย มาโลนค่ะ”
แอนดี้คาดไม่ถึงว่าสีหน้าและแววตาของเขาจะเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนั้น ไม่อยากเชื่อว่าแววตาของเขาจะแข็งกร้าวและเย็นเยือกขึ้นมาทันทีแบบนั้น เขาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเยียบเย็นเป็นครู่ก่อนจะยักไหล่และหันหลังให้อย่างหมดความสนใจ เขาทำราวกับไม่มีเธอยืนอยู่ตรงนั้น เอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบหน้าตาเฉย
เธอหันไปมองทางกาบส์ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากรอกเกลือป่นใส่ลงในขวด แต่เธอแน่ใจเลยว่าแกจะต้องหูยาวคอยเงี่ยฟังว่าเธอกับเขากำลังพูดอะไรกันอยู่ เธอเลียริมฝีปากอย่างใจคอไม่ดีเมื่อเอ่ยออกไปอีกว่า
“ฉันบอกว่าฉันคือ.. ”
“ผมรู้ว่าคุณคือใคร มิสมาโลน” หางเสียงของเขาหยันเยาะอย่างเห็นได้ชัด “คุณมาจากแนชวิลล์ มาจากเทเล็กซ์ เคเบิ้ล เทเลวิชั่น คอมปะนี”
“ถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่า คุณอ่านเลขที่แล้วก็ส่งจดหมายกลับ โดยไม่คิดแม้แต่จะเปิดจดหมายฉบับนั้นออกอ่านก่อนที่จะส่งมันกลับไปให้ฉันเสียด้วยซ้ำสินะ?” เธอถามน้ำเสียงท้าทายเขาอย่างที่สุด
“ถูกต้อง..” เขาดื่มกาแฟเข้าไปอีกอึกใหญ่ ท่าทีไม่แยแสของเขามันน่าหมั่นไส้นัก วูบหนึ่งเธออยากกระชากถ้วยกาแฟมาจากมือ.. ถ้าสามารถแสดงความเหนือกว่าทางด้านร่างกายกับเขาได้..แล้วก็ขว้างออกไปให้พ้นห้อง ขอเพียงให้เขาให้ความสนใจในตัวเธอมากกว่านี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังพอคิดได้ว่าการทำอย่างนั้นอาจจะเป็นภัยถึงขั้นเจ็บตัว เพราะท่าทางเขาเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจมาก ขณะเดียวกัน ถ้ายังมีทางพอที่จะเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นแม้ว่าเธอจะหัวรั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับโง่แน่..
“คุณแรทลิฟฟ์คะ คุณคงทราบดีว่า.. ”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่คำตอบของผมคือ.. ไม่..ผมตอบคุณไปแล้วนตอนที่ได้รับจดหมายฉบับแรกเมื่อหลายเดือนก่อน ฉบับที่ผมตั้งใจตอบนั่นแหละ แต่ก็พอจะเห็นอยู่ว่าคุณคงจะลืมเนื้อความที่ผมเขียนไปบอกคุณแล้วใจความสำคัญมันก็มีอยู่ว่า.. เพื่อเป็นการประหยัดทั้งแรงกายแรงใจ เวลา เงิน และ..” เขากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะกล่าวต่อ.. “แล้วก็..หาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ผมจะไม่อนุญาตให้คุณสัมภาษณ์พ่อผมเพื่อไปออกรายการโทรทัศน์เด็ดขาด และแม้เมื่อมาถึงวันนี้ ความตั้งใจของผมก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ..” เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังให้เธออย่างไร้มรรยาท
ก่อนหน้านั้น แอนดี้คิดว่าการได้นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าบู๊ทแบบตะวันตก จะช่วยให้เธอดูกลมกลืนกับบรรยากาศในเมืองชนบทแห่งนี้บ้าง... นี่เธอคิดผิดไปแล้วเช่นนั้นหรือ..? ช่างมัน ถือเสียว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างหนึ่งก็แล้วกัน แต่มันก็มีความเป็นไปได้ว่า บางที การที่เธอเที่ยวด้อมๆ มองๆ สอบโน่นถามนี่ตลอดเวลาสองสามวันที่ผ่านมา มันอาจแสดงให้เห็นชัดว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีความเป็นมืออาชีพเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างไร เธอก็จะไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจแน่.. เมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็เชิดไหล่
“คุณแรทลิฟฟ์คะ.. คุณยังไม่ได้ฟังข้อเสนอของฉันเลยนะคะ ฉัน..”
“ผมไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น” เขาตวัดสายตามองหน้าเธออีกครั้ง แต่แล้วก็ตวัดเลยลงไปยังเนินทรวงอย่างไม่ตั้งใจ แอนดี้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับว่าถ้าเธอขยับตัวแล้วมันจะแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่เขาก็เหลือบตาขึ้นแววตาของเขาทำให้เธอต้องกลั้นหายใจไว้
“ฟังให้ดีนะ.. จะไม่มีการสัมภาษณ์ใด ๆ เกิดขึ้นกับพ่อของผมทั้งสิ้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พ่อผมแก่มากแล้ว ทั้งสุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง ผมจะบอกให้คุณรับรู้ไว้นะมิสมาโลน ว่าก่อนหน้าคุณ มีคนอื่นตั้งมากมายที่ตำแหน่งใหญ่กว่าคุณ สูงกว่าคุณ เคยเดินเข้ามาเพื่อขออนุญาตสัมภาษณ์พ่อผม แต่คำตอบของผมมีเพียงคำเดียวเท่านั้นคือ.. ไม่”
พูดจบเขาก็เลื่อนตัวลงจากม้ากลมตัวที่นั่งอยู่ และตอนนั้นเองที่แอนดี้ได้พบว่าเขาเป็นผู้ชายที่ร่างสูงมากเธอถอยหลังมาก้าวหนึ่งจับตามองขณะที่เขาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ฟิตแนบตัว ดึงธนบัตรราคาห้าเหรียญออกมา ท่าที่เขาล้วงมือลงในกระเป๋าแบบนั้น มันทำให้เธอร้อนไปทั้งใบหน้า เขาวางธนบัตรลงข้างจานอาหาร ซึ่งเธอแน่ใจว่าราคาชีสเบอเกอร์จานนั้นอย่างมากก็แค่ครึ่งเท่านั้น
“ขอบใจนะกาบส์.. แล้วพบกัน”
“แล้วพบกัน ไลอ้อน”
แอนดี้ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะถูกมองเมินจากเขาถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนที่เขาเดินเลี่ยงเธอตรงไปยังประตูร้าน
“คุณแรทลิฟฟ์คะ..” เธอเรียกไว้ พร้อมกับสาวเท้าก้าวตามไป
เขาชะงักและหันกลับมามองเธอช้าๆ อย่างจงใจ ซึ่งท่าทางที่เขาแสดงอยู่มันโหดร้ายยิ่งเสียกว่าเอาแส้มาฟาดใส่มันทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนถูกปอกเปลือยไปทั้งร่างเมื่อสายตาคมฉาบกราดไปทั่วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง
“ผมไม่ชอบให้ใครมาเข้าซี้แบบนี้นะมิสมาโลน และขณะนี้ คุณกำลังทำให้ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่ ผมขอบอกคุณอีกครั้ง ว่าผมจะไม่ยอมอนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามาสัมภาษณ์พ่อผมทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. คุณ.. เพราะฉะนั้น ผมว่าทางที่ดีคุณควรจะเก็บเสื้อผ้าชุดใหม่ ๆ พวกนี้ยัดใส่กระเป๋าแล้วก็ย้ายก้นเล็ก ๆ ของคุณกลับไปแนชวิลล์ ที่คุณมาเสียตั้งแต่ตอนนี้จะไม่ดีกว่าหรอกหรือ.. ?
เธอโยนกระเป๋าถือลงบนเตียงนอน พร้อมกันก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ นั่งไม่สบายที่มีอยู่เพียงตัวเดียวภายในห้องพักของโมเต็ล บีบนวดทั้งหน้าผากและขมับที่แทบระเบิดอยู่ไปมา เธอไม่รู้ว่าอาการปวดศีรษะที่กำลังเกิดอยู่ขณะนี้มันเนื่องมาแต่ความร้อนของอากาศ หรือเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น แต่ไม่อะไรก็อะไรอย่างหนึ่งจะต้องทำให้เธอมีอาการเช่นนี้แน่..และเธอก็ลงความเห็นว่า เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นเช่นนี้..
เธอลุกขึ้นยืน ถอดรองเท้าบู๊ทออกแล้วก็เหวี่ยงไปทางหนึ่ง
“ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย.. ” เธอบ่นเบา ๆ อยู่กับรองเท้าคู่นั้น ก่อนจะเดินเข้าไปรองน้ำจากก๊อกในห้องน้ำมากรอกเข้าปากพร้อมแอสไพรินสองเม็ด
‘ก็แล้วทำไมหล่อนไม่ตบหน้าเขาสักฉาดเล่า..?’ เธอถามตัวเองอยู่กับภาพสะท้อนในกระจกเงา ‘ทำไมหล่อนถึงได้แต่ยืนโด่ยอมให้เขาถากถางเล่นเหมือนคนไร้ค่าแบบนั้นเล่า..?’ เธอปลดคลิปที่หนีบผมไว้ออก สะบัดเบา ๆ ให้พวงผมกระจายลง แต่การทำอย่างนั้นไม่ได้ช่วยให้อาการปวดศีรษะดีขึ้นเลย ‘อ๋อ.. คำตอบก็คือ เพราะหล่อนยังอยากสัมภาษณ์พ่อเขาอยู่น่ะสิ..ก็นั่นแหละเหตุผลละ’
ขณะนี้ เธอหวั่นหวาดกับการที่จะโทรศัพท์กลับไปหาเลส.. ก็เธอจะเล่าให้เขาฟังอย่างไร ในเมื่อก็รู้อยู่ว่าเลสไม่ชอบความผิดหวังเลย.. นั่นน่ะเป็นคำอธิบายลักษณะนิสัยของเขาอย่างเบา ๆ แล้วนะ.. แต่ขณะที่กดหมายเลขโทรศัพท์อยู่เธอก็กำหนดไว้ในใจแล้วว่าจะพูดอะไรกับเขา
“ครับ..?”
“ไฮ.. ฉันเอง”
“เยี่ยม..เยี่ยมมาก.. ผมกำลังคิดอยู่ว่า หรือคุณจะถูกเจ้าของไร่ปศุสัตว์แถว ๆ นั้นจับเป็นตัวประกันไปแล้วนะนี่ เป็นความกรุณาอย่างยิ่งที่ยังคิดโทรศัพท์กลับมาหาผม”
ช่างเสียดสีดีเหลือเกิน.. วันนี้มันเป็นยังไงนะ..เจอแต่คำพูดเสียดสีแดกดันไม่สิ้นสุด.. แต่ถึงอย่างไรแอนดี้ก็จำต้องยอมรับด้วยใจรันทดท้อ รู้จักอารมณ์แบบนี้ของเลสมานานแล้ว
“ก็ต้องขอโทษด้วยนะเลส เพราะมันไม่มีอะไรจะรายงานได้เลยสักอย่าง ก็เลยไม่โทรมา คุณลืมไปแล้วหรือว่าคุณเองเป็นคนออกจดหมายเวียนว่า ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ ห้ามใช้โทรศัพท์ทางไกล?”
“แต่นั่นมันไม่ได้หมายรวมถึงคุณด้วยนี่ แม่หนูแอนดี้” น้ำเสียงของเขาดูดีขึ้นบ้าง “เอ้า..ว่ามาสิ ว่าเมืองโคบาลแบบนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง?”
“มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักหรอก..” เธอบีบนวดขมับไปพลางขณะตอบ “จนถึงวันนี้แล้วฉันยังไปไม่ถึงไหนเลย เมืองนี้มันก็เหมือนเมืองโคบาลอื่นๆ นั่นแหละ ที่ทางส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นที่เลี้ยงปศุสัตว์เสียละมาก แล้วก็แค่รู้ว่าเวลาเข้าเมืองไลอ้อน แรทลิฟฟ์..กินกลางวันที่ร้านไหน และวันนี้ฉันได้รับเกียรติอย่างสูงที่ได้เจอะเจอกับเขาเข้า”
เมื่อพูดจบเธอก็ได้แต่จ้องมองถุงเท้าไนล่อน ความคิดคำนึงมุ่งไปยังผู้ชายคนนั้น ภาพที่เธอมองเห็นอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ภาพที่เขาพูดจาน่าเกลียดใส่เธอก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจากร้านไป แต่เป็นภาพครั้งแรกที่ได้ประสานสายตากัน นานนักหนามาแล้วที่เธอไม่เคยเกิดความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้ชาย..ไม่เคยเลย