บทที่ 2
“ไฮย่า..ไลอ้อน..” วันนี้กินอะไรดี..ชิลลี่ไหม..?”
“วันนี้เห็นจะไม่เอาแล้ว มันเผ็ดเกินไป แถมเมื่อวานกราซี่ยังทำชิลลี่ให้กินมามื้อหนึ่งแล้วด้วย ต้องกินยาแก้ท้องเสียเข้าไปตั้งสองเม็ด ถึงช่วยให้ท้องไส้กลับเป็นปรกติได้”
“คุณคิดว่าไอ้อาการปวดท้องนั่นมันน่าจะเกิดมาจากมาการิตต้าที่คุณดื่มเข้าไปพร้อม ๆ กับกินชิลลี่ด้วยหรือ เปล่า..?”
เสียงหัวเราะไล่ลูกคอดังออกมาจากแผงอกกว้าง
“ก็น่าจะเป็นได้..น่าจะเป็นได้จริงๆ..” น้ำเสียงแบบนั้นเธออยากรู้นักว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนถึงมีน้ำเสียงที่ฟังแล้วสร้างความรู้สึกสะท้านสะเทือนได้ขนาดนี้..? แอนดี้ไม่คิดว่าเธอจะสามารถควบคุมความอยากรู้ไว้ได้นานนักและเธอจำต้องยอมพ่ายแพ้แก่ตัวเอง หันไปมองเขาเต็มตา ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่เขาสั่งอาหาร
“วันนี้ขอชีสเบอเกอร์ ก็แล้วกัน”
“ได้เลย.. ”
แอนดี้แทบไม่ได้ยินคำตอบของกาบส์ เมื่อไลอ้อน แรทลิฟฟ์สั่งอาหารเขาเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอกำลังให้ความสนใจกับผู้ชายที่ชื่อแรทลิฟฟ์มากกว่า เขาไม่ได้เหมือนกับที่เธอวาดภาพไว้เลย ตอนแรก เธอคิดว่าเขาน่าจะแก่กว่านี้น่าจะอยู่ในวัยกลางคน ที่เธอคิดอย่างนั้นก็ด้วยเหตุผลที่ว่านายพลแรทลิฟฟ์นั้น ปัจจุบันอายุแปดสิบแล้ว ลูกชายของเขาน่าจะเกิดเมื่อสงครามสงบลงแล้ว เธอเดาว่าไลอ้อน แรทลิฟฟ์น่าจะอายุประมาณสามสิบห้า..
เขามีเรือนผมสีเข้ม แนวขมับแซมด้วยสีเงินยวง คิ้วเข้มเป็นแนวโค้งรอบดวงตา ซึ่งในระยะห่างขนาดนี้เธอไม่แน่ใจว่าดวงตาของเขาเป็นสีอะไร จมูกโด่งเป็นสันแบบโรมันซึ่งทำให้เธออดคิดไปถึงดาราภาพยนตร์ที่แสดงเรื่องราวในพระคัมภีร์ไม่ได้ สำหรับริมฝีปากที่เป็นรูปรอยหยักอย่างเห็นได้ชัดนั้น น่าจะเป็นริมฝีปากของพระเอกที่แสดงภาพยนตร์อีกแนวหนึ่ง..
“ที่กำลังทอดให้ผมกินอยู่นั่นมันเป็นเนื้อวัวจากไร่แรทลิฟฟ์หรือเปล่า..?” เสียงเขาเอ่ยถามกาบส์ที่อยู่หน้าเตา
อีกครั้งหนึ่งที่แอนดี้รู้สึกแปลกหูกับสุ่มเสียงของเขาเป็นเสียงที่มีพลังแต่ฟังดูราบเรียบ คล้ายกับว่าถ้าคุณไม่ตั้งใจฟังให้ดี คุณจะต้องพลาดข้อความที่มีความสำคัญยิ่งไปความห้วนห้าวในน้ำเสียงนั้นเองที่ทำให้ทุกคำพูดที่เขาเปล่งออกมาฟังเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
“แน่นอน.. ” กาบส์ตอบกลับมา “เพราะว่ามันเป็นเนื้อวัวสดที่คุณภาพดีที่สุดเท่าที่เราจะหาซื้อได้เลยเชียวละ”
เธอเห็นไลอ้อนแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะลงลูกคอตามแบบของเขาออกมา ตอนที่เขาเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำแข็งเปล่าที่กาบส์เอามาวางไว้ให้ตรงหน้านั้น สายตาของเขาก็ให้บังเอิญเหลือบมาประสานกับสายตาเธอเข้า
และตอนนั้นเองที่แอนดี้ได้เห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีเทา.. ดวงตาคู่สีเทาที่กวาดไปทั่วใบหน้าของเธอ โดยเริ่มจากดวงตา และเธอก็ได้เห็นแววแปลกใจเช่นที่คาดคิด ทั้งนี้เพราะมันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่มองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อน ล้อมกรอบด้วยแผงขนตาดกหนาสีเข้ม
จากนั้น ดวงตาคู่สีเทาก็เหลือบเลยขึ้นไปยังเรือนผมมันทำให้เธอไม่ใคร่แน่ใจว่า พวงผมที่รัดไว้เป็นหางลาจะทำให้ดูอ่อนกว่าวัยเกินไป หรือกลายเป็นยายแก่ไปแล้วในสายตาของเขา..
อย่าตื่นเต้นให้มันมากไปหน่อยเลยน่ะ..แอนดี้ดุตัวเองอยู่ เธอรู้ดีว่าเรือนผมสีน้ำผึ้งที่แกมด้วยสีทองนั้นเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง ว่าแต่.. เขาพอจะสังเกตเห็นไรเหงื่อที่เปียกชื้นอยู่ตรงตีนผมด้วยหรือเปล่านะ..? แม้หน้าร้านของกาบส์จะติดป้ายแสดงความภาคภูมิใจว่ามีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำกว่าใคร กระนั้น เนื้อตัวเธอก็ยังชื้นด้วยไรเหงื่ออยู่ดีทั้งประสาททุกส่วนในเรือนกายก็พลอยสะท้านไหวตามไปด้วยมีความรู้สึกเหมือนสายตาคมกล้าคู่นั้นจะล้วงลึกเข้าไปทั้งในจิตใจและร่างกายก็ว่าได้
เมื่อสายตาคมกล้าคู่นั้นเลื่อนขึ้นมาสู่เรียวปาก เธอก็เมินหน้าไปเสียทางหนึ่ง เอื้อมไปหยิบแก้ว แต่ก็เกือบจะทำให้มันหลุดจากมือก่อนจะดื่มชาดำเย็นชืด แต่แล้วก็หวั่นใจขึ้นมาอีกว่า แทนที่เธอจะทำให้เขาเบี่ยงเบนความสนใจไปเสียจากเธอ กลับจะกลายเป็นว่าดึงดูดให้เขาสนใจมากยิ่งขึ้น..
นี่เธอเป็นอะไรไป..? เธอยังมีงานต้องทำอีกตั้งมากมายเป็นเวลาถึงสามวันมาแล้วที่เธอเฝ้าติดตามผู้ชายคนนี้พยายามสอบถามทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขาและพ่อ พยายามรวบรวมข้อมูลแม้จะน้อยนิดเท่าที่จะพึงหาได้ ยอมที่จะเผชิญกับคำพูดหรือกิริยาก้าวร้าว หยาบคายที่โยนมาใส่หน้าเป็นชั่วโมง ๆ ที่เธอทนเข้าไปนั่งอยู่ในร้านเสริมสวยเพื่อที่จะเงี่ยหูฟังเสียงซุบซิบ ด้วยความหวังว่าจะมีใครเอ่ยชื่อเขาขึ้นมาบ้าง และข่าวล่าสุดที่เธอได้รับฟังมาก็คือ ไลอ้อนไม่สามารถไปร่วมงานเต้นรำที่คันทรี่ คลับได้ เพราะพ่อเกิดป่วยหนักขึ้นมา นอกจากนั้น ก็ข่าวที่ว่าเขาปลูกสร้างโรงเรือนใหม่ กับเรื่องที่ช่างแต่งเล็บม้า ถูกส่งตัวไปฝึกที่ไหนสักแห่ง ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลปลีกย่อยที่แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ขณะนี้ เขาได้เข้ามานั่งอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ฟุตแต่เธอกลับนั่งเหงื่อตก เก็บปากเก็บลิ้นพูดอะไรไม่ออกซึ่งเธอเพิ่งรู้จักปฏิกิริยานี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แอนดี้ถามตัวเองว่าแล้วจิตใจที่เคยสงบเยือกเย็น เปี่ยมด้วยความมั่นใจในตัวเองนั้นมันหายไปไหนหมด..? ความหัวรั้นที่จะต้องหาคำตอบให้กับคำถามของตัวเองให้ได้แทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลยจุดประสงค์ที่กำหนดขึ้นไว้ในใจกลับถูกลบเลือนด้วยเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ ในชีวิตการทำงานเธอเคยได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีประธานคณะกรรมการต่างๆ รวมทั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาถึงสองคน แต่ไม่เคยมีใครจะสร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับเธอได้เลย.. แต่พอมาถึงตอนนี้..แค่โคบาลธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่เดินเข้ามากินอาหารในร้านเล็ก ๆ ในเมืองชนบท กลับมีอิทธิพลเหนือจิตใจเธอได้..
แอนดี้พยายามรวบรวมสติให้มั่น เชิดหน้าและมองเขาอย่างท้าทาย เธอเชื่อเลยว่าดวงตาของเขาจะต้องมีพลังแรงกล้า เพราะขณะที่มันกวาดไปทั่วใบหน้าเธอนั้นก็ทำลายความกล้าของเธอให้หมดสิ้นไปด้วย เขาเองก็เชิดคางอย่างทระนง ทั้งยังเป็นสายตาคู่ที่เธอสามารถรับรู้ได้ชัดเจนเลยว่าเขากำลังบอกกับเธออยู่ว่า..
‘ใช่.. ผมเคยได้ยินเรื่องอิทธิพลทางเพศมาไม่น้อยหรอกซึ่งผมก็คิดว่าโดยตัวของมันเองแล้วก็ดูดีอยู่หรอก แต่ขณะนี้ผมกำลังมองดูคุณอยู่แล้วก็คิดว่า คุณก็แค่วัตถุทางเพศชิ้นหนึ่งเท่านั้น คุณไม่มีทางที่จะไปทำอะไรให้มันดูดีขึ้นกว่านั้นหรอก..’
แต่..มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอสามารถทำได้แน่นอนเธอสามารถจะทำให้เขาหยุดคิดในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ไงล่ะ..เธอจะบอกเขาด้วยท่วงท่าเยือกเย็นที่สุดว่าเธอคือใครและมาที่นี่ทำไม.. แต่..เอาไว้ให้เขากินอาหารเสร็จเสียก่อนก็ได้เพราะตอนนี้กาบส์กำลังยกอาหารจานใหญ่นั้นเข้ามาเสิร์ฟให้เขาแล้ว
แอนดี้หยิบเมนูที่เหนียวเหนอะด้วยคราบฝุ่น เนื่องจากใช้งานมานานหลายปี แล้วก็สั่งชาดำเย็นแก้วที่สองมายอมทนทุกข์กับความหวานแสบไส้อีกครั้ง แล้วก็จับตามองมารดาที่กำลังเช็ดคราบแคทชัพออกมาจากปากลูกชายตัวน้อย แต่ปากเล็ก ๆ นั้นก็ยังเปื้อนคราบสีแดงอีกอยู่ดี เมื่อเฟรนช์ ฟราย ชิ้นใหม่ค่อยๆ หดหายเข้าไปในปากของแก
หลังจากฆ่าเวลาด้วยการหยิบกระดาษทิชชูมาซับแก้วชาเย็นและเช็ดพื้นบาร์บริเวณตรงหน้าอยู่อีกเป็นครู่เธอจึงได้เหลือบมองไปทางปลายเคาน์เตอร์อีกครั้ง และพบว่าไลอ้อนรับประทานอาหารไปกว่าครึ่งแล้ว กำลังยกถ้วยกาแฟร้อนขึ้นจิบอยู่ นิ้วเรียวยาวแข็งแรงกระชับอยู่รอบถ้วยในที่สุด เขาก็หันมามองทางเธอที่เลื่อนตัวลงจากม้ากลมหน้าบาร์ ส่งยิ้มให้เขา ขณะเดียวกัน ก็หวังอยู่ในใจว่ายิ้มของเธอจะไม่ทำให้ดูเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา หรือหญิงสาวที่กำลังหว่านเสน่ห์เข้าใส่ชายหนุ่มมากเกินไป