บทที่ 6 พบเจอ
บทที่ 6 พบเจอ
ณ ร้านอาหารอเมริกันแห่งหนึ่ง...
พายอาร์สาวเท้าเดินเข้ามาภายในร้านอาหาร กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะพบเข้ากับพ่อและแม่ของตัวเองที่กำลังนั่งพูดคุยกับผู้ใหญ่อีกหลายคนอยู่กันอย่างสนุกสนาน
“นี่ไง มาพอดีเลยค่ะ” คุณหญิงวิมลหันมาเห็นลูกสาวพอดีจึงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีค่ะ...” พายอาร์เดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างมีมารยาทและเอ่ยทักทายคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ทางฝั่งตรงกันข้ามกับพ่อแม่ของเธอ
แต่ทว่าในขณะเดียวกัน กลับมีสายตาอยู่คู่หนึ่งที่มองเธออย่างไม่ละสายตา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก
“สวัสดีจ้ะหนูพายอาร์” หญิงวัยกลางคนพูดทักทายกลับมายิ้มๆ
“นี่คุณน้าศิลากับคุณน้าราตรี ผู้ใหญ่ของทางฝั่งขุนเขาน่ะ” แม่ของพายอาร์กล่าวขึ้นเพื่อบอกให้ลูกสาวได้รับรู้และแสดงความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่เบื้องหน้า
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ?” พายอาร์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็ที่พ่อกับแม่นัดให้ลูกมาทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก็เพราะจะบอกลูกเกี่ยวกับเรื่องงานหมั้นหมายของลูกกับตาขุนเขาน่ะ” คุณหญิงวิมลพูดขึ้นอีกครั้งและยิ้มแย้มแจ่มใสให้อย่างพึงพอใจ
“งานหมั้น? หมั้นอะไรคะแม่” หญิงสาวถามขึ้นพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย ในหัวของเธอแทบไม่มีเรื่องนี้อยู่เลยแม้แต่น้อย ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการนัดพูดคุยกันในวันนี้จะเป็นเรื่องงานหมั้นหมายของตัวเอง
“พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะให้พายหมั้นกับพี่ขุนเขา” อานนท์ที่เป็นพ่อของพายอาร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ทันทีที่ประโยคเมื่อครู่ดังสวนขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร ไม่ใช่เพียงแค่พายอาร์ที่งุนงง แต่รวมไปถึงทางฝั่งของขุนเขาด้วยก็เช่นกัน เขาเอนตัวเข้าไปใกล้คุณหญิงจิตตรี ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามบางสิ่งบางอย่างออกไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
“หมายความว่ายังไงครับแม่ ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน?”
“ถ้าแม่บอกขุนก่อน ขุนก็คงไม่ยอมมาตามนัด เพราะฉะนั้นก็ตามนั้นนะลูก” คุณหญิงจิตตรีตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมทั้งยกยิ้มเล็กน้อย ขึ้นด้วยความพอใจ ดูเหมือนว่าเด็กทั้งสองคนจะยังไม่รู้เจตนาของผู้ใหญ่สักเท่าไหร่นัก ถึงได้มีอาการมึนงงแบบนี้
“แต่ว่าเราสองคนยังไม่ทันจะได้รู้จักกันเลยนะคะ จะให้หมั้นกันได้ยังไง จริงไหมคะพี่...” พายอาร์เห็นท่าทางของชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเขาก็คงโดนมัดมือชกเหมือนเธอ พายอาร์จึงหันไปถามเขาเหมือนหาเพื่อน
“ก็จริงครับ ผมรู้จักน้องผ่านๆ ตามงาน แต่ก็ไม่เคยได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ แถมพ่อกับแม่ก็ยังไม่ได้ปรึกษาผมก่อนเลย จะให้หมั้นหมายกันก็ควรจะต้องปรึกษากันก่อนไม่ใช่เหรอครับ?” ขุนเขาพยักหน้ารับและหันมาพูดกับพ่อแม่ของตนเองด้วยสีหน้าจริงจัง
ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็มองหน้ากันไปมา คล้ายกับว่ามีความในใจบางอย่างที่ตรงกัน หากแต่พูดออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้ภายในใจต่อไป
“เรื่องนั้นมันก็ทำความรู้จักกันหลังจากตกลงกันได้ ผู้ใหญ่คุยกันแล้วว่าจะให้เวลาทั้งสองคนสักระยะ ที่นัดมาวันนี้ก็แค่จะบอกเอาไว้ให้ทั้งสองคนรู้ตัว ว่ากำลังจะได้หมั้นหมายกัน ส่วนเรื่องแต่งหรือไม่แต่ง ก็ให้ขึ้นอยู่กับตอนที่เด็กๆ ทั้งสองทำความรู้จักกันไปสักพักแล้ว” คราวนี้เป็นคุณหญิงจิตตรีแม่ของขุนเขาพูดขึ้น
“แต่หนูยังไม่พร้อมค่ะ หมั้นแล้วก็แต่งเลย หนูไม่อยากต้องถอนหมั้นกับใคร ฉะนั้นตอนนี้จะไม่มีการหมั้นหมายอะไรทั้งนั้น” พายอาร์พูดออกมาอย่างไม่ยินยอม
“พายลูก...ก็ลองทำความรู้จักกันไปก่อนจะเป็นอะไรไป อีกอย่างก็ยังไม่ได้ให้หมั้นวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย อย่าให้พ่อกับแม่ต้องเสียหน้า...” ประโยคเหล่านั้นดังต้นแผ่วปลาย คุณหญิงวิมลไม่คิดว่าลูกสาวจะกล้ามีปากมีเสียงต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะบอกให้ลูกสาวทำอะไร เธอก็ไม่เคยปฏิเสธ ยอมทำตามทุกอย่างแต่โดยดีมาตลอด วันนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเอ่ยปากเตือนเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการผิดแผน
“แต่พ่อกับแม่ทำอะไรไม่ปรึกษาหนูก่อนเลย จะให้หนูยอมหมั้นกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจริงๆ เหรอคะ?” พายอาร์ยังถามกลับไปอีกครั้ง และตอนนี้เธอเริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ
“ไม่ต้องถามมาก แค่ตอบตกลงไป แค่นั้นก็พอ” คราวนี้คุณหญิงวิมลพูดขึ้นมาเสียงเข้ม
พายอาร์ได้ยินเสียงจริงจังของผู้เป็นแม่ ก็ไม่กล้าที่จะเถียงต่อ ยอมขยับตัวออกมา แล้วนั่งเงียบ ไม่คิดที่จะโต้เถียงหรือปฏิเสธการหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ได้บอกมาเมื่อครู่นี้ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
“อันที่จริงผมก็ไม่ได้ติดอะไรนะครับถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้คุยกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าน้องเขาจะไม่ค่อยยินยอมสักเท่าไหร่ ผมไม่อยากหมั้นหมายหรือแต่งงานกับคนที่ไม่เต็มใจหรือถูกบังคับน่ะครับ”
