บทที่ 7 ไม่อยากหมั้นหมาย
บทที่ 7 ไม่อยากหมั้นหมาย
เมื่อขุนเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยความคิดเห็นของตัวเองขึ้นมา ซ้ำแล้วสายตาคู่คมปลาบของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของพายอาร์ อย่างไม่ลดละ ส่วนหนึ่งก็เพื่อสังเกตดูสีหน้าและท่าทางของเธอไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“หนูพายอาร์ไม่เต็มใจงั้นเหรอจ๊ะ” คุณหญิงจิตตรีเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
วินาทีนั้นคุณหญิงวิมลถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะยื่นมือไปหยิกขาของลูกสาวเบาๆ หวังให้เธอรู้หน้าที่ของตัวเองว่าควรจะตอบอะไรกลับไป
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณน้า แต่หนูแค่คิดว่าพี่ขุนเขาอาจจะไม่ได้เต็มใจด้วยเหมือนกัน ก็เลยพูดไปแบบนั้นน่ะค่ะ” พายอาร์ตอบกลับไป
“ไม่ใช่อย่างที่หนูพายคิดหรอกจ้ะ ขุนเองก็สนใจในตัวของหนูพายไม่น้อยเลย จริงไหม?” คุณหญิงจิตตรีพูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะหันไปถามลูกชาย
“ใช่ครับ ถ้าน้องพายเต็มใจ เราทำความรู้จักกันดูก่อนก็ได้นะครับ แล้วค่อยมาสรุปกันว่าจะหมั้นดีหรือไม่หมั้นดี”
ขุนเขายื่นข้อเสนอไปให้กับคนที่อายุน้อยกว่า พอเข้าใจหัวอกของเธอเป็นอย่างดี ต่างฝ่ายต่างก็ถูกพ่อแม่บังคับ ให้หมั้นหมายกัน ดังนั้นวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ลองดูก็คงไม่เสียหายอะไร” สุดท้ายพายอาร์ก็ทำได้แค่พยักหน้าตกลงไปอย่างไม่มีทางเลือก
ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ อย่างน้อยเด็กๆ ก็ตกลงปลงใจกันแล้วว่าจะทำความรู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาก็จะได้คำตอบที่น่ายินดีเอง…
“งั้นก็ถือซะว่านี่เป็นมื้อที่เด็กๆ ทั้งสองจะได้ทำความรู้จักกันในฐานะว่าที่คู่หมั้นก็แล้วกันนะคะคุณหญิงวิมล ที่นี่เป็นร้านของลูกชายค่ะ อยากทานอะไร สั่งได้เลยนะคะ เต็มที่ค่ะ” คุณหญิงจิตตรีพูดออกมาด้วยความดีใจและอวดว่านี่คือกิจการหนึ่งของลูกชาย
“ได้เลยค่ะคุณหญิงจิตตรี ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” คุณหญิงวิมลก็ยิ้มตอบรับอย่างยิ้มแย้ม
การปรึกษาหารือในครั้งนี้ผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งสองครอบครัวทานข้าวร่วมกันและพูดคุยกันอยู่เกือบๆ หนึ่งชั่วโมงเต็ม ก่อนที่ขุนเขาจะถูกผู้เป็นแม่บังคับให้ไปส่งพายอาร์ที่คอนโด ทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเป็นครั้งแรก...
บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบเชียบ พายอาร์ทั้งรู้สึกเกร็งและเกรงใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยอยู่กับผู้ชายคนไหนสองต่อสองแบบนี้มาก่อน มิหนำซ้ำแล้วเธอกับเขายังมีความสัมพันธ์เป็นว่าที่คู่หมั้นกันอีกด้วย
“ทำไมถึงยินยอมล่ะ ในเมื่อตอนแรกก็ดูเหมือนจะปฏิเสธ” ประโยคแรกหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันเป็นของขุนเขา เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา เพราะสังเกตดูเธอตั้งแต่แรกเจอเลยก็ว่าได้
“รู้ว่าถึงปฏิเสธไปก็ไม่ชนะพ่อกับแม่อยู่ดี อีกอย่างพายไม่ได้คิดจะหมั้นกับพี่อยู่แล้ว ก็แค่ตอบรับไปเพื่อให้มีเวลาคิดอะไรสักหน่อย” พายอาร์ตอบออกไปตามตรง
“ทำไมถึงได้มั่นใจนักล่ะ จริงๆ พ่อกับแม่เราอาจจะต้องการให้หมั้นกันอยู่แล้วก็ได้นะ ไอ้เรื่องทำความรู้จักน่ะ ตัดทิ้งออกไปได้เลย” ขุนเขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงไม่อยากหมั้นหมายกับเขา เพราะปกติมีแต่ผู้หญิงที่อยากมีสถานะกับเขาทั้งนั้น แต่คนนี้กลับปฏิเสธ
“แล้วทำไมพี่ไม่ปฏิเสธล่ะคะ ในเมื่อก็ดูไม่ได้เต็มใจเหมือนกัน” พายอาร์หันมามองหน้าเขาและถามกลับไปบ้าง เธอรู้ว่าเขาก็ถูกบังคับเหมือนกัน
“ก็เห็นเธอดูไม่อยากหมั้นมากๆ ก็เลยเปลี่ยนใจน่ะ” ขุนเขาตอบกลับมาแบบกวนๆ
“ทำไปเพื่ออะไรไม่ทราบคะ ก็รู้อยู่ไม่อยากหมั้น จะมาแกล้งกันทำไมคะ” พายอาร์ได้ยินคำตอบเช่นนั้นแล้วก็ขมวดคิ้วติดกันเป็นปม และเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายด้วยความไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด
“เธอจะมาโทษฉันได้ยังไง ในเมื่อต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคน เธอเองก็ยอมตอบตกลง” ขุนเขาก็ไม่น้อยหน้า เขาโยนความผิดมาให้เธอเต็มๆ
“ก็พายปฏิเสธได้ที่ไหน แล้วถ้าพี่ไม่อยากหมั้นก็แค่ตอบว่าไม่อยากหมั้นสิคะ จะมาแกล้งกันทำไมเนี่ย” พายอาร์ถามออกไปอย่างหงุดหงิด
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่อยากหมั้นนะ เผลอๆ อาจจะอยากก็ได้ ใครจะไปรู้” ชายหนุ่มหันมาตอบทีเล่นทีจริง พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ
