รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด (ขุนเขา - พายอาร์)

126.0K · จบแล้ว
ขนมปังรสหวาน
60
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'พายอาร์' สาวสวยในวัยยี่สิบสองปี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาตลอด จนกระทั่งโลกได้เหวี่ยงผู้ชายที่ชื่อ 'ขุนเขา' มาเฟียหนุ่มวัยสามสามปีให้มาเจอกับเธอ หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าครอบครัวจะจับเธอคลุมถุงชนเพื่อให้กลายมาเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่ทั้งแกและระเบียบจัดอย่างนี้ ไม่มีทาง...นั่นคือความคิดเดียวของเธอในเวลานั้น และไม่ว่าการต่อต้านครั้งนี้จะยากแค่ไหน เธอก็จะต้องทำให้ได้ ขุนเขาเติบโตขึ้นมาในตระกูลมาเฟีย แต่เขาไม่เคยใส่ใจวงการสีเทาของผู้เป็นพ่อ จึงเลือกที่จะเปิดผับหรูและร้านอาหารที่มีแต่คนละดับไฮคลาสเท่านั้นที่จะมาใช้บริการได้ แต่แล้วเมื่อได้รับคำขาดจากบิดาให้ต้องเลือก ระหว่างการรับช่วงต่อการสีเทาของครอบครัว หรือแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนมารดา ชีวิตของเขาก็ไม่อาจเหมือนเดิมอีกต่อไป แรกทีเดียวเขาก็ลังเลใจอยู่บ้าง เพราะไม่เคยคิดอยากเอาห่วงมาผูกคอ แต่เมื่อได้เจอยัยตัวแสบที่ทั้งดื้อรั้นและอวดดีอย่างพายอาร์ เขาก็สรุปกับตัวเองได้ทันทีว่า เขาจะแต่งงานกับเธอ ให้มันรู้ไปสิว่ายัยเด็กดื้อที่ชอบหาว่าเขาแก่อย่างนั้นอย่างนี้ จะมานอนครางใต้ร่างของเขาไม่ได้!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันหนุ่มเจ้าสำราญดาวมหาลัยการแต่งงานแฮปปี้เอนดิ้งโรงแรม/มหาลัยโรแมนติก18+

บทที่ 1 ขุนเขา

บทที่ 1 ขุนเขา

ท่ามกลางแสงสีเสียงของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ตอนนั้นเองทุกสายตาก็มองไปที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อสมบูรณ์แบบที่สาวๆ คนไหนเห็นก็อยากจะเข้าหา แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเย็นชาสักแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเธอคิดว่าถ้าได้ขึ้นเตียงกับเขาสักครั้งจะไม่ลืมพระคุณเลยทีเดียว

ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นคือ ‘ขุนเขา’ ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลทางด้านค้าอาวุธและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกาสิโนที่มีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งชายหนุ่มยังเป็นเจ้าของ TW PUB ผับหรูที่ส่วนมากจะเป็นเหล่าเซเลปและไฮโซทั้งหลายมาดื่มกินกัน

วันนี้ขุนเขาเดินเข้ามาตรวจเช็กดูความเรียบร้อยของผับที่ตนสร้างมากับมือตามปกติ อย่างที่ทำเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่าง

“พล วันนี้เป็นยังไงบ้าง หลังบ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม?” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่เดินตามมาอยู่ข้างหลัง พร้อมกับกวาดสายตามองดูรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้อย่างสบายอารมณ์ ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มยังคงความเย็นชาไว้เหมือนเดิม

“เรียบร้อยดีครับนาย และดูเหมือนว่าวันนี้คนที่มาเที่ยวผับจะเยอะกว่าปกติอาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์น่ะครับ” พลตอบกลับเจ้านายกลับไปทันที ไม่แปลกที่วันนี้คนจะเยอะ เพราะเมื่อมีเวลาว่างจากงาน ทุกคนก็มักจะหาความสุขใส่ตัวเองแบบนี้และเป็นการมาพบกันเพื่อหาเพื่อนๆ ในวงสังคมเดียวกัน

“งั้นก็ขยายเวลาปิดร้านหน่อยก็แล้วกัน เพิ่มสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ได้ ในเมื่อวันหยุดคือวันที่กอบโกยก็รีบกอบโกยซะ” ขุนเขาสั่งออกไปอย่างไม่ใส่ใจว่านี่คือการกระทำผิดกฎหมาย เพราะเขาคิดว่าผิดกฎหมายแล้วยังไง เรื่องเปิดผับเกินเวลาไม่ใช่แค่ที่ผับของเขาเท่านั้นที่ทำแบบนี้ ทว่ากลุ่มคนที่มีเส้นสาย มีคนหนุนหลังก็เปิดเกินเวลากันเป็นประจำอยู่แล้ว และผับของเขาก็คือหนึ่งในนั้น แต่สำหรับเขาจะเปิดแค่บางวันเท่านั้น ถือว่าเขายังไว้หน้าเจ้าหน้าที่แถวนี้บ้าง

“อ้อ..ถึงเวลาก็ปิดก็ปิดไฟและประตูหน้าด้านก็แล้วกัน ส่วนข้างในก็ให้ดื่มกินกันให้พอ” ขุนเขาสั่งเพิ่มอีกเพื่อไม่ให้ดูว่าเขาท้าทายกฎหมายมากไป แค่คนที่อยู่ในนี้ก็เพียงพอแล้ว

“รับทราบครับนาย”

ลูกน้องคนสนิทขานรับคำสั่งจากผู้เป็นนายด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทางเพื่อทำตามคำสั่งทันที จะว่าไปทั้งเจ้านายและลูกน้องสองคนนี้คงมีแต่ความเย็นชาเหมือนกัน หรือไม่ก็คงจะทำงานด้วยมานาน เลยมีลักษณะท่าทางและความคิดไปในทิศทางเดียวกัน

หลังจากที่ออกคำสั่งเรียบร้อย ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาอย่างขุนเขาก็เดินไปหย่อนกายลงนั่งลงบนโซฟาสำหรับแขกวีไอพีพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าชายหนุ่มกำลังอารมณ์ดีเนื่องจากว่าช่วงนี้กิจการสถานบันเทิงที่นี่กำลังเป็นไปได้ด้วยดี เลยรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้

“คุณนลินมาแล้วครับนาย ให้เรียกมาที่นี่เลยไหมครับ?” ลูกน้องมือขวาที่สแตนด์บายรออยู่เอ่ยบอกเจ้านายด้วยความนอบน้อมแต่ก็ยังคงผสมความเย็นชาที่ไม่ต่างจากผู้เป็นนาย ก่อนจะรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

“อืม เรียกเธอมาได้เลย” ขุนเขาสั่งเสียงเข้มและทรงอำนาจ

“ได้ครับนาย”

สิ้นคำของลูกน้องได้ไม่นาน หญิงสาวสวยเซ็กซี่ที่ดูเย้ายวนอย่างนลินก็สาวเท้าเดินตรงดิ่งเข้ามาหาขุนเขาตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ ซึ่งดูเหมือนทั้งสองจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกัน ถึงได้นัดกันมาที่นี่อย่างกะทันหันแบบนี้เพราะปกติขุนเขาจะนัดเธอมาที่นี่ก็จริง แต่จะไปที่ห้องทำงานของเขาทั้งข้างบน ไม่ได้มานั่งปะปนกับลูกค้าคนอื่นแบบนี้

“ขุนมีอะไร ทำไมถึงมานั่งตรงนี้ ไม่ใช่ข้างบน” หญิงสาวถามขึ้นทันทีเหมือนไม่พอใจที่เขาไม่ให้เกียรติเธอ

“นั่งก่อนสิครับ ดื่มไปคุยไป น่าจะดีกว่า ว่าไหมครับคุณลิน?” ขุนเขาไม่สนใจเสียงหงุดหงิดนั่น แต่เขายังพูดกับเธอด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชาตามแบบของเขา

“ขุนพูดมาเลยดีกว่าค่ะ ว่าเรียกลินมาทำไม มีเรื่องสำคัญอะไรอย่างนั้นเหรอคะ?” นลินกล่าวตอบพลางลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ กันกับชายหนุ่ม และไม่ลืมที่จะมองหน้าเขาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ

“สักหน่อยไหมครับ?” ขุนเขาพูดแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นตรงหน้าเพื่อหวังจะชนแก้วกับฝ่ายตรงข้าม

ซึ่งนลินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยซะทีเดียว เธอยกยิ้มเบาบางพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาชนพอเป็นพิธี จากนั้นก็วางมันลงในตำแหน่งเดิมก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

“ขุนมีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว จริง ๆ ลินควรจะต้องพักผ่อนแล้วด้วยซ้ำ แต่เห็นว่าขุนมีเรื่องสำคัญก็เลยรีบมา”

“ผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอครับ? พอจะอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงจริงจังดังสวนขึ้นมาทันทีที่ประโยคก่อนหน้าของหญิงสาวจบลงได้เพียงเสี้ยววินาที พร้อมกันนั้นเขาก็ส่งภาพถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนกระดาษไปให้หญิงสาว

วินาทีนั้นนลินถึงกับกลืนน้ำลายลงคอไปด้วยความยากลำบาก ถ้าเทียบขุนเขากับชายในภาพแล้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับพวกเขาทั้งสองคนก็ถือได้ว่าแน่นแฟ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกหนักใจที่จะต้องตอบความจริงออกไป...แบบว่าเธอเลือกไม่ได้ยังไงล่ะ

“ผมถามว่าใคร?” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นอีกระดับ

“ก็เพื่อนลินนี่แหละค่ะ ทำไมขุนถึงได้มานั่งจับผิดลินแบบนี้ล่ะคะ ไม่เชื่อใจลินเหรอ?” หญิงสาวตอบกลับมาและเสแสร้งว่ากำลังไม่พอใจที่เขามาจับผิดเธอแบบนี้เพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง แต่มันใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายที่ชื่อขุนเขา เพราะเขาหรี่ตาลงและถามขึ้นอีกครั้งว่า

“คุณแน่ใจเหรอ? ว่าที่ตอบมานั้นคือเรื่องจริง ไม่ได้โกหกผม”

“ก็จริงน่ะสิคะ ใครจะไปกล้าโกหกขุนกันล่ะคะ จริงไหม?” เธอยังยืนยันแบบกระต่ายขาเดียว ในใจนั้นคิดว่าใครมันจะกล้าตอบความจริงล่ะ

ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบจนทำให้อีกฝ่ายเริ่มแผ่นหลังเย็นเฉียบ

“ผมไม่ใช่คนโง่นะคุณลิน ผู้ชายคนนี้ ชื่อ ธัน เป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจร้านทองชื่อดังเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศรสนิยมดีเหมือนกันนะ แต่น่าเสียดายที่นิสัยห่วยแตก แต่ก็น่าจะเหมาะสมกับคุณเหมือนกันนะ”