บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ไม่อยากเดินตามรอย

บทที่ 3 ไม่อยากเดินตามรอย

ตกบ่ายในวันเดียวกัน…

ขุนเขามาตามนัดของผู้เป็นแม่ สีหน้าและท่าทางของชายหนุ่มดูไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นว่าวันนี้พ่อของเขาก็มาร่วมวงรับประทานอาหารมื้อเที่ยงด้วยเช่นเดียวกันซึ่งเขาแทบอยากจะเดินถอยหลังกลับ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยกมือไหว้ทั้งสองคนด้วยความเคารพ

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ ไหนว่าแม่มีนัดกินข้าวกับเพื่อนไม่ใช่เหรอครับ นี่พ่อเป็นแม่เป็นเพื่อนกันเหรอครับ” เขาถามออกไปแบบประชดประชัน เพราะถ้าเขารู้ว่าจะมาเจอกับพ่อ เขาไม่มาแน่นอน

“อ้าวมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิลูก กินไปคุยไป จะได้ไม่เสียเวลามากเท่าไหร่”

คุณหญิงจิตตรีเอ่ยบอกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูตามประสาคนเป็นแม่ตามไปติดๆ โดยทำเป็นไม่สนใจเสียงประชดของลูกชาย ส่วนเจ้าพ่อมาเฟียยังนั่งนิ่ง ๆ ทำเพียงเหลือบตามองลูกชายเล็กน้อยเท่านั้น แล้วนั่งกินอาหารต่อ

“เข้าเรื่องเถอะครับ ไม่ต้องยืดเยื้อให้เสียเวลาเลยจะดีกว่า” ขุนเขาพูดขึ้นเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพ่อกับแม่ของตัวเองแล้ว

“พ่อตัดสินใจแล้วว่าอีกไม่กี่เดือนจะพักผ่อน แต่ก็ยังหาคนที่ไว้ใจให้ดูแลธุรกิจไม่ได้ เลยจะให้แกมาสานต่อ” ศิลาพูดขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชาย

“ผมไม่ทำครับ พ่อเองก็น่าจะเห็นว่าผมทำอะไรอยู่บ้าง จะให้ทิ้งธุรกิจที่ผมปั้นมาเองกับมือ แล้วไปสานต่อธุรกิจของพ่องั้นเหรอครับ? ให้ตายผมก็ไม่ทำหรอก” ขุนเขาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เรื่องนี้เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว ทำไมพ่อไม่เข้าใจเขาสักทีว่าเขานั้นไม่ต้องการเดินสายมาเฟียตามพ่อ

“จะเล่นตัวทำไมนัก ธุรกิจเล็ก ๆ ของแก ทำเงินสู้ธุรกิจของพ่อไม่ได้เลยสักนิด ย้ายมาเถอะ อย่าให้ต้องพูดกันหลายรอบเลย” ศิลาก็ตอบกลับมาเสียงเข้มอย่างไม่พอใจเหมือนกันที่ลูกชายปฏิเสธและไม่ยอมเดินตามเส้นทางที่ตนเองได้สร้างไว้ให้

“ไม่ครับ ผมไม่ทำ” คำตอบของขุนเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน วันแรกที่ถูกพ่อกับแม่บังคับปฏิเสธอย่างไรวันนี้ก็ยังคงปฏิเสธอย่างนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้เลยจริง ๆ

“จะดื้อด้านไปถึงไหนกัน พ่อไม่เคยขออะไรแกเลยนะ แค่นี้ทำให้ไม่ได้งั้นเหรอ?” คนเป็นพ่อพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางไม่สนใจธุรกิจหมื่นล้านของเขา แต่สนใจที่จะทำธุรกิจเล็กอย่างร้านอาหารกับผับที่ใคร ๆ ก็ทำได้

“พ่อจะมาพูดแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมาครับ ผมพูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไม่ชอบงานของพ่อ แต่ทำไมถึงได้พยายามต้อนให้ผมมาทำไม่เลิกแบบนี้ล่ะครับ อีกอย่างถ้าพ่อจะพัก แล้วไม่มีคนสานต่อ ก็ขาย ๆ ไปเถอะครับ จะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนผม” ขุนเขาตอบออกไปอย่างไม่ไยดี

“ขุนเขา!”

วินาทีนั้นบันดาลโทสะของผู้เป็นพ่อสวนขึ้นมาอย่างทันควัน ก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเพื่อหวังที่จะข่มลูกชาย ไม่ให้เหิมเกริมไปมากกว่านี้ เขาเป็นมาเฟียที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัว แต่มีคนหนึ่งที่ไม่เคยกลัวเขาเลยก็คือไอ้ลูกชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ

“ใจเย็น ๆ กันทั้งคู่เลย ถ้าลูกไม่อยากทำก็ปล่อยเถอะค่ะคุณ พูดไป ก็มีแต่จะทะเลาะกันเปล่า ๆ” คุณหญิงจิตตรีเห็นท่าไม่ดีก็ลุกขึ้นยืนตามสามี ทีแรกเธอก็หวังเอาไว้ว่าสองพ่อลูกจะพูดคุยกันดี ๆ ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

“คุณก็ดูลูกคุณสิ ผมบอกให้ทำอะไร มีหรือจะไม่ดี แต่ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่แบบนั้น” ศิลานั่งลงและพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แต่ผมแค่ไม่ชอบ ซึ่งอะไรที่ผมไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ หวังว่าหลังจากนี้พ่อจะไม่เอาเรื่องนี้มาบังคับผมอีกแล้วนะครับ เพราะผมยังยืนยันคำตอบว่าจะไม่สานต่อ เข้าใจตรงกันนะครับ ผมขอตัวกลับไปทำงานก่อน คงไม่ว่างมานั่งเถียงอยู่แบบนี้แล้วล่ะครับ”

ขุนเขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะรีบสืบเท้าเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร โดยมีแม่ของเขาเดินตามหลังมาติด ๆ เพราะมีบางอย่างที่จะต้องบอกให้กับลูกชายได้รับรู้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เธอจะต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง

“เดี๋ยวสิลูก แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” คุณหญิงจิตตรีวิ่งมาดักหน้าขุนเขาเอาไว้ แล้วบอกถึงเจตนาที่เดินตามออกมาให้เขาได้รับรู้แทบจะทันที

“แม่มีอะไรอีกครับ ผมรีบ” ขุนเขาหันกลับมาและขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“วันมะรืน มีนัดทานข้าวกับผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อปรึกษากัน เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ขุนเขาไม่มาไม่ได้นะลูก” คุณหญิงจิตตรีรีบบอกกับลูกชายทันที

“เรื่องอะไรอีกครับ? แม่อยากให้ผมทะเลาะกับพ่อบ่อย ๆ หรือไง ถึงได้นัดผมมาบ่อยแบบนี้” ขุนเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้ารำคาญใจมาก

“ไม่ใช่ วันนี้พ่อเขาขอร้องแม่ ว่าอยากคุยกับลูกดี ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้ เอาเป็นว่าอย่าโกรธพ่อเขาเลย ยังไงเขาก็หวังดีกับลูก แต่ยังไงซะวันมะรืนก็ไปนะ แม่รับปากกับผู้ใหญ่เขาเอาไว้แล้ว อย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียหน้าล่ะ” คุณหญิงจิตตรีพยายามกล่อมลูกชายให้สงบลงและยอมไปตามนัด

“ถ้ามันสำคัญจริงๆ ผมก็ต้องไปอยู่แล้ว แม่ส่งโลเคชั่นมาก็แล้วกัน แต่ผมบอกไว้ก่อน ว่าถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ ผมไม่สนหน้าใครทั้งนั้น วันนี้ผมกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ พอดีมีนัดกับลูกค้า สวัสดีครับแม่” พูดจบขุนเขาก็ยกมือไหว้แม่แล้วเดินจากไป

คุณหญิงจิตตรียังไม่ทันจะอ้าปากตอบกลับ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เดินหนีออกไปจากจุดสนทนาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าวันนี้ขุนเขาเองก็คงจะอารมณ์เสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel