บทที่ 2 รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเขียงพร้อมเชือด 1
แสงไฟสลัวในห้องนอนสุดหรูสาดส่องอยู่ตรงหน้า ปาลลิลกะพริบตาสองสามครั้งกว่าสายตาจะปรับให้เข้าที่ได้กับแสงสว่างในห้องที่ไม่ค่อยสว่างสักเท่าไหร่นัก
ความทรงจำล่าสุดของเธอที่จำได้คือเธอบินมาหาแฟนหนุ่มที่มาเก๊า และตั้งใจจะคุยกับอีกฝ่ายเรื่องการถูกจับคลุมถุงชนของเธอ อีกทั้งยังตั้งใจจะบอกเล่าแผนการล้มงานแต่งของเธอให้เขารู้และขอความร่วมมือกับเขา
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดคุยอะไร ทันทีที่เธอมาถึงและติดต่อหาพิทยา อีกฝ่ายพอรู้ว่าเธอมาหาเขาถึงมาเก๊าก็นัดให้เธอมาหาที่โรงแรมสุดหรูแห่งหนึ่ง
และหลังจากนั้นสติเธอก็ดับหายไป
“ว่าไง ตื่นแล้วเหรอ?”
ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินเข้ามาหา ปาลลิลเพิ่งรู้ตัวว่าที่ที่เธอนอนอยู่ตอนนี้นั้นคือเตียงขนาดใหญ่ หัวเตียงเป็นไม้แกะสลักสุดล้ำค่า เสาสี่เสาพร้อมด้วยผ้าม่านสีแดงบ่งบอกได้ถึงความหรูหราและราคาที่ค่อนข้างสูง
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เป็นการเรียกสติ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้แน่นอนว่ามันไม่อะไรที่เป็นปกติเลยสักอย่าง เธอไม่ใช่ผู้หญิงโลกสวยก็จริง แต่จนตอนนี้เธอก็ยังคงมองโลกอยู่ เธอไม่อยากคิดหรอกว่าพิทยาล่อลวงเธอมาให้กับผู้ชายคนนี้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันชวนให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย
“สวัสดี ปาลลิล” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอ ทำเอาหญิงสาวเจ้าของชื่องุนงง
นี่เขารู้จักเธอได้ยังไงกัน?
“คุณเป็นใคร?” ร้อยทั้งร้อยถ้าใครเป็นเธอก็คงต้องถามคำถามนี้
“แทนที่จะถามชื่อผม ไม่สู้คุณถามว่าคุณอยู่ที่ไหนและมาที่นี่เพื่ออะไรจะเข้าท่ากว่าไหมเปิ้ล”
ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก แต่กระนั้นก็ยังไม่ใกล้พอที่เธอจะสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แสงสว่างในห้องก็ช่างไม่เป็นใจ
“คุณหมายความว่ายังไง?”
แม้จะตกใจและลึกๆ เธอกำลังรู้สึกกลัว แต่ปาลลิลก็เลือกที่จะนิ่งและประมวลผลทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เธอมาหาพิทยาตามนัด และพอมาถึงโรงแรม เธอก็หมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มาอยู่บนเตียง พร้อมกับชายแปลกหน้าคนนี้แล้ว
เมื่อรวมกับคำพูดของชายปริศนาคนนี้แล้วก็ยิ่งทำให้ข้อสันนิษฐานที่คิดเอาไว้เป็นจริงมากขึ้น ไอ้พิทยามันหลอกเธอ!
“คุณรู้จัก พิท...พิทยาเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินคำถาม เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็พุ่งพรวดเข้าไปหาร่างบางที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในทันที นั่นจึงทำให้ปาลลิลเห็นว่าเขาคือชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ส่วนสูงไม่น้อยกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แม้จะมองเห็นสีผิวไม่ชัด แต่เธอก็คิดว่าเขาน่าจะไม่ใช่คนผิวดำ
“รู้จัก? ใช้คำว่ารู้จักยังน้อยไปสำหรับผีการพนันอย่างมัน”
“เขา...ติดหนี้คุณใช่ไหม?” ถ้าคำตอบของคนตรงหน้าคือใช่ สิ่งที่เธอคิดไว้ก็ไม่ผิด พิทยาหลอกเธอมาขายใช้หนี้ให้คนคนนี้
“คุณนี่ฉลาดไม่เบานะ เอ๊ะ! หรือว่าเดาเก่ง” เขาพูดพร้อมกับยื่นมือใหญ่เข้ามาใกล้ ก่อนจะค่อยๆ เขี่ยไรผมออกจากใบหน้าหญิงสาวเบาๆ
“หรือว่าแท้ที่จริงแล้วทำบ่อย โดนมาบ่อยล่ะสิ”
“โดน? โดนอะไร”
“ก็โดนใช้เป็นเครื่องมือใช้หนี้ให้ผัวไง ผัวเล่นพนันเสียแล้วเอาเมียมาใช้หนี้ เรื่องแบบนี้มีให้เห็นออกถมเถไป”
ปาลลิลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำดูถูกของเขา แต่เธอก็มีสติพอที่จะไม่โวยวายออกไปให้ตัวเองถูกฆ่า หญิงสาวจึงได้แต่เงียบไว้ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือรักษาชีวิต แม้จะโกรธแค้นพิทยามากแค่ไหน แต่เธอก็ต้องเก็บกลั้นมันไว้ ถ้ามีชีวิตรอดออกไปได้เมื่อไหร่ การล้างแค้นของเธอจึงจะเริ่มต้นขึ้น
“แต่รู้อะไรไหมปาลลิล คนอย่างผม ไม่เคยรับผู้หญิงของใครมาแทนเงิน”
หญิงสาวหันมองเสี้ยวหน้าของคนพูด ไม่รู้อะไรดลใจเธอจึงได้ยิ้มมุมปากส่งให้เขาไป
คนเราเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าหมาจนตรอก เวลานั้นคนเราล้วนมีสิ่งสิ่งเดียวที่ยึดเอาไว้เป็นเป้าหมายเพื่อที่จะสามารถอยู่ให้รอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวไปได้
สำหรับเธอในเวลานี้ก็เช่นเดียวกัน เธอกลายเป็นหมาจนตรอกที่ไร้ทางสู้ไปแล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่มุมไหนแห่งใดของโลก มีเพียงคนตรงนี้เท่านั้นที่คล้ายกับว่าจะกลายเป็นเจ้าชีวิตของเธอไปแล้วกลายๆ
พิทยาทำเธอแสบมาก แต่แน่นอนว่าเธอจะต้องหาทางเอาคืนเขาให้ได้!
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่าฉัน...ไม่ได้เป็นผู้หญิงของใคร คุณจะเชื่อไหม?”
ร่างสูงใหญ่เอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะใช้สายตาโลมเลียหญิงสาวตั้งแต่ใบหน้ากลมรูปไข่ ลำคอระหง ไหปลาร้าสวย ตลอดจนเนินอกที่โผล่พ้นเดรสรัดรูปที่เธอใส่อยู่
“ถ้าจะให้เชื่อ ของแบบนี้มันก็ต้องลอง”
ชายหนุ่มเอ่ยช้าๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าคมสันลงไปหาหญิงสาว จุดหมายคือริมฝีปากเล็กได้รูปนั่นที่ทำเขาใจสั่นตั้งแต่แรกเห็น
“อะ อื้อ ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” เสียงหวานเผลอหลุดลอดออกมา ก่อนถ้อยคำห้ามปรามจะหลุดตามมาอย่างยากเย็น
“ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องอะไร...แต่ฉันอยาก อยากขออะไรคุณสักอย่างได้ไหมคะ?” ปาลลิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นระริก พลางกัดริมฝีปากล่างตัวเองเหมือนกำลังยั่วยวนเขาไปในที
“อะไร?” เขาถามกลับเสียงเรียบ
“คะ คุณใส่ถุงยางด้วยได้ไหม?”
จบคำพูดนั้น ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางมนของเธอขึ้นมาสบตากันกับเขา หญิงสาวเงยหน้าตามแรงมือเขา นัยน์ตากลมสบตากับเขาประกายวิววับในดวงตาคู่นั้นช่าง...กร๊าวใจเธอเหลือเกิน
“ไม่ต้องห่วงไปสาวน้อย ผมมืออาชีพพอ”
จบคำพูดนั้นปาลลิลก็ถูกเขาประกบจูบอีกครา ริมฝีปากร้ายของเขาบดขยี้ริมฝีปากบางของเธอจนแทบหลอมละลาย ก่อนที่เขาจะส่งเรียวลิ้นร้ายเข้ามาในโพรงปากเธอ
“ฮึ่ม…” ชายหนุ่มครวญครางออกมาอย่างถูกใจ เมื่อลิ้นร้อนของเขา ได้รับการตอบสนองจากเรียวลิ้นเล็กๆ ของเธอ
“เป็นงานนี่” เขาบอกหลังจากผละออกจากริมฝีปากน้อย แล้วเปลี่ยนไปจูบไล้ลำคอระหงแทน
“อะ...อื้อ…”
ปาลลิลหอบหายใจฮึดฮัด เมื่อยามชายหนุ่มประทับจูบลงบนเนื้อผิวบางเบาที่ไวต่อการสัมผัส ใบหน้างามมุดหน้าไปหาหมอนที่หนุนอยู่อย่างต้องการที่เพิ่ง สองมือน้อยกำหมัดแน่น
ชายหนุ่มเห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอแล้วก็นึกสนุก จึงคิดหางานให้เธอทำ
“ถอดเสื้อผ้าผมสิ” เขาเอ่ยพร้อมกับประกบจูบเธออีกครั้ง ลิ้นร้ายหลอกล่อเชิญชวนให้เธอข้ามพ้นเขตแดนมายังฝั่งของเขา แต่หญิงสาวก็ยังใจกล้าไม่พอ