เคียงข้างคุณหนูเสมอ
“ เสี่ยครับ เดี๋ยวผมดูคุณหนูให้เอง ” เสี่ยพธินพยักหน้า
“ ฝากด้วยนะภาค ถ้าลูกพราวด์ดีขึ้น โทรมาบอกอั๊วด้วย แล้วลื้อก็โทรไปจองห้องวีไอพีที่ภัตตาคารด้วยนะ ”
“ ครับ เดี๋ยวก็หาย เชื่อมือผมเถอะ ”
พูดก่อนจะเดินลากตามคุณหนูผู้เอาแต่ใจไป โดยมีคนรับใช้ช่วยกันแบกหามสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทางร่วมสิบใบตามไปติด ๆ และหนึ่งในนั้นรวมสาวน้อยหน้าซื่อผู้เป็นคนรับใช้ใหม่อยู่ด้วย
เสียงกระแทกส้นเท้าตึงตัง เสียงขว้างปาข้าวของ เสียงเตะโน่นนี่ดังขึ้นตลอดทางที่คุณหนูของบ้านเดินผ่าน บ่าวไพร่ทุกคนในบ้านที่อยู่มานานชินชากับเรื่องนี้ดี เพราะรู้ว่าเสี่ยพธินและคุณนายแพรวดาว แม่ของเธอผู้จากไปเมื่อต้นปีตามใจเธอแค่ไหน เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ไม่เคยบอกสอนห้ามปราม ยิ่งเกิดมาบนกองเงินกองทองที่ผู้เป็นพ่อหามาประเคนลูกทุกสิ่งอย่าง ยิ่งทำให้เธอเปรียบดังเทวดาน้อย ๆ ที่ใช้เงินเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้ดังใจปรารถนา
ร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แม้จะไม่สูงเท่าราชย์ แต่ก็จัดว่าสูงสำหรับชายไทย ใบหน้าสะอาดสะอ้านและมักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่ มันทำให้ผู้พบเห็นประทับใจและวางใจได้เสมอ โดยเฉพาะเด็กสาวอ่อนต่อโลกอย่างเธอ
“ คุณหนูครับ ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกคนที่นั่งหน้าง้ำอยู่ บนเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากเธอตอบกลับด้วยเสียงสะบัดเหวี่ยงวีนสุดขีด
“ ฉันจะกลับไปอยู่ลอนดอน ช่วยบุ๊คไฟล้ท์ที่เร็วที่สุดให้ที ของก็ช่วยบอกคนใช้ไม่ต้องเอาออกจากกระเป๋านะ ”
เขาเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะคุกเข่าบนพรมที่หน้าเตียง มือใหญ่เอื้อมไป กุมมือเธอเอาไว้
“ คุณหนูใจเย็น ๆ สิครับ คิดดี ๆ นะ ถ้าคุณหนูกลับไปตอนนี้ เสี่ยที่กำลังหลงสองแม่ลูกนั่นหัวปักหัวปำ อาจจะทำอะไรไปอย่างไม่มีสติยั้งคิด มันจะสูบกินเงินทองไปได้นะครับ จริงอยู่ ที่เสี่ยมีเงินทองสมบัติพัสถานมากมาย แต่หากไม่มีคนคานไว้ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ” พราวพธูก้มลงมองใบหน้าสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลาของคนตรงหน้า
“ แล้วทำไมนายไม่ช่วยฉันบ้างล่ะภาค ทำไมปล่อยให้ฉันต้องสู้ลำพัง คุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ”
“ ทำไมคุณหนูพูดแบบนั้นล่ะครับ ทำไมผมจะไม่ช่วยถ้าหากผมไม่รักไม่ห่วงคุณหนู ผมจะบอกเรื่องสองแม่ลูกนั้นทำไมผมอยู่ตรงนี่ อยู่ข้าง ๆ คุณหนูเสมอ แต่คุณหนูลืมไปแล้วเหรอครับ ผมก็แค่ลูกของลูกจ้างคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าพ่อผมจะเป็นมือขวาของเสี่ยมานาน แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ผมเองก็ไม่เก่งเรื่องบู๊ ผมชอบการใช้สติปัญญาแก้ปัญหามากกว่า เพราะงี้ผมถึงเลือกเรียนนิติศาสตร์ เพื่ออยากเอามาช่วยเสี่ยในเรื่องต่าง ๆ แต่ก็อย่างว่า เสี่ยท่านสายบู๊ เลยเลือกที่จะชอบคนที่ใช้กำลังเก่งเสียมากกว่า ”
“ แบบไอ้สวะนั่นใช่ไหมที่ป๊าชอบ หน้าตาอย่างกับโจร ฉันไม่เข้าใจว่าป๊าไปไว้ใจมันได้ยังไง ” พราวพธูว่าพลางนึกถึงหน้าตาคมเข้มที่มีไรเครารกครึ้มล้อมกรอบใบหน้า นึกถึงสายตาหยิ่งทะนงจองหองไม่ลดราวาศอกแล้วยิ่งโมโห
“ ก็ผมบอกคุณหนูแล้วไง ว่าน้าเรียมแม่ของมันน่ะ ร้ายไม่ใช่ย่อย เห็นหน้าซื่อ ๆ อย่างนั้นก็เถอะ คุณหนูก็เห็นนี่ว่า ตลอดมาถึงแม้ว่าเสี่ยจะเจ้าชู้ไก่แจ้แค่ไหนก็ไม่เคยเอาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน แต่นี่พาทั้งแม่ทั้งลูกเข้ามา แถมไอ้ราชย์ก็ประกบติดเสี่ยแจ ผมไม่รู้ว่ากรอกหูโน้มน้าวอะไรกันไปถึงไหน ” พราวพธูฟาดฝ่ามือลงบนที่นอนข้าง ๆ ด้วยความโมโห
“ ไม่มีวัน ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาชุบมือเปิบสมบัติที่ป๊าสร้าง จะไม่ยอมให้เห็บหมัดที่ไหนมาดูดไชกินเลือด ไปหน้าด้าน ๆ เด็ดขาด ไม่มีวัน ! ” ภาคยิ้มแล้วบีบมือเธอเบา ๆ
“ ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้างคุณหนูเสมอนะครับ ”
พราวพธูก้มลงมองชายตรงหน้า ภรัณย์ผู้เป็นพ่อของภาคแยกทางกับภรรยาหลายปี เหตุเพราะภรัณย์มาทำงานเป็นมือขวาของป๊า แล้วไม่ค่อยได้กลับบ้านกลับช่อง ส่งไปก็แต่เงิน ไม่เคยไปดูแล ไม่มีเวลาให้ ภรรยาของเขาทนไม่ไหวจึงขอหย่า และเลี้ยงดูบุตรชายคนเดียวมาตลอด แต่เคราะห์ร้ายวันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ภรัณย์จึงต้องรับบุตรชายคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ ตอนนั้นภาคอายุเจ็ดขวบ มากกว่าพราวพธูสองปี เด็กชายหัวดี เรียนเก่ง มีไหวพริบปฏิภาณการเอาตัวรอดเป็นเลิศ คำพูดคำจาเขาเกินผู้ใหญ่ไปมาก และสามารถเป็นเพื่อนที่ดีของคุณหนูพราวด์เสมอ เขาทำทุกอย่าง ยอมทุกอย่าง แม้กระทั่งการบ้านหรืองานที่ครูสั่ง