บทย่อ
พราวด์... คุณหนูขาวอวบ จองหอง ปากร้าย และโคตรเอาแต่ใจ ราชย์... บอดี้การ์ดร่างกำยำสูงใหญ่ บ้าระห่ำ ถ่อยเถื่อน ทั้งสองฟาดฟันกันตั้งแต่แรกพบ เปิดฉากรบตั้งแต่แรกเห็น ทว่าคำสั่งของเจ้านาย ทำให้เขาต้องมาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวเธอ ทั้งที่เกลียดขี้หน้ากันเข้าไส้ และไม่มีใครยอมใคร งานนี้ มันจะดุเดือดเลือดพล่านแค่ไหน ไปลุ้นกัน ! ******************************************** “ คุณแม่สอนฉันไว้ว่า อย่าลดตัวลงไปเล่นกับหมา โดยเฉพาะพวกหมาขี้เรื้อนข้างถนน เพราะหมามันจะสะเออะขึ้นมาเลียปาก ! ” “ แล้วแม่คุณสอนด้วยหรือเปล่าว่า ถ้าปากดีมาก ๆ หมามันจะไม่เลียแค่ที่ปาก แต่มันจะเลียที่อื่นด้วย ! ”
คุณหนูตัวร้าย
ร่างขาวอวบสมส่วนในชุดเดรสแบรนด์เวอร์ซาเช่สีขาว แขนยาวรัดรูป ความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย คอวีที่คว้านลึกโชว์สองเต้าอะร้าอร่ามขาวนวลอวบอิ่มที่เบียดกันอยู่แนบชิด ความรัดรึงของอาภรณ์เผยให้เห็นถึงส่วนโค้งส่วนเว้าราวแจกัน ประกอบกับผิวผ่องนวลเนียนของเจ้าของที่กำลังอยู่ในวัยสาวสะพรั่งยี่สิบสามขวบปี ยิ่งส่งให้เธอยิ่งงามงดราวรูปสลัก รองเท้าส้นแหลมสูงราวสี่นิ้วดังเป็นจังหวะเมื่อกระทบกับพื้นหินอ่อนของตัวบ้าน ใบหน้าหวานงดงามเหมาะเจาะภายใต้กรอบหน้ารูปไข่นั้นคงจะดูดีน่ามองกว่านั้น ถ้าไม่แหงนเชิดฉายประกายแห่งความเย่อหยิ่งจองหองออกมาอย่างชัดเจน
“ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ คุณหนูพราวด์ ”
เสียงบริวารรับใช้ในบ้านที่ยืนตั้งแถวรออยู่แล้วเอ่ยทักทายพร้อมกัน ทั้งคนรับใช้ คนสวน และบอดี้การ์ด
พราวพธูพยักหน้าอย่างไว้เชิง พลางกวาดสายตามองคนทั้งสิบที่ตั้งแถวอยู่ตรงนั้น ผู้ชายห้าคนฝั่งขวาเธอรู้จักทั้งหมด คนสวนหนึ่ง คนขับรถของป๊าหนึ่ง สามนั้นเป็นลูกน้องคอยติดตามหรือที่เรียกว่าบอดี้การ์ด ฝั่งขวาสามคนแรกเป็นแม่บ้านทั้งคู่ แต่สองคนหลังนั้นเธอไม่เคยเห็นหน้า หนึ่งนั้นเป็นเด็กสาวหน้าตาซื่อ ๆ บ้าน ๆ ผมยาวถึงกลางหลัง ส่วนคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยกลางคน มวยผมขึ้นเรียบร้อย ยิ่งพราวพธูจ้องนางมากเท่าไร นางก็ยิ่งก้มหลบสายตาเธอมากเท่านั้น
“ คนสุดท้ายนั่นแหละครับ นางเรียม ที่ผมเล่าให้ฟัง ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูจากร่างสูงใหญ่ของผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะส่งสายตาหยามเหยียดไปให้ผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น แม้ว่านางจะก้มหน้าอยู่ หากยังสามารถรับรู้ได้ถึงรังสีอาฆาตมาดร้ายได้อย่างชัดแจ้ง
ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดเผยอเหยียดแล้วเอ่ยทักทายด้วยถ้อยคำร้ายกาจ
“ อ๋อ นี่น่ะเหรอภาค ที่ชื่ออีเรียม กะหรี่แก่ที่ป๊าเอามาชุบเลี้ยง นี่ป๊าคิดอะไรอยู่ สาว ๆ สด ๆ มีเยอะแยะทำไมไม่เอา ทำไมมาเอาอะไรแบบนี้ สภาพดูไม่ได้ เหมือนอีพวกขอทานข้างถนนไม่มีผิด ”
หัวใจนางเรียมหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม นางพอจะรู้คร่าว ๆ มาจากคนรับใช้ที่นี่บ้างว่าคุณพราวพธู ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเสี่ยพธินที่ไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกนั้นร้ายกาจและเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะโดนดอกหนัก ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแบบนี้ หากยังไม่ทันมีใคร ณ ที่นั้นได้พูดอะไรต่อ เสียงมีอำนาจก็ดังมาจากด้านบนบันได
“ ลูกสาวน้อย ๆ ของป๊ากลับมาแล้ว เวลคั่มทูสวีทโฮมจ้ะลูกรัก ” แล้วร่างสูงใหญ่ออกไปทางท้วมนิด ๆ ของชายผู้เป็นประมุขของบ้านก็เดินลงมาจากบันไดชั้นบน ที่เคียงข้างมาด้านซ้าย คือร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นหน้า
เธอยกมือขึ้นสวัสดีและเอ่ยทักทายผู้ชายที่ได้ชื่อว่า พ่อ อย่างเสียไม่ได้ เพราะในหัวใจมันคุกรุ่นกับเรื่องที่พ่อเอาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านทั้งที่แม่ตายยังไม่ถึงปี
“ สวัสดีค่ะป๊า ” ผู้เป็นพ่อรีบเดินลงมาถึงชั้นล่างแล้วตรงเข้าไปสวมกอดบุตรสาวทันที
“ คิดถึงลูกสาวที่สุด ป๊าขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับด้วยตัวเอง ส่งแค่ภาคไป เพราะป๊าติดคุยธุระกับหุ้นส่วนจากมาเก๊า เขาบินมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเพื่อมาเซ็นสัญญาแล้วก็บินกลับไป เดี๋ยววันนี้เราไปกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหอเจี๊ยะกันนะ ไปกินเป็ดกีต้าร์ที่ลูกชอบไง ดีไหม ” พราวพธูยกมุมปากยิ้ม ก่อนเอ่ยตอบเรียบ ๆ
“ พราวด์เข้าใจป๊าดี ว่าธุระทุกอย่างมันสำคัญกว่าลูกเมียเสมอ แม้ว่าจะเป็นธุระกับกะหรี่ชั้นต่ำ นางบำเรอหิวเงิน หรืออะไรก็แล้วแต่ ” คำตอบนั้นทำให้เสี่ยพธินผละออกจากอ้อมกอด
“ ทำไมพราวด์พูดแบบนี้กับป๊าล่ะลูก ป๊าติดงานจริง ๆ อย่างอื่นจะมาสำคัญกว่าลูกได้ยังไง ” เธอไม่ตอบ แต่หากชายตาไปทางผู้หญิงกลางคนที่ยืนอยู่ในแถว เสี่ยพธินนึกได้จึงรีบกวักมือเรียก
“ เออ ลืมเลย เรียม มานี่หน่อยสิ เสี่ยจะแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวสุดที่รัก ” ร่างของหญิงกลางคนสะท้านเยือก หัวไหล่ บอบบางสั่นเทาเบา ๆ อย่างตื่นกลัว นางไม่กล้าแม้จะหายใจ เสี่ยจะให้เดินไปยืนข้างหน้าลูกสาวของเขาคนนั้นได้อย่างไรกัน
“ อ้าว มาสิ ยืนบื้ออยู่ได้ ทำไมล่ะ ก่อนที่ป๊าของฉันจะรับมาอุปการะเนี่ย ที่โรงกะหรี่เขาใช้งานหนักมากหรือไง ถึงกับหูดับหูตึงเลย ” เธอยังเอ่ยถากถางอย่างร้ายกาจไม่หยุดหย่อน หากแต่มีเสียงหนึ่งตวาดดังจนก้องกังวานไปทั่วบ้าน
“ หุบปาก ! ”