ตอนที่ 4 สตรีที่อยากเป็นมือที่สาม
ตอนที่ 4
“ป้าต้องขอโทษแทนบุตรชายด้วยนะ อาหยางไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่เป็นคนขี้อาย เขามีปมเรื่องแผลเป็นมาตั้งแต่เด็ก”
หลี่ซูเซียวหน้าเสีย ที่บุตรชายเสียมารยาทกับหญิงสาวคราวลูก กลัวว่านางจะมองบุตรชายของตนไปในทางที่ไม่ดี จึงรีบอธิบายออกมาก่อน
“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจ”
จ้าวไป๋เจี้ยมองไปทางบ้านของชายหนุ่มที่หายตัวเข้าไป นางรับรู้ได้ว่าแววตาคู่นั้นโดดเดี่ยว หวาดกลัวและไม่มั่นใจในตนเอง ที่ผ่านมาเขาคงพบเจออะไรมามากกับรอยแผลเป็นบนใบหน้า จนกลายมาเป็นแผลในใจของเขา ตัวนางนั้นไม่ได้ตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตาหรือฐานะอยู่แล้ว ต่อไปคงต้องหาทางเป็นสหายกับชายผู้นั้นให้ได้
“ป้าไม่กวนแล้ว กินให้อร่อยนะแม่หนู”
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ”
นับจากน้ำแกงไก่ป่าถ้วยนี้ บ้านถังก็กลายมาเป็นสหายที่ดีกับจ้าวไป๋เจี้ย ทำให้นางไม่รู้สึกเหงาที่ต้องห่างจากบ้านมา
ถึงแม้ป้าถังจะเป็นคนพูดมากไปหน่อย แต่ความใจดีมีเมตตาและสายตาที่มองว่านางเป็นเหมือนบุตรสาว ทำให้นางซาบซึ้งใจมาก บ้านสองหลังจึงมักมีอะไรก็หยิบยื่นให้กันเสมอ
จ้าวไป๋เจี้ย ได้รับความรักทั้งจากสามีและเพื่อนบ้านอย่างบ้านถัง จึงใช้ชีวิตอยู่ต่างหมู่บ้านได้อย่างมีความสุข ไม่มีเรื่องใดให้ทุกร้อนใจ
กระทั่งเวลาผ่านมาเป็นเดือน ในช่วงเย็นวันหนึ่ง สามีที่กลับมาจากเข้าป่าล่าสัตว์เร็วกว่าปกติ ได้เข้ามาบอกว่าสหายของเขาที่พึ่งแต่งงานออกเรือนไปเมื่อสามวันก่อน จะมาร่วมฉลองมื้อเย็นด้วย
แม่บ้านอย่างไป๋เจี้ย จึงเข้าครัวทำอาหารมื้อพิเศษนี้ขึ้นมาอย่างสุดฝีมือ
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
ระหว่างที่เข้าครัวอยู่นั้น หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันก็ถือวิสาสะเดินเข้ามา พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างละลาบละล้วง
“ไม่เป็นไร ใกล้จะเสร็จแล้ว”
แม้ไม่ชอบสายตาของอีกฝ่ายที่มองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่จ้าวไป๋เจี้ยก็เลือกที่จะยิ้มอย่างมีไมตรีจิตให้หญิงสาวแปลกหน้าหวังสานสัมพันธ์ด้วย
“เจ้าคบกับพี่เฟิงเสวียนนานแค่ไหน จึงตัดสินใจแต่งกับเขา”
ในเมื่ออีกฝ่ายบอกไม่ให้ช่วย เฉินซูเม่ยจึงขยับไปยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่มุมมุมหนึ่ง ประกายตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความริษยา ทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายงดงามกว่า แล้วยังได้ครอบครองชายในดวงใจของนางด้วย
คนที่ถูกถามเรื่องส่วนตัวคอแข็ง ไม่รู้ว่าภรรยาของสหายของสามีมีเจตนาอะไรกันแน่ ถึงได้ถามเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
“ถามทำไมหรือ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเริ่มแข็งกระด้างผิดปกติ
“ก็ไม่ทำไมหรอก ข้าแค่อยากรู้ว่าหลังจากที่พี่เฟิงเสวียนตามตื๊อตามเกี้ยวข้าไม่สำเร็จ เขาก็เปลี่ยนใจไปตามเกี้ยวเจ้าเลยหรือเปล่า”
ซูเม่ยยักไหล่ ทำท่าทางเหมือนไม่ยี่หระกับคำพูดของตน แต่สายตาคอยจับผิดสีหน้าแววตาของฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา
“เจ้าหมายความว่า...”
จ้าวไป๋เจี้ยตกใจจนเผลอทำผักที่ถือหลุดมือ หญิงสาวตรงหน้าพูดราวกับว่าสามีของนาง เคยตามเกี้ยวอีกฝ่ายมาก่อนอย่างนั้นแหละ แต่พออีกฝ่ายไม่เล่นด้วย สามีถึงเปลี่ยนเป้าหมายมาตามเกี้ยวนางแทน แต่ทำไมสามีเคยบอกนางว่า นางคือรักแรกและรักเดียวของเขา
...เรื่องนี้มันทะแม่ง ๆ อย่างบอกไม่ถูก...
คนที่มาก่อเรื่องเห็นอีกฝ่ายนิ่งอึ้งไม่ตอบโต้ ก็กระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่าแผนยุแยงให้ฝ่ายหญิงเคลือบแคลงใจในตัวสามีของนางนั้นสำเร็จผล รีบพูดต่อว่า
“เจ้าเองก็อย่าได้คิดมากเลยนะ ถึงพี่เฟิงเสวียนจะมองว่าเจ้าเป็นตัวแทนของข้า แต่ยามนี้ข้าก็ออกเรือนไปแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าพี่เฟิงเสวียนจะกลับมาหาข้าอีกหรอก”
“ข้าไม่ห่วงอยู่แล้วล่ะเรื่องนั้น เพราะทุกวันนี้พี่เฟิงเสวียนดีกับข้ามาก ทุกเช้าบ่ายเย็นค่ำเอาแต่พร่ำบอกว่ารักข้าเพียงผู้เดียว ขอบคุณเจ้ามากที่อุตส่าห์มาพูดรำลึกความหลังให้ฟัง แต่ข้าว่าเจ้าควรห่วงตัวเองมากกว่า หากสามีเจ้ารู้ว่ามาพูดถึงชายอื่นแบบนี้ เขาจะไม่พอใจเอาได้นะ”
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของไป๋เจี้ย แต่ดวงตาหงส์คู่นั้นหาได้ยิ้มตามไม่ หญิงสาวก้มลงหยิบผักที่หล่นลงพื้นโยนทิ้งไปเสีย จากนั้นจึงยกจานอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกไปตั้งโต๊ะข้างนอก
ถึงแม้นางไม่รู้ว่าคำพูดของใครเป็นความจริง แต่นางคิดว่านางควรเชื่อใจสามี ที่แสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่ารักนางมากขนาดไหน แล้วคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจทำ ปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้เขาไม่หันไปชายตาแลมองหญิงอื่นแน่
“เห็นเงียบ ๆ ร้ายกว่าที่คิด”
เฉินซูเม่ย พึมพำกับตนเอง ใบหน้างามบิดเบี้ยวที่แผนการไม่สำเร็จ แต่เอาเถอะยังมีเวลาอีกมาก รอให้นางหาทางกำจัดสามีของนางก่อนเถอะ แล้วแผนการแย่งพี่เฟิงเสวียนมาครอบครอง จะดำเนินการต่อทันที
“อย่างไรพี่เฟิงเสวียนก็ต้องกลับมาเป็นของข้าแน่”
“เจี้ยเอ๋อร์ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
หลังจากสหายรักกลับบ้านไปแล้ว หานเฟิงเสวียนก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนจะรีบเข้าห้องนอนมาหาภรรยาที่เขารักมาก แต่พอเข้ามาก็เห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเหม่อ
พอเสียงหวานของสามีเอ่ยทัก จ้าวไป๋เจี้ยก็ดึงสติกลับมา ตอนแรกก็กะว่าจะปล่อยผ่านสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูด แต่บางอย่างกลับกระตุ้นให้นางลองเอ่ยถามสามีให้รู้เรื่อง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกพี่ได้ทุกเรื่องนะ”
ชายหนุ่มเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเดียวกับภรรยา สีหน้าแววตาบ่งบอกว่าเป็นห่วงหญิงสาวมากเพียงใด
ไป๋เจี้ย มองสบสายตากับสามีอยู่เนิ่นนานจึงตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมา จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีก
“พี่เฟิงเสวียนคิดอย่างไรกับภรรยาของสหายพี่เจ้าคะ”
“ซูเม่ยนะหรือ” เฟิงเสวียนย้อนถาม ไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ ทำไมภรรยาถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา
“เจ้าค่ะ พี่ว่านางงดงามมากหรือไม่” หญิงสาวจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มอย่างค้นหาความจริง
“ก็ไม่เท่าไร ในสายตาของพี่ไม่มีใครงดงามเท่าเจี้ยเอ๋อร์แล้ว” ชายหนุ่มตอบออกมาตามความคิดของตน อยู่หมู่บ้านเดียวกันมา เขาไม่เคยชายตามองนางเลยด้วยซ้ำ
“ท่านพี่ เอาดี ๆ ซิเจ้าค่ะ”
“ก็นี้อย่างไร พี่ตอบไปแล้ว...เดี๋ยวนะ...ที่ถามแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเจ้าหึงหวงพี่”
หานเฟิงเสวียนยิ้มกว้างดีใจที่ได้เห็นมุมนี้ของภรรยาบ้าง หากนางหึงหวงย่อมแสดงว่านางรักเขามาก
“ไม่ใช่เสียหน่อย” หญิงสาวแสร้งเบือนหน้าหลบแววตาล้อเลียนของสามี
มือหนาเอื้อมไปจับปลายคางมน บังคับให้อีกฝ่ายหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับตน จ้องสบสายตากับดวงตาคู่งามอย่างหวานซึ้ง
“เจี้ยเอ๋อร์ พี่ดีใจนะที่เจ้าหึงหวงพี่ แต่เจ้าสบายใจได้เลย ชาตินี้ทั้งชาติหัวใจของพี่มีแต่เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น และพี่สัญญาจะไม่มีวันทำผิดต่อเจ้าเป็นอันขาด”
“ท่านพี่”
จ้าวไป๋เจี้ยแย้มยิ้มออกมาได้ ที่ได้ยินคำสัญญาหนักแน่นจากปากของสามี เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ว่าแต่มีรางวัลให้พี่หรือไม่ ที่พี่เป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทขนาดนี้”
หานเฟิงเสวียนพูดไป สองมือก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เริ่มจับนั้นจับนี้ หาทางปลดเสื้อผ้าของภรรยาออกจากตัว ดวงตาคมจ้องมองร่างบางอย่างหื่นกระหาย
“ไม่เบื่อหรือเจ้าค่ะ ทุกวันขนาดนี้”
จ้าวไป๋เจี้ยคร้านจะห้ามปราม เพราะถึงห้ามสามีก็ไม่ฟังอยู่ดี เขาจะหาทางหลอกล่อให้นางตกเป็นของเขาทุกครั้งจนได้
“ไม่เบื่อ พี่กินเจ้าอย่างไรก็ไม่รู้จักอิ่ม มีแต่จะต้องการเพิ่ม”
“พูดออกมาได้ หน้าไม่อาย”
“พี่ยอมรับ”
หานเฟิงเสวียนยอมรับออกมาหน้าตาเฉย พร้อมกับคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเขาที่เริ่มนอนทับร่างของภรรยาเอาไว้
ก่อนจะมีเสื้อผ้าถูกจับโยนออกมาจากผ้าห่มทีละชิ้น ๆ จนหมด ไม่นานหลังจากนั้นผ้าห่มก็เริ่มขยับตามจังหวะบั้นเอวของชายหนุ่ม พร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงหวานครวญครางออกมา แบบไม่ต้องเกรงใจผู้ใด...