บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 รักใส ๆ วัยมัธยม (3)

สมเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ

“แล้วนี่กินข้าวกันมายัง กินข้าวด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ” นางปวันรัตน์ชวนต่อ เพราะเมื่อก่อนธนาธิปก็เคยมากินข้าวบ้านของนางบ่อย ๆ แต่ตั้งแต่อีกฝ่ายไปเรียนต่อระดับมหาลัยก็เริ่มห่าง

“ขอบคุณครับแต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ พอดีแม่ทำกับข้าวรอเยอะเลย” และด้วยความที่น่าจะรู้ว่าบ้านนี้อาจจะชวนกินข้าว และไม่ได้แค่ชวนเป็นพิธีนะ แต่ชวนให้กินจริง ๆ ก่อนมาแม่ของเขาจึงเตือนว่าอย่าลืมกลับมากินข้าวที่บ้านนะ

“เลี้ยงต้อนรับลูกสะใภ้ล่ะสิ” นายวศพลที่แม้จะกินขนมอยู่กับลูกสาวก็ยังไม่วายแซวขึ้นมา นั่นทำให้สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันอย่างเขิน ๆ

“ก็ไม่รู้สิครับ”

การที่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธของธนาธิปทำให้กรรณิการู้สึกแน่นในอกไปหมด รู้สึกว่าถ้าเธอยังขึ้นมานั่งฟังธนาธิปสวีทกับแฟนสาวเธอต้องขาดใจตายแน่ ๆ จึงเก็บขนมที่เหลือใส่ถุงแล้วลุกขึ้น “หนูขอเอาขนมไปเก็บก่อนนะคะ”

“อ้าวเก็บไปหมดเลย” นายวศพลที่กำลังจะหันมาหยิบขนมกินบ่นขึ้น เลยโดนคนเป็นภรรยาบ่นกลับ “เหลือท้องไว้กินข้าวบ้างเถอะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

“กำลังอร่อยเลย” นายวศพลบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

“ถ้าหิวก็ไปหาข้าวกินโน้น” นางปวันรัตน์ไล่สามีที่คงจะหิวจริง ๆ นั่นแหละถึงกินขนมแบบเป็นจริงเป็นจัง เพราะปกติครอบครัวของนางเวลานี้ก็ตั้งโต๊ะกินมื้อเย็นกันไปแล้ว แต่วันนี้ช้ากว่าหน่อยเพราะต้องต้อนรับแขก

“งั้นลุงไปหาข้าวกินก่อนนะ” ได้ที่นายวศพลก็ลุกปุ๊บปั๊บ พร้อมกับตะโกนบอกลูกสาว “ดรีมกินข้าวลูก”

“หนูไม่กินได้ไหม กินขนมอิ่มแล้ว” กรรณิกาที่เดินสวนกับคนเป็นพ่อที่หน้าประตูห้องครัวปฏิเสธ และกำลังจะเดินเลี่ยงขึ้นบนห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงธนาธิปพูดแทรกขึ้นมา

“กินข้าวด้วยสิ กินแต่ขนมได้ขาดสารกันพอดี คราวหน้าเดี๋ยวไม่ซื้อขนมมาฝากเลย” ชายหนุ่มแกล้งขู่ แต่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วเขายังโดนมองค้อน

“ดรีมไม่ใช่เด็กเสียหน่อยไม่ต้องเอาขนมมาล่อเลย” พูดจบก็สะบัดหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้องไป

“นี่แหละที่เขาเรียกว่าเด็กน่ะ” ธนาธิปส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนเขาจะลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมารบกวนเวลาของทุกคนพอสมควรแล้ว และอีกอย่างที่บ้านก็คงรอกินข้าวอยู่เหมือนกัน “งั้นผมกับฝ้ายกลับก่อนนะครับ ไว้มาเล่นด้วยใหม่”

“วันหลังอย่าลืมมากินข้าวที่บ้านป้าด้วยนะ หนูฝ้ายด้วยนะ” ตอนท้ายนางปวันรัตน์หันไปชวนวัศยาที่นางค่อนข้างถูกชะตา ทั้งนี้คงเพราะหญิงสาวดูเป็นกันเองอีกทั้งคุยสนุกอีกด้วย

“ได้ค่ะ งั้นฝ้ายลานะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาผู้สูงวัยกว่าแล้วเดินจูงมือกับแฟนหนุ่มกลับบ้านที่อยู่ห่างกันเพียงแค่กำแพงกั้น

เมื่อแขกกลับไปแล้วนางปวันรัตน์ก็เก็บแก้วน้ำที่เอามาเสิร์ฟให้สองหนุ่มสาวพร้อมกับผลไม้อีกสองสามอย่างเข้าไปเก็บในครัว

“สรุปยัยดรีมไม่กินข้าวจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย” นางเอ่ยกับสามีเมื่อเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม

“คงอิ่มขนมนั่นแหละกินไปเยอะซะขนาดนั้น แต่ปกติอิ่มขนมยังไงก็กินนะ” นายวศพลขมวดคิ้วราวกับสงสัย ก่อนจะโคลงศีรษะไปมาแล้วเลิกคิดก่อนจะกินข้าวต่ออย่างไม่ติดใจอะไร ผิดกับนางปวันรัตน์ที่เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของคนเป็นลูกสาวมาตลอด จะถามหยั่งเชิงสามี “เพราะอะไรล่ะถึงไม่มากิน”

“สงสัยขนมจะอร่อยเลยกินเยอะเป็นพิเศษนั่นแหละ หน้าบึ้ง ๆ ด้วยสงสัยอิ่มจนแน่นท้อง” นายวศพลตั้งขอสันนิษฐาน

“จ้ะ” นางปวรัตน์ส่ายหน้าให้กับความไม่รู้ ไม่เอะ อะไรบ้างเลยของสามี ว่าที่ลูกสาวมีอาการอย่างนี้ เพราะอะไรหรือเพราะใคร “รีบกินจะได้รีบไปนอน” นางไล่อย่างหมั่นไส้

“ไม่ ๆ อิ่มแล้วจะแวะไปดูอีสีนวลมันหน่อยไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้เช้าคงคลอดให้ไอ้โตมันเฝ้าอยู่” นายวศพลเอ่ยถึงแม่วัวที่ตั้งท้องมานานใกล้คลอด คืนนี้ถ้าไม่คลอดก็คงได้นอนเฝ้ากันยาว ๆ

“งั้นเดี๋ยวกินข้าวอิ่ม แม่จะไปเตรียมของให้แล้วกัน” นางบอกอย่างรู้หน้าที่ เพราะการที่สามีไปนอนเฝ้าวัวในฟาร์มมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยจนชินแล้ว และหลังจากนั้นคืนนี้นางก็ว่าจะแวะไปคุยกับลูกสาวเสียหน่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel