เด็กรับใช้
แต่ที่เขารับไม่ได้ก็คือ การที่เจ้าสัวศักดิ์ดา ผู้ซึ่งรู้ดีแก่ใจว่า ทิพย์นภา ภรรยาที่เป็นคู่ทุกคู่ยากของเขา กำลังป่วยใกล้ตายด้วยโรคร้าย แต่ยังเลือกที่จะละเลยทอดทิ้ง โดยไปขลุกเสพสุขอยู่กับบุษบาเลขาฯ สาวส่วนตัว ที่ใช้มารยาหญิงยั่วยวนให้เศรษฐีใหญ่หลงหัวจนโง่หัวไม่ขึ้น
สร้างความร้าวฉานจนทำให้เมียหลวงต้องทุกข์ทั้งร่างกายและจิตใจ หมดกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้าย กระทั่งตรอมใจตายในที่สุด
การที่มารดาจากไปด้วยความเศร้า สำหรับทิม สิ่งเลวร้ายที่เกิดกับแม่ ทำให้เขาไม่มีวันยอมรับผู้หญิงไร้ยางอายกับลูกชายของหล่อน เป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเขา
หลายปีต่อมา
เย็นวันหนึ่ง ณ จุดรอรับผู้โดยสารฝั่งขาเข้าระหว่างประเทศ ภายในท่านอากาศยานนานาชาติของประเทศไทย
หนุ่มผิวขาวตัวผอมบางนั่งจ้องมองจอแสดงตารางเที่ยวบิน ที่แจ้งให้ทราบว่าไฟล์ทบินที่หลายคนกำลังรอคอยได้ลงจอดบนรันเวย์ของสนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีนขยับแว่นสายตาก้มมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ สลับกับมองไปยังช่องประตูผู้โดยสารขาเข้าด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้น
ใจหนึ่งรู้สึกโล่งอกที่เที่ยวบินของคนที่ตัวเองมารอรับ เดินทางมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
แต่อีกใจกลับประหม่าระคนหวั่นเกรง เนื่องด้วยไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้โดยสารคนที่เขากำลังรอรับอยู่
มีนไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้เขามีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
วันนี้เป็นวันที่ทิมทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวศักดิ์ดาเดินทางกลับมาประเทศไทยหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว
แต่วันสำคัญเช่นนี้ผู้ใหญ่ในครอบครัวกลับไม่ได้อยู่ต้อนรับการกลับมาของเขา เนื่องด้วยมีเหตุจำเป็นให้ต้องยกขบวนเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อร่วมงานศพของคนรู้จัก
เดิมทีหน้าที่ขับรถมารับทิมที่สนามบินไม่ใช่หน้าที่ของมีน แต่เนื่องจากลุงผลคนขับรถเก่าแก่ของบ้านโรจน์พาณิชย์ เกิดท้องเสียกระทันหัน ส่วนคนขับรถคนอื่น ๆ ไม่มีใครว่างและคนงานในบ้านส่วนใหญ่ขับรถยนต์ไม่ค่อยได้ มันทำให้หน้าที่นี้ตกเป็นของมีนโดยปริยาย
ก่อนมาที่สนามบิน ลุงผลคนขับรถให้อ่านแชทสนทนาเพียงสั้นๆ ที่พูดคุยลุงแกคุยกับทิม
ลุงผล : ลุงได้เวลาลงเครื่องมาแล้วนะคุณทิม เดี๋ยวค่ำพรุ่งนี้ลุงจะไปรอรับที่ตำแหน่งเดิมนะครับ
ทิม : ไม่ต้องมารับหรอกลุง ผมไปเองได้
ลุงผล : ไม่ลำบากครับผม คุณทิมกลับมาทั้งที ลุงอยากกลับไปรับให้เหมือนตอนไปส่ง
ทิม : อืม งั้นก็ตามใจลุงแล้วกัน
เป็นข้อความสนทนาที่สั้นซะจนมีนทึ่ง
แต่ก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะทิมไม่ใช่คนพูดมาก หากจะพิมพ์คุยกันก็คงไม่ได้พิมพ์ยาวนัก
และที่ผ่านมาลุงผลคอยทำหน้าที่เทียวรับ-เทียวส่งคุณทิมของแกเวลาไปมาที่สนามบินเสมอ ซึ่งคุณทิมของลุงผลก็ไม่ได้ขัดความตั้งใจที่ลุงแกอยากจะขับรถไปรับที่สนามบิน
๐๐๐๐๐
อย่างไรก็ตาม
มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกใครว่าคนเป็นน้องชาย (ไม่แท้) แต่กลับไม่ได้มีช่องทางการติดต่อส่วนตัวกับพี่ชายต่างสายเลือดของตน มีนจึงไม่ได้แจ้งเรื่องการเปลี่ยนตัวคนขับรถกะทันหันให้คนปลายทางรับรู้
จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง
อันที่จริงต้องบอกว่ามีนมีเบอร์ติดต่อของทิม แต่ไม่เคยติดต่อพูดเคยกันเลยสักครั้ง และเบอร์ที่มีก็เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทย
ซึ่งก็เดาใจไม่ออก ว่าอีกฝ่ายเมื่อลงเครื่องมาแล้วจะเปลี่ยนไปใช้ซิมเบอร์โทรศัพท์ของไทยทันทีเลยรึไม่
ส่วนช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ลืมไปได้เลย
กระทั่งโทร.คุยมีนยังแทบไม่เคยคุย แล้วจะเอาความกล้าจากไหนมาทักเข้าไปพูดคุยกับเขาในช่องทางติดต่ออื่น ๆ จึงได้ยืมโทรศัพท์มือถือของลุงผลนำติดตัวมาด้วยกันเหนียว
หลังเครื่องลงจอดนานเกือบยี่สิบนาที ผู้โดยสารทยอยเดินทางออกมาจนประตูผู้โดยสารฝั่งขาเข้าเปิดอีกอีกครั้ง
ระหว่างที่มีนยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความกระวนกระวายใจอยู่นั้น โทรศัพท์ของลุงผลก็ดังขึ้น
ซึ่งชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือ ‘คุณทิม’
มีนเลิ่กลั่กกดรับสายอย่างเก้กัง แต่ไม่ทันได้กรอกเสียงพูด ปลายสายก็แทรกขึ้นมาซะก่อน
“ผมมาถึงแล้วลุงผล ลุงไปรอที่เดิมก่อนนะ อีกสิบนาทีผมจะออกไป” ปลายสายโทร. มาแจ้งเพียงเท่านั้นและตัดสายไป ไม่ได้แยแสที่จะอยากรู้ด้วยซ้ำว่าคนที่รับสายเป็นใครหรือโทร.มาถูกหรือไม่
แต่หลังทราบความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย มีนจึงรีบสาวเท้าเดินออกจากตัวอาคารไปรออยู่ด้านนอกตรงที่นัดหมาย
ไม่นานคนที่มีนกำลังรอด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากเจอ ก็เดินเข็นกระเป๋าสัมภาระมายังจุดที่เขานัดพบกับลุงผล
ทิมสวมแจ็คเก็ตหนังทับเสื้อยืดสีขาวแบรนด์ดัง ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบดูสบาย ๆ ด้วยสไตล์การแต่งตัวและรูปร่างสูงตระหง่านจึงดูคล้ายกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นหัวนอก
“ทำไมเป็นนาย...” คนตัวสูงถามพลางชักสีหน้าตึงจนมีนประหม่าเผลอขยับแว่นตาเพื่อหลบเลี่ยงสายตาดุดันของพี่ชายต่างสายเลือด
“สวัสดีครับพี่ทิม ยินดีต้อนรับกลับประเทศไทยนะฮะ” มีนก้มหัวยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายตามมารยาท
แน่นอนว่าทิมไม่ได้ใส่ใจที่จะรับไหว้ แต่เขาเร่งถามมีนว่าลุงผลอยู่ที่ไหน
“ลุงผลแกท้องเสีย แกวานให้มีนมารับพี่ทิมแทนแก” มีนชี้แจง
“นายเนี่ยนะขับรถมารับฉัน”
“ครับ”
“เหอะ ลุงผลนี่ยังไง บอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ ถ้าตัวเองมาไม่ได้ก็น่าจะส่งข้อความมาบอกกันบ้าง ฉันจะได้ให้คนอื่นมารับ หรือไม่ก็นั่งรถไปเอง เมื่อกี้โทร.หาก็น่าจะรีบบอก”
คนเพิ่งมาถึงขยับตัวเท้าสะเอวคล้ายไม่สบอารมณ์ อันที่จริงดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกรธเรื่องลุงผลท้องเสีย แต่คงไม่สบอารมณ์ที่เห็นว่าคนที่มารับเขากลับเป็นมีนมากกว่า
“มีนขอโทษที่ครับ พอดีว่าโทรศัพท์ของลุงผลอยู่ที่มีน...”
หนุ่มน้อยเอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว ไม่อยากย้อนว่าเพราะทิมนั่นแหละที่ชิงตัดสายไปเสียก่อน ใครมันจะไปทันได้พูดหรือบอกอะไรให้รู้
“ถ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดจะมาขอโทษทำไมมิทราบ!”
คนปากร้ายไม่วายแดกดันจนมีนทำตัวไม่ถูก ก่อนที่สถานการณ์น่าอึดอัดจะย่ำแย่ไปกว่านี้ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่
“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณทิม” ผู้หญิงสวยในชุดแอร์โฮสเตสของสายการบินแห่งหนึ่งเดินลากกระเป๋าเข้ามาพูดคุยกับเขา
“ไหนคุณทิมบอกว่า ลุงคนขับรถที่บ้านจะมารับไม่ใช่เหรอคะ แล้วหนุ่มน้อยคนนี้ใครกันคะ น่าตาน่ารักเชียว” แอร์สาวยิ้มถามขณะมองมีน
“ก็แค่เด็กรับใช้ที่บ้านน่ะ” ทิมไม่ลังเลที่จะแนะนำสถานะของมีนอย่างส่งเดช
“สมกับเป็นบ้านมหาเศรษฐีหมื่นล้าน แม้แต่เด็กรับใช้ก็ยังหน้าตาผิวพรรณดี” แอร์สาวกล่าวชมด้วยรอยยิ้ม
“ลุงคนขับติดธุระเลยให้เด็กนี่มาแทน”
“อ้าว งั้นเหรอคะ แล้วที่นี้จะเอายังไงดี เมญ่าเหนื่อยแล้วด้วย อยากกลับไปพักเร็ว ๆ จัง”
แอร์สาวกอดแขนออเซาะทิมอย่างโจ่งแจ้ง จนมีนเบือนหน้านี้ เพราะไม่อยากล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ก่อนจะถูกทิมออกปากไล่ให้รีบไปขับรถเอามารับเขากับคุณแอร์คนสวย