หน้าไม่อาย
เดิมทีมีนคิดว่าทิมจะเหวี่ยง หรือหาเรื่องด้วยการเรียกใช้บริการรถขนส่ง หรือไม่ก็ต้องการความเป็นส่วนตัวจนไล่มีนลงจากรถ แล้วเปลี่ยนไปเป็นคนขับพาแอร์สาวเมญ่าไปที่บ้านเสียเอง
แต่ทิมไม่ได้ทำเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าเขายังคงสนุกที่ได้ใช้โอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการหาเรื่องโขกสับใช้งานน้องชายต่างสายเลือดคนนี้ให้สาแก่ใจเล่น
มีนจำใจรับบทบาทเป็นสารถี ขับรถพาทิมและแอร์สาวมุ่งหน้าไปยังบ้านโรจน์พาณิชย์ ซึ่งบรรยากาศภายในรถทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง
เพราะตลอดทาง สองชายหญิงที่นั่งอยู่เบาะโดยสารตอนหลัง เอาแต่นั่งคลอเคลียกัน ราวกับไม่เกรงใจคนขับที่นั่งเป็นหัวหลักหัวตอบ้างเลย
“เปิดเพลงหน่อย” คนตัวสูงที่นั่งเบาะหลังสั่ง
“ครับ...?”
“ฉันบอกให้เปิดเพลง” เขาย้ำเสียงกระด้าง
“...ครับได้ครับ” มีนตอบรับโดยพลัน ทำตามที่คนเบาะหลังสั่งในทันที แต่ดนตรีบรรเลงได้ไม่นานก็ต้องรีบปิดเพราะคนเบาะหลังบ่นว่าเพลงไม่เร้าใจ จึงสั่งให้มีนหยุดรถเพื่อทำการเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลงของทิมผ่านลำโพงของรถ
ครั้นสมใจเหตุการณ์ในรถก็กลับเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง
ข้างนอกฟ้ามืดนานแล้ว มีนทำตัวเป็นผู้ขับขี่ที่ดี แต่ไม่มั่นใจว่าคนที่นั่งอยู่เบาะผู้โดยสารตอนหลัง จะเป็นผู้โดยสารที่ดีได้หรือไม่
บทเพลงภาษาอังกฤษ เนื้อเพลงและท่วงทำนองช่างเย้ายวนชวนให้คิดดีไม่ค่อยได้
‘โอ้ที่รัก ฉันพร้อมแล้ว มาสิ ฉันมาหาฉัน มาหลอมรวมร่างกายและจิตใจของพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนเมื่อครั้งวันวานที่ความรักร้อนแรงของคุณทำให้ฉันนอนหลับฉันดี~’
“......” มีนพยายามไม่คิดลึก มองโลกในแง่ดีว่าเนื้อหาในบทเพลงภาษาอังกฤษของนักร้องหลาย ๆ คนก็มักจะมีความหมายลึกซึ้ง สองแง่สองง่าม ให้ได้ตีความหมายสนุก ๆ อยู่แล้ว
ขณะที่คนขับตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปตามเส้นทาง
สองคนที่เบาะตอนหลังที่ก่อนหน้านี้หัวเราะต่อกระซิกกันมาสักระยะ ก็เริ่มเงียบเสียงลงไปแล้ว
มีนคิดว่าพวกเขาคงเหนื่อยจากการเดินทางจึงผล็อยหลับไป จึงแอบมองส่องกระจกหลัง ทว่ากลับได้เห็นภาพที่ไม่เหมาะไม่ควรเข้าโดยไม่ตั้งใจ
แอร์สาวสวยที่ควรจะเอนหลังหลับงีบเคียงข้างกับทิม
ในตอนนี้คุณเธอนั่งก้มตัวซุกหน้าแนบมุดหว่างขาของทิมในลักษณะที่ไม่ได้ก้มเก็บของแน่ ๆ เส้นผมของแอร์สาวที่เคยรวบตึง ตอนนี้ถูกปล่อยให้ยาวสยาย ราวกับจงใจใช้ส้นผมปิดบังสายตาของคนที่เป็นส่วนเกินภายในรถ
มีนก็ไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะดูไม่ออกว่าจังหวะในการโยกศรีษะขึ้นลงของแอร์สาว มันเป็นลักษณะของคนที่กำลังทำอะไรกันอยู่
เฮือก!
“......”
ทันทีที่เห็นภาพนั้นมีนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบเบือนสายตาไปทางอื่น ทั้งยังเพิ่มระดับเสียงเพลงในรถให้ดังยิ่งขึ้น เพราะว่าไม่อยากได้ยินเสียงประหลาดจากการกระทำของพวกเขาทั้งสอง
มีนไม่กล้ามองคนเบาะหลัง เพราะหวั่นใจกลัวว่าจะไปสบเข้ากับสายตาดุดันของผู้โดยสารชายที่จ้องจะกินหัวของเขาในทุกจังหวะของชีวิต
“เฮ้ย!”
นั่นไงว่าแล้ว ไม่ทันขาดคำก็ถูกคนนั่งเบาะหลังเรียกด้วยน้ำเสียงจิกหัว
“ค-ครับ?!”
“เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อในปั๊มนั้นสักแปบ”
“พี่ทิมหิวเหรอฮะ”
“ไม่ต้องถาม ฉันสั่งอะไรก็ให้ทำตาม”
“ด-ได้ครับ” เพราะไม่อยากถูกเฉ่ง มีนจึงทำตามที่เขาสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
สารถีหนุ่มขับรถเลี้ยวเข้าไปยอดยังหน้าร้านสะดวกซื้อที่เปิดข้างปั๊มน้ำมัน รถจอดพักตรงที่จอด แต่มีนยังคงไม่กล้าหันหลังมองความเคลื่อนไหวของชายหญิงที่อยู่เบาะด้านหลัง
“ถ-ถึงแล้วครับ”
“ลงไป” เจ้าของเสียงดุสั่งการทันครัว
“หา?”
“ตรงนั้นเป็นร้านขายยา ลงไปซื้อถุงยางให้ฉันหน่อย”
“เอ๋?! ด-เดี๋ยวสิครับ เรื่องแบบนี้มัน...”
“ฉันยังไม่ได้แลกเงินไทย ฉันสั่งอะไรก็รีบไปทำ อย่าพูดมาก”
“แต่ว่า...มีนไม่เคยไปซื้อของแบบนี้ มีนซื้อไม่เป็น” มีนอิดออดด้วยความไม่สบายใจ
“คุณทิมไปใช้น้องเขาแบบนี้จะดีเหรอคะ? อึก อ่อกส์ อื้ออ~” ผู้หญิงที่ซุกหน้าซบหว่างขาแกร่งขยับปากพูดแซว แต่ตอนท้ายถูกมือของทิมกดหัวให้เธอกลับไปใช้ปากทำเรื่องสนุกให้เขาต่อ
“หมอนี่เป็นเด็กรับใช้ของผม ว่าไงถ้ายังไม่เคยก็เคยไว้ อย่ามาทำตัวสนิมสร้อย บอกพนักงานว่าซื้อถุงยางอนามัยไซส์ 56 เขาก็หยิบให้เอง รีบไปสิ!” คนนั่งเป็นราชาอยู่เบาะหลังจิกหัวใช้
ครั้นมีนจะไม่ออกไปซื้อให้เขาก็เกรงว่าจะเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายจึงจำต้องแบกหน้าไปซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านขายยาที่ว่า และอับอายหนัก เมื่อต้องแจ้งไซส์ให้คนขายที่เป็นผู้ชายแล้วถูกสายตาของอีกฝ่ายมองกลับมา คล้ายกับไม่อยากเชื่อว่าคนหนุ่มตัวเล็กที่ดูผอมบาง จะซ่อนรูปด้วยการมีขนาดน้องชายที่ไซส์เกินตัวเช่นนี้
แต่มีนไม่ได้ออกตัวใด ๆ เขารีบซื้อรีบจ่ายเงินและรีบกลับไปขึ้นรถ
“นี่ครับ” หนุ่มน้อยก้มหน้าขณะยื่นมือเอากล่องถุงยางอนามัยไซส์ตามความประสงค์ของทิมส่งให้อีกฝ่าย
คนนั่งเบาะด้านหลังรับไปโดยไม่กล่าวถ้อยคำขอบคุณ ก่อนจะสั่งการให้มีนขับรถออกไปจากสถานที่นี้
มีนทำตาคำสั่งของอีกฝ่ายแต่โดยดี