03 หยิ่งเหรอ?
วันหยุด...ที่สวนสาธารณะ
น้ำเพชรเดินออกมานั่งรับลมอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ เธอชอบออกมานั่งเล่นอยู่ตรงนี้เป็นประจำ
วันนี้เธออยู่บ้านคนเดียวเพราะแม่ต้องไปทำโอทีที่โรงงาน
ตึบ ตึบ ตึบ
เด็กสาวเอียงหูเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินฝีเท้าของคนกำลังวิ่งมาตรงที่เธอยืนอยู่ แล้วเสียงนั้นก็ผ่านหน้าเธอไป
ก็คงจะเป็นคนที่มาวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะตามปกติ
"บ้านเธออยู่แถวนี้หรอ?"
"....." น้ำเพชรไม่ได้ตอบ เพราะคิดว่าเจ้าของเสียงนั้นอาจจะไม่ได้คุยกับเธอ เขาอาจจะมีคนมาด้วย
"ถามไม่ตอบ"
"....." น้ำเพชรรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกับเธอ แต่น้ำเสียงนี้มันดูไม่คุ้นหูเอาซะเลย
"น้ำเพชร!"
"อุ้ย!" เธอตกใจสะดุ้งจนหัวไหล่สั่น เมื่อจู่ๆ ก็ถูกตะคอกอย่างแรง และก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใคร "นารายณ์หรอ?"
"เออ! คุยด้วยตั้งนานแล้วไม่เห็นตอบ หยิ่งเหรอ?"
"เปล่าๆ เราคิดว่านายคุยกับคนอื่น" ถ้าเธอขานตอบรับไปแล้วมันไม่ใช่ขึ้นมาจะหน้าแตกขนาดไหน
"แถวนี้มีใครซะที่ไหน ถ้าฉันไม่คุยกับเธอแล้วฉันจะคุยกับผีที่ไหนล่ะ!"
"ขอโทษๆ นายมาวิ่งออกกำลังกายหรอ?"
"มีตาก็มองดูเองสิ"
"....." น้ำเพชรนั่งเงียบทันที แสดงว่านารายณ์ยังไม่รู้ว่าเธอมองไม่เห็น
แต่ทำไมคำพูดและน้ำเสียงของเขาดูดุดันเหมือนกับว่าไม่พอใจเธอมาตั้งแต่ชาติปางไหน
"ฉันถามว่าบ้านเธออยู่แถวนี้หรอ?"
"อื้อๆ บ้านเราอยู่ติดกับสวนสาธารณะเลย ก็เลยออกมานั่งเล่นทุกวัน"
"อ่อ"
"เรากลับบ้านก่อนนะ"
"เออ"
น้ำเพชรลุกเดินแล้วก้าวนับก้าวของตัวเองไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ นารายณ์ก็ได้แต่มองแล้วสงสัยการกระทำของน้ำเพชร
"นี่เธอผลิตขึ้นมาจากหุ่นยนต์หรือไงกันยัยบื้อ!" เขาบ่นใส่เธอก่อนจะหันไปวิ่งต่อ
นารายณ์เป็นลูกครึ่งที่หน้าตาไม่ได้ออกฝรั่งเลย มีเพียงความสูงและรูปร่างที่คล้ายฝรั่ง ถึงจะอายุแค่ 17 แต่เขาก็ดูแลตัวเองดูแลหุ่นสัดส่วนของร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี
_______________________
ตกเย็น
นารายณ์มาวิ่งที่สวนสาธารณะอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเห็นน้ำเพชรนั่งฟังเพลงอยู่ที่นอกรั้วไม่ได้เข้ามาในสวนสาธารณะ
เธอนั่งฟังเพลงแล้วยิ้มพร้อมกับร้องเพลงตามดูเผินๆ ก็เหมือนกับว่าเธอกำลังคุยกับใครสักคนพร้อมกับสีหน้าและแววตาที่ดูมีความสุข
"เหอะ! เด็กเรียนอย่างเธอมีแฟนแล้วเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ ใครกันช่างกล้าเอายัยเฉิ่มซุ่มซ่ามอย่างเธอเป็นแฟน"
"น้ำเพชรลูกมากินข้าวได้แล้ว"
"....." เขาหยุดยืนมองเมื่อมีเสียงเรียกออกมาจากในบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ สวนสาธารณะ
น้ำเพชรเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันที เธอสบตากับเขาแต่ไม่มีท่าทีสีหน้าอะไรเลย เธอเดินกลับเข้าไปเฉยๆ ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนยืนอยู่ตรงนั้น
"เหอะ! ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนเธอกลับไม่สนใจ นี่เธอจะหยิ่งไปถึงไหนยัยน้ำเพชร!" เพราะท่าทีของเธอที่เป็นแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกอยากจะแกล้งอยากจะทำทุกทางเพื่อให้เธอสนใจและเพื่อให้ตัวเองมีตัวตนในสายตาของเธอ
แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งๆ เธอก็ไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาของเธอเลย
ทุกครั้งที่เดินผ่านกันก็ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าที่เดินผ่านกันไปมา เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นชาจากตัวของเธอ
บ้านนารายณ์
"เดี๋ยวนี้ออกไปวิ่งออกกำลังกายนอกบ้านแล้วหรอ?"
"ครับ" นารายณ์ไม่ค่อยถูกชะตากับพ่อของตัวเอง เพราะเขามักจะทำตัวขัดกับสิ่งที่พ่อต้องการตลอด ไม่ว่าจะการเรียนรู้เรื่องในบ้าน
เขามีน้องสาวอยู่ 1 คนที่อายุห่างกัน4 ปี และดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะรักลูกสาวมากกว่าลูกชายอย่างเขา
"ปิดเทอมนี้พ่อจะให้แกไปเรียนแลกเปลี่ยนที่สิงคโปร์"
"ผมไม่ไปครับ ผมจะอยู่บ้าน"
"แกไม่ขัดฉันสักอย่างจะได้มั้ย?"
"แล้วทำไมพ่อต้องมาบังคับผมด้วยครับ ชีวิตผมผมควรเลือกเองไม่ใช่หรอ?"
"ถ้าให้แกเลือกชีวิตของตัวเอง มันก็คงจะชิบหายหมดแหละ!"
"....." บางทีคำพูดจาแรงๆ ที่ออกมาจากปากของคนในครอบครัวก็ทำให้รู้สึกแย่ได้
"เพราะฉันรักแกฉันถึงต้องทำแบบนี้! แกจะได้มีอนาคตที่ดี ได้ทำงานดีๆ"
"ผมไม่ไป!" เขาปฏิเสธผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไปโดยที่ไม่หยุดฟังเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อเลย
เวลาต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"นารายณ์ลูกนี่ย่าเองนะ"
"ครับย่า" เขาวางปากกาลงบนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดประตูห้อง "ย่ามีอะไรหรือเปล่าครับ?"
"ทำอะไรอยู่ลูกทำไมไม่ลงไปกินข้าว"
"ผมไม่หิวครับ"
"ทะเลาะกับพ่ออีกแล้วสินะ"
"ครับ พ่อจะให้ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่สิงคโปร์ตอนปิดเทอม"
"เดี๋ยวย่าจะช่วยพูดกับพ่อของเราให้"
"ขอบคุณครับย่า"
"แต่ที่พ่อของเราทำแบบนี้ก็เพราะว่าพ่อของเรารักเรามากนะ อยากให้เรามีอนาคตที่ดีมีงานทำที่มั่นคง อีกอย่างได้เรียนรู้เยอะๆ มันก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว"
"ผมอยากเลือกทางเดินชีวิตเองครับย่า ผมไม่ชอบโดนบังคับแบบนี้ย่าก็รู้ แต่พ่อก็คอยบังคับผมอยู่ตลอดเลย"
"ตั้งแต่เสียแม่ของเราไปพ่อของเราก็กลายมาเป็นคนแบบนี้ เพราะกลัวว่าจะเสียเราทั้งสองคนไป"
"....."
"เอาล่ะๆ ทำการบ้านอยู่หรอย่าไม่กวนแล้ว ย่าเอานมกับขนมมาให้กินก่อนนอนจะได้ไม่หิว"
"ขอบคุณครับย่า" เขารับถาดขนมที่ย่ายกมาให้เดินกลับเข้าไปด้านในทันที
ถึงพ่อของเขาจะมีเหตุผลมากพอหรือเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากถูกบังคับอยู่ดี
หลายครั้งที่ต้องทะเลาะกับผู้เป็นพ่อจนบางครั้งเขาแทบจะไม่อยากอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ก็ยังมีย่าคอยปลอบใจคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ
เขาอยากเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีใครคอยวางแผนคอยนำทางหรือคอยเลือกให้ ผิดหรือถูกเขาอยากเป็นคนเรียนรู้เองมากกว่า อย่างน้อยการเรียนรู้ในชีวิตจริงมันก็ดีกว่าคำพูดที่เล่าต่อๆ กันมา
"แม่ครับ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ผมคิดถึงแม่จังเลย ทำไมแม่ต้องจากผมไปด้วย" หลังจากที่คลอดน้องสาวของเขามาได้ไม่นานแม่ของเขาก็เสียไปเพราะมีภาวะตกเลือดหลังคลอด และมันก็ไม่มีปาฏิหาริย์อีกเลย