รักบริสุทธิ์

95.0K · จบแล้ว
น้ำผึ้งสีเลือด
60
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อ 'เขา' ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าผู้หญิงที่แอบหลงรักเธอเป็นคนตาบอด 'เธอ' ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะหางานทำดีๆ และมีเงินไปผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา ( ถ้ามีคนมาบริจาค ) ภายนอกดูเป็นคนหยิ่ง ไม่สนใจใคร ไม่พูดไม่จากับใคร และคนรอบข้างดูแลและใส่ใจเธอเป็นพิเศษราวกับว่าเธอเป็นคนสำคัญ 'เธอ' ชอบทำเมิน แต่ 'เขา' ก็รัก การกระทำของเธอมันทำให้เขาอยากแกล้ง เพื่อให้เธอมีรอยยิ้ม แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าเธอตาบอด

นิยายรักโรแมนติกประธานคนต่ำต้อยนางเอกเก่งรักหวานๆดราม่ารักแรกพบโรงแรม/มหาลัยเด็กเรียน

01 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

เกิดมาก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เดินอยู่ดีๆ ก็ถูกลูกหลงจากนักเลงที่กำลังไล่ตีกัน เศษแก้วแตกกระเด็นเข้าตาเธอทั้งสองข้างทำให้บอดสนิท และต้องใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดเพื่อรอให้คนใจดีมาบริจาคดวงตา

เรื่องคดีไม่ไปถึงไหนเพราะแม่ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างทนายเดินเรื่อง จึงปล่อยให้เรื่องมันเลยตามเลยมาจนถึงทุกวันนี้

เธอชื่อ น้ำเพชร ปัจจุบันนี้เธออายุแค่ 17 เท่านั้น แม่ของเธอเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งรายได้ต่อเดือนก็ไม่มากเท่าไร แถมตอนนี้ยังต้องคอยดูแลเธอที่ตาบอดด้วย

ตอนนี้ก็ครบ 1 ปีแล้วที่น้ำเพชรมองไม่เห็น การไปเรียนของเธอก็ลำบากเหมือนกันแต่เธอก็ใช้การจดจำและนับก้าวเดินเอา เรียกได้ว่าเธออัจฉริยะในการฟังและสัมผัสกับสิ่งรอบตัว และต้องใส่หมวกเพื่อปิดบังแสงไม่ให้เข้าดวงตาของเธอมากจนเกินไป

คุณครูจะสั่งให้เธอทำรายงานหรือการบ้านเป็นการส่งข้อความเสียงหรือคลิปวิดีโอเท่านั้น เพราะน้ำเพชรมองไม่เห็นที่จะเขียนหนังสือได้ ไปโรงเรียนเธอก็ทำได้เพียงนั่งฟังคุณครูอธิบาย

เพื่อนๆ ของเธอรู้ดี แต่ก็ยังมีเพื่อนบางกลุ่มที่คอยจะรังแกเธอ พวกที่ชอบรุมรังแกคนที่ไม่มีทางสู้

และหนึ่งในนั้นก็คือ นารายณ์ เขาเป็นนักเรียนเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้เพียงเทอมเดียว แต่เพราะทางบ้านมีเงินและหน้าตาที่หล่อเหลา ทำให้เขามีคนอยากเข้าหาทั้งนั้น

และก็มีกลุ่มเพื่อนๆ ของตัวเอง

_____________________

"น้ำเพชรลูกมากินข้าว"

"จ้ะแม่" เธอตะโกนตอบกลับผู้เป็นแม่ ก่อนจะค่อยๆ ลุกเดินจากเก้าอี้ เดินออกไปด้านนอกด้วยความชำนาญ

เธอแทบจะไม่ใช้ไม้เลยทุกครั้งที่เดินไปไหน การจดจำและการสัมผัสด้วยเสียงคือสิ่งสำคัญที่สุด

"ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?"

"เสร็จแล้วจ้ะแม่ เสร็จได้สักพักแล้ว"

"คุณครูว่ายังไงบ้าง เทอมนี้สอบผ่านมั้ย"

"คุณครูยังไม่บอกเลยจ้ะแม่"

"อ๋อ"

ร่างกายพิการไม่ได้ทำให้การเรียนของเธอแย่ลงเลย คุณครูแต่ละคนยังเอ่ยปากชมด้วยซ้ำที่เธอยังสามารถเรียนได้ดีเหมือนเดิมที่เคยเรียนมา เธอสอบได้ที่ 1 ทุกปี

"วันเสาร์อาทิตย์แม่จะไปทำโอนะ เดี๋ยวแม่จะทำข้าวใส่กระปุกวางไว้บนโต๊ะนะ เหมือนที่เคยทำนั่นแหละ"

"จ้ะแม่" แม่ของเธอจะเอาข้าวใส่กล่องพร้อมกับข้าววางไว้บนโต๊ะ 2 กล่อง พอถึงเวลากินข้าวเธอก็จะเดินออกมากินโดยที่ไม่ต้องเดินไปหยิบเอง

กินข้าวตรงเวลาบ้างไม่ตรงเวลาบ้างมันก็เป็นปกติของเธออยู่แล้ว เพราะเธอไม่รู้เวลาหิวตอนไหนก็กินตอนนั้น แต่ตอนอยู่ที่โรงเรียนเธอจะกินข้าวตรงเวลา พอถึงเวลาพักเที่ยงเธอก็นั่งกินข้าวอยู่ในห้องเรียนเงียบๆ คนเดียว ส่วนเพื่อนก็ออกไปกินข้าวด้านล่างที่โรงอาหารตามปกติ

"แม่ว่าจะลองไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกที เผื่อว่าจะมีคนใจดีมาบริจาคดวงตาให้แล้ว"

"ยังไม่ต้องรีบก็ได้จ้ะแม่ อยู่แบบนี้หนูก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย อาศัยความเคยชินเอา"

"แต่มันก็ยังลำบากอยู่ดี ดวงตามันสำคัญกับเรามากเลยนะลูก"

"....."

การรับบริจาคดวงตามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าจะมีคนบริจาคมาให้ก็ต้องรอไม่รู้นานเท่าไรถึงจะได้มา

หรือบางทีอาจจะไม่มีเลยก็ได้

"จบมัธยมแล้วหนูไม่เรียนต่อนะแม่"

"ทำไมล่ะลูก?"

"หนูไม่อยากหาภาระให้แม่อีก ยิ่งเรียนสูงค่าใช้จ่ายก็ยิ่งเยอะมากขึ้น หนูเองก็ช่วยแม่ทำงานไม่ได้ ให้หนูคอยอยู่ทำงานบ้านแทนแม่ดีกว่า"

"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูก แม่เองก็ไม่อยากให้หนูไปไหนไกลเหมือนกันแม่เป็นห่วง"

ถ้าเธอจะเรียนต่อมหาลัยเธอก็จะต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่นซึ่งไกลหูไกลตาผู้เป็นแม่

ตอนนี้เธอได้ทุนเรียนฟรีที่คุณครูประจำชั้นขอไว้ให้ แต่ถ้าเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเธอก็คงจะต้องจ่ายค่าเทอมเอง

"เราย้ายออกไปอยู่ที่อื่นกันดีมั้ยจ๊ะแม่"

"มีอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมถึงอยากย้ายไปอยู่ที่อื่นล่ะ"

"ไม่รู้เหมือนกันสิจ๊ะแม่ หนูแค่อยากหาที่สงบๆ อยู่"

"ถ้าอย่างนั้นก็เอาไว้หนูได้ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาก่อนนะลูก แล้วเราค่อยไปหาที่อยู่ใหม่กัน"

"จ้ะแม่" ถึงแม้การรับบริจาคดวงตามันจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆที่เธอมีมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แต่เธอก็จะรอต่อไปจนกว่าจะได้ดวงตาใหม่มาเปลี่ยน หรือไม่ก็ต้องยอมกลายเป็นคนตาบอดแบบนี้ไปตลอดชีวิต

เธออยู่กับความมืดมิดมา 1 ปีเต็มแล้ว ถ้าจะอยู่ต่อไปอีกมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสำหรับเธอ

"น้ำเพชรลูก"

"จ๊ะแม่"

"หนูเสียใจมั้ยที่เกิดมาอยู่กับแม่แบบนี้ เคยคิดมั้ยว่าทำไมเราถึงไม่ไปเกิดในบ้านที่มีพร้อมกว่านี้"

"ทำไมแม่ถึงคิดแบบนั้นล่ะ หนูดีใจมากต่างหากที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ แม่ของหนูทั้งแสนดีทั้งเก่งแบบนี้หนูไม่เคยเสียใจเลย แม่ห้ามคิดแบบนี้อีกนะ"

"ถ้าแม่มีเงินมากพอก็คงจะส่งหนูไปรักษาที่ต่างประเทศแล้ว ไม่ใช่มารอรับบริจาคดวงตาแบบนี้"

"ไม่เป็นอะไรเลยจ้ะแม่ ขอแค่หนูมีแม่อยู่ข้างๆ แค่นี้หนูก็ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว" น้ำเพชรเติบโตมากับแม่สองคน ส่วนพ่อก็ด่วนจากไปตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว เธอจำหน้าตาของพ่อในความเป็นจริงไม่ได้เลย มีเพียงรูปถ่ายที่แม่ของเธอถ่ายเก็บเอาไว้ เธอถึงได้นึกหน้าตาของพ่อตัวเองออกว่าเป็นแบบไหน

"เวรกรรมอะไรของหนูก็ไม่รู้ ต้องมาโดนลูกหลงจากพวกอันธพาลแบบนี้"

"ช่างมันเถอะจ้ะแม่ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว"

"ลูกแม่เข้มแข็งที่สุด"

"เข้มแข็งเหมือนแม่ไงจ๊ะ"

"กินข้าวเถอะลูกจะได้กินยา"

"จ้ะแม่"

ความเข้มแข็งและอดทนของเธอได้มาจากผู้เป็นแม่ เพราะมีแม่เป็นตัวอย่างเธอจึงเดินตามรอยเท้าของแม่มา

แม่ของเธอทั้งเข้มแข็งและอดทน ตั้งแต่ที่เสียพ่อเธอไปแม่ของเธอก็ปากกัดตีนถีบเลี้ยงเธอมาจนโตได้ถึงทุกวันนี้

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลี้ยงลูกคนนึงมาตามลำพังและต้องทำงานหาเลี้ยงด้วย แต่แม่ของเธอแข็งแกร่งมากจริงๆ

และเธอก็ต้องทำให้ได้เหมือนกับแม่ตัวเอง แข็งแกร่งและอดทนไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรมากมายก็ตาม เพราะสักวันก็จะต้องเป็นวันที่ดีของเรา