ตอนที่ 4 - 1 ลูกชายคนโปรด
หลังจากเลิกเรียนแพทย์หญิงศิริลักษณ์มารับบุตรชายคนเล็กที่โรงเรียนตามที่นัดหมายกับบุตรชายเอาไว้ แบม ภูวดลไม่อิดออดที่จะไปซื้อของเป็นเพื่อนมารดา เพราะเขารู้ดีว่าเธอนั้นไม่ค่อยจะมีเวลาส่วนตัวแบบนี้สักเท่าไหร่ อาชีพหมอนอกจากเป็นอาชีพที่น่ายกย่องแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยต่อชีวิตให้คนอีกหลายคนอีกด้วย
“สวัสดีครับคุณแม่/สวัสดีค่ะคุณแม่”
สองหนุ่มสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายยกมือไหว้แล้วทักทายออกมาพร้อมกัน เธอจึงเอ่ยทักทายเด็กสาวข้างกายของบุตรชายกลับ
“สวัสดีลูก สวัสดีค่ะจีน่า หนูจะไปกับเราสองคนไหมลูก”
“หนูคงไปด้วยไม่ได้ค่ะ วันนี้หนูต้องไปเรียนพิเศษ เอาไว้โอกาสหน้านะคะคุณป้า”
จีน่า เจนจิราตอบมารดาของเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แพทย์หญิงศิริลักษณ์ส่งยิ้มอย่างเอ็นดูไปให้เพื่อนสนิทของบุตรชายที่ครอบครัวของเธอก็อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน แถมครอบครัวของเธอและครอบครัวของเด็กหญิงก็รู้จักกันมานาน ลึกๆ ในใจเธอแอบหวังให้สองหนุ่มสาวสานสัมพันธ์คบหากันมากเกินกว่าเพื่อนสนิท แต่ผ่านมานานหลายปีความสัมพันธ์ก็ไม่มีทีท่าจะขยับเธอจึงเลิกหวังไป
“จ้ะ ขยันจริงๆ เลย ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวก่อนนะลูก”
“ชอปให้สนุกนะคะคุณป้า สวัสดีค่ะ” จีน่าบอกก่อนที่จะยกมือขึ้นไหว้ลา แล้วหันไปลาเพื่อนสนิทบ้าง
“เราไปก่อนนะแบม เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”
“อืม… ตั้งใจเรียนนะ”
แบม ภูวดลบอกเพียงเท่านั้น เมื่อร่างสูงเพรียวของเด็กหญิงเดินจากไปขึ้นรถตู้ของครอบครัว แบม ภูวดลจึงขึ้นไปนั่งบนรถเก๋งยี่ห้อดังของมารดาบ้าง
ท้องถนนเวลาเลิกเรียนก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่รถติดอยู่พอสมควร แบม ภูวดลหยิบหนังสือวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้นมาอ่าน มารดาที่กำลังขับรถอยู่เหลือบมองก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า สองแม่ลูกใช้เวลาเดินทางออกจากโรงเรียนมัธยมไปถึงห้างสรรพสินค้าเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แบม ภูวดลเป็นเด็กหนุ่มที่ใจเย็นและมักจะใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ เขาจึงไม่ได้รู้สึกหัวร้อนกับการที่รถติดเป็นเวลานาน
ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง
สองแม่ลูกที่กำลังเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าเรียกสายตาคนมองได้อยู่ไม่น้อย เพราะเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวหน้าขาวเนียนในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ทรงผมที่ไม่ได้สั้นแบบรองทรง แต่ตัดแต่งให้ดูสุภาพเรียบร้อย รอยยิ้มที่เขาเผลอยิ้มออกมาให้กับหญิงวัยกลางคนข้างๆ ซึ่งคนมองมาก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกันทำให้สาวๆ ใจเต้น หรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็อดที่จะมองรอยยิ้มนั้นไม่ได้
“เฮ้ย!!! มองอะไรวะ”
บอส ภานุเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่มองตามใครบางคนไปแทบไม่ละสายตา
“เหมือนจะรู้จักน่ะ”
กราฟ กาลัญญูตอบกลับก่อนที่จะสาวเท้าก้าวไปตามเส้นทางที่สองแม่ลูกเพิ่งจะเดินเข้าไป
“เป็นอะไรของมันวะเนี่ย เมื่อกี้ยังชวนกูกลับอยู่ ตอนนี้เดินเข้าไปข้างในเฉย” บอส ภานุบ่นตามหลังแล้วรีบสาวเท้าตามเพื่อนสนิทไปติดๆ
สองหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะเดินออกมา สาวๆ หลายคนต่างมองมาที่สองหนุ่มน้อยด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความสนใจ แต่ทว่ากราฟ กาลัญญูกลับกำลังจดจ่ออยู่กับการสะกดรอยตามใครบางคนที่เขาบังเอิญมาเจอในวันนี้ อีกไม่นานเขาคงจะได้ทำความรู้จักกับนักบาสคนนั้นอย่างเป็นทางการ รอยยิ้มผุดออกมาจากริมฝีปากหนาจนคนที่เดินตามมามองอย่างไม่เข้าใจ
“มึงเป็นอะไรมากป่าวเนี่ย แล้วนี่มึงจะไปไหน กูชวนมึงมาเดินดูสาวๆ กลับมาเดินตามใครก็ไม่รู้ มึงรู้จักไอ้หน้าขาวนั่นหรือไงวะ”
บอส ภานุเอ่ยถามออกมาในที่สุด หลังจากสังเกตว่าเพื่อนกำลังเดินตามคู่แม่ลูก ถ้าเป็นลูกสาวเขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่ไอ้คนที่เพื่อนของเขาเดินตามมันคือผู้ชาย ผู้ชายที่หล่อพอๆ กับมันด้วย
“ว่าที่เพื่อนใหม่ของกูเทอมหน้า” บอส ภานุถึงกับหันไปมองว่าที่เพื่อนใหม่ของเพื่อนสนิท
“อ๋อ…. ไอ้หน้าขาวนั่นมันเรียนอยู่ที่โรงเรียนที่มึงจะย้ายไปใช่ไหม”
“อืม…. มันเป็นนักบาสของโรงเรียนที่กูจะย้ายไป มึงจำมันได้ไหม คนที่ชู๊ตลูกลงห่วงเก็บคะแนนสุดท้ายให้ทีมโรงเรียนนั้นน่ะ” เสียงทุ้มเล่าออกมาให้เพื่อนได้ฟัง เด็กหนุ่มคิดตามก่อนที่จะนึกภาพของนักบาสคนนั้นได้
“มึงอย่าบอกนะที่มึงเคยบอกว่ามึงอยากได้ไอ้หน้าขาวคนนั้นเป็นเพื่อนมึงไม่ได้พูดเล่น”
“อืม… กูอยากได้มันเป็นเพื่อนจริงๆ” กลาฟตอบออกมาพร้อมกับผุดรอยยิ้มที่มุมปาก
“เห้ย!!! กูจำมันได้ละ มันเป็นน้องชายของดาราคนนั้นไง นางรองของละครเย็นจันทร์ถึงศุกร์อะ แล้วมันก็ได้ไปเข้าฉากไม่ถึงยี่สิบนาที สาวๆ นี่กรี๊ดกร๊าดมันตรึม ที่โรงเรียนเรายังพูดถึงมันไม่หยุดปากเลย” บอส ภานุอุทานพร้อมทั้งเอ่ยออกมาให้เพื่อนฟังทันทีเมื่อนึกถึงละครที่มารดาชอบเปิดทุกเย็น
“อืม…. น่าสนใจ” เสียงแผ่วเบาดังออกมา
“ห๊า…..เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ” เพื่อนสนิทไม่ได้ยินที่เขาพูดจึงเอ่ยถามย้ำ
“เปล่า ไปกันเถอะ” เขาเลือกที่จะไม่พูดซ้ำ แต่เลือกที่จะเอ่ยชวนเพื่อนกลับแทน
'เจอกันเทอมหน้านะ'
เด็กหนุ่มพูดอยู่ในใจก่อนที่จะเดินจากไป บอส ภานุมองตามหลังเพื่อนสลับกับสองแม่ลูกที่กำลังเลือกเสื้อผ้ากันอยู่อย่างใจเย็น มือหนายกขึ้นมาเกาศีรษะแล้วจึงรีบสาวเท้าเดินตามเพื่อนไป
“คุณแม่ครับ ผมว่าสีชมพูโอรสสวยกว่าครับ”
แบม ภูวดลแสดงความคิดเห็นออกมาเมื่อมารดาหยิบชุดเดรสสีน้ำตาลขึ้นมาทาบตัวเอง พนักงานที่คอยอำนวยความสะดวกและแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าถึงกับฉีกยิ้มออกมา เพราะส่วนน้อยที่จะได้เห็นภาพของลูกผู้ชายมาช๊อปปิ้งเป็นเพื่อนบรรดาแม่ๆ
“สีนี้ไม่เหมาะกับแม่หรอลูก” เธอเงยหน้าเอ่ยถามความเห็นของเขาอีกครั้ง
“สีนี้สวยกว่าครับ อีกอย่างเหมาะกับงานที่คุณแม่จะไปด้วยครับ” แบม ภูวดลย้ำความคิดเห็นของตนเองอีกครั้ง
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิง ที่น้องบอกไม่ผิดเลยค่ะ ถ้าไปงานเลี้ยง สีชมพูโอรสสวยและดูเหมาะกว่าสีน้ำตาลค่ะ”
พนักงานสาวแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง แพทย์หญิงศิริลักษณ์จึงตัดสินใจเลือกชุดที่บุตรชายบอกว่าสีสวย และพนักงานแนะนำบอกว่าเหมาะกับงานที่เธอจะไปร่วม
“คุณผู้หญิงโชคดีจังเลยนะคะที่มีลูกชายมาชอปปิงเป็นเพื่อน แถมยังช่วยคุณแม่เลือกของอีก น้องชายใส่ใจคุณแม่ดีจริงๆ เลยค่ะ”
พนักงานสาวอดที่จะชมเชยเด็กหนุ่มไม่ได้เพราะส่วนน้อยที่จะได้พบเห็นภาพแบบนี้ ถ้าเป็นลูกสาวมักจะเป็นภาพที่ชินตา แต่กับลูกชายส่วนมากจะอายที่ต้องเดินเลือกซื้อของกับแม่ แต่ดูน้องชายหน้าหล่อคนนี้มีความสุขกับการช่วยเหลือคุณแม่เลือกของเสียด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์เห็นด้วยกับสิ่งที่พนักงานพูด ในบรรดาลูกๆ ทั้งสามคน เธอชอบที่จะมาชอปปิงกับบุตรชายคนเล็กมากที่สุดแล้ว เพราะนอกจากช่วยเธอเลือกและแสดงความคิดเห็นแล้ว บุตรชายคนนี้ยังใจเย็นและไม่เคยแสดงอารมณ์เบื่อหน่ายออกมาให้เธอได้เห็นเลยสักครั้ง ถ้าจะบอกว่าแบม ภูวดลนั้นเป็นลูกชายคนโปรดของเธอก็คงจะไม่ผิด เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว เขายังสนใจเส้นทางอาชีพของเธออีกด้วย