ตอนที่ 4 ลูกชายคนโปรด
หลังจากวันละครที่บี๋ พิชสินีย์ พี่สาวของแบม ภูวดลแสดงออนแอร์ เด็กหนุ่มก็ตกเป็นที่สนใจตามโลกโซเชียลมากขึ้น เพราะเขามีดีกรีเป็นถึงน้องชายนักแสดงสาวที่รับบทเป็นนางรองเรื่องแรกของละครที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ชีวิตความเป็นส่วนตัวของน้องชายเริ่มหมดไปจนผู้เป็นพี่สาวต้องออกมาให้ข่าวว่าน้องชายชอบความเป็นส่วนตัว เขาไม่ใช่บุคคลสาธารณะเหมือนกันกับเธอ จึงขอให้แฟนคลับให้พื้นที่แก่เขาด้วย นั่นแหละ ทุกคนจึงได้ติดตามเฝ้ามองหนุ่มน้อยวัยกำลังโตอยู่ห่างๆ
“แบม…คนตามน้อยลงยัง”
บี๋ พิชสินีย์เอ่ยถามน้องชายที่ดูจะมีคนสนใจมากกว่าคนที่มีบทโดดเด่นแบบเธอเสียอีก
“อืม… ไม่มีครั้งหน้าแล้วนะ วุ่นวายชะมัด”
เขาตอบพร้อมกับบ่นออกมาให้พี่สาวฟัง เพราะการไปรับบทนักแสดงตัวประกอบเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบวินาทีแต่คนกลับจำหน้าตาของเขาได้ และเก่งไปถึงขึ้นสืบรู้เรื่องราวของเขา เขาคิดว่าวงการบันเทิงมันไม่ได้น่าอยู่ขนาดนั้น เขาชอบชีวิตที่ไม่มีคนจับตามองเพราะเขายังคงมีความลับที่ปิดซ่อนอยู่โดยที่ครอบครัวเองก็ยังไม่มีใครรู้
“อืม… ขอบใจมาก ถ้าครั้งนั้นไม่ได้แบมนะ พวกพี่ก็แย่เหมือนกัน พี่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วรับรองว่าจะไม่มีใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวกับการใช้ชีวิตประจำวันของแบมอีก”
พี่สาวคนสวยเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนอนของน้องชายไป แบม ภูวดลถึงกับถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงสนใจอ่านหนังสือเตรียมสอบตรงหน้าต่อไป
ทางด้านบี๋ พิชสินีย์ที่เดินออกจากห้องของน้องชายมาได้ก็เดินกลับไปยังห้องนอนของตน หญิงสาวที่ใบหน้าเนียนใสสมวัยยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามารดากำลังเดินมายังห้องของน้องชายเช่นกัน
“อ้าว…ยัยบี๋ มาคุยกับน้องหรือเรา”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ปรีชารักษ์ เอ่ยถามบุตรสาวคนกลางที่เพิ่งจะเดินออกจากห้องนอนของบุตรชายคนเล็กของตนมา
“ค่ะคุณแม่ แล้วนี่คุณแม่จะเข้าไปคุยกับแบมหรือคะ” หญิงสาวตอบก่อนที่จะเอ่ยถามผู้เป็นมารดากลับ
“ใช่จ้ะ แม่จะชวนแบมไปซื้อชุดใส่ไปร่วมงานเลี้ยงประจำปีของโรงพยาบาลที่ห้างเอส หลังจากที่น้องเลิกเรียนวันพรุ่งนี้น่ะจ้ะ”
“อ๋อ…. เสียดายที่บี๋ไปเดินเป็นเพื่อนไม่ได้ ช่วงนี้คนกำลังจำได้ บี๋กลัวว่าแฟนๆ จะมารบกวนเวลาชอปปิงของคุณแม่”
นักแสดงสาวหน้าใหม่แต่ทว่ากลับมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงข้ามคืนหลังจากละครเรื่องนี้ออนแอร์ บี๋ พิชสินีย์มีผู้จัดติดต่อมาให้ไปเล่นละครให้หลายคนเพราะมองเห็นถึงความสามารถและศักยภาพในการแสดงอารมณ์ของเธอ
“ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวแม่ไปกับน้องได้ รบกวนเวลาอ่านหนังสือของน้องบ้างสักวันน้องคงไม่ว่าหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นบี๋ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ นอนดึกเดี๋ยวหน้าโทรมแล้วพี่โบวี่เค้าจะบ่นเอา”
หญิงสาวบอกกับมารดาก่อนที่จะเดินเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มเจ้าของเรือนร่างอวบอิ่มแต่ทว่าใบหน้ายังคงมีเค้าความงามหลงเหลืออยู่ แพทย์หญิงศิริลักษณ์ฉีกยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะผละอ้อมกอดจากบุตรสาว
“ไปเถอะลูก ฝันดีนะคะ”
สิ้นเสียงมารดาจมูกโด่งของหญิงสาวก็กดลงที่แก้มนุ่มแล้วกลับหันหลังเดินจากไป คุณแม่วัยห้าสิบฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถึงลูกๆ จะโตขึ้นมากมายขนาดไหน แต่ในสายตาของเธอลูกๆ ก็คือเด็กตัวเล็กๆ อยู่วันยังค่ำ เธอเดินตรงไปยังห้องนอนของบุตรชายคนโปรดก่อนที่จะเคาะประตูตามกฎที่เด็กหนุ่มตั้งเอาไว้ เธอคิดว่าเพราะเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้วจึงต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น จึงให้เขาบอกถึงสิ่งที่ต้องการออกมาและนั่นก็คือก่อนที่จะเข้าห้องของเขาให้เคาะประตูก่อนสามครั้ง
เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างอวบอิ่มของแพทย์หญิงศิริลักษณ์จะเยื้องย่างเดินตรงเข้าไปหาบุตรชายที่ยังคงมีสมาธิอยู่กับหนังสือเรียนวิชาหนึ่ง แบม ภูวดลนั้นเป็นเด็กที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เธอนั้นไม่เคยห่วงในเรื่องอนาคตของบุตรชายคนนี้เลย หรือแม้แต่บุตรคนอื่นๆ ต่างก็มีทางเดินของตนเอง เหมือนกับบี๋ พิชสินีย์ที่เลือกไปเอาดีด้านการแสดง
“อ่านหนังสืออยู่เหรอลูก แม่กวนเวลาเราหรือเปล่า”
น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กออกมา แบม ภูวดลละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้าแล้วไปหันไปตอบมารดา
“ครับ ไม่กวนครับคุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเราว่างไหม” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามออกมา
“ถ้าจีน่าไม่ชวนแวะร้านพี่ไอซ์ ก็กะว่าจะกลับมาอ่านหนังสือกับทบทวนข้อสอบครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พรุ่งนี้แม่ว่าจะชวนลูกไปเดินห้างเป็นเพื่อนแม่น่ะสิ พี่บี๋เราก็ยุ่งๆ แบมไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยได้ไหมลูก”
แพทย์หญิงศิริลักษณ์บอกบุตรชาย เธอเห็นว่าแบม ภูวดลนั้นเป็นคนใจเย็น เวลาที่เขาไปซื้อของกับเธอด้วย เขาจะช่วยแสดงความคิดเห็นเสมอว่าซื้ออันไหนดีกว่ากัน เธอจึงชอบไปเดินห้างสรรพสินค้ากับบุตรชายคนเล็กมากกว่าใคร
“ได้ครับ แล้วผมจะบอกจีน่าว่าพรุ่งนี้คุณแม่จองตัวผมก่อนก็แล้วกันนะครับ”
เขาตอบมารดาพร้อมกับส่งยิ้มแบบน่ารักออกมา เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแพทย์หญิงศิริลักษณ์ก็ฉีกยิ้มออกมาตอบรับบุตรชาย
“ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่กวนละ อย่านอนดึกนะลูก”
“ครับ”
หลังจากมารดาเดินออกจากห้องไป แบม ภูวดลก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกห้าหกหน้า แล้วจึงปิดหนังสือเก็บไว้บนตู้หนังสือของตน ร่างสูงโปร่งในชุดนอนสีฟ้าสบายตาเยื้องย่างตรงไปยังห้องน้ำเพื่อแปรงฟันก่อนนอน เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาจึงเดินกลับออกมาแล้วตรงไปที่เตียงนุ่ม ไฟในห้องดับลงจากคำสั่งเสียงของเจ้าของห้อง มีเพียงไฟสลัวจากหัวเตียงเพียงเท่านั้น