บทที่ 3 ประธานคนใหม่ของเครือเจริญยศกรุ๊ป
สัปดาห์แรกแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะท่านประธานของบริษัท เจริญยศ ห้างสรรพค้าชั้นน้ำที่มีชื่อเรียกว่า เอส มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นตารุ่นยาย สาวสวยสุดมั่นมีสายเลือดนักธุรกิจเต็มตัว และเธอยังมีหุ้นอยู่ในหลายๆบริษัททั่วโลกโดยที่ไม่มีใครรู้แม้แต่มารดาของเธอเอง นั่นเพราะเธอนั้นแอบกวาดซื้อหุ้นสะสมมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ม.ปลาย เรื่องบริหารไม่ต้องพูดถึงเธอมีประสบการณ์มาจากเมืองนอกแล้วเช่นกัน เพราะเธอได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทสัญชาติไทยที่อยู่ในอเมริกามาก่อนถึงสามปี ในระยะเวลาที่เธอได้ไปเรียนต่อปริญญาโทอยู่ที่นั่น
สาวสวยที่มีใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตขนตางอนเป็นแพภายใต้แว่นตาแบรนด์ดัง จมูกโด่งรั้น ปากรูปกระจับสีชมพู ด้วยส่วนสูงที่มีถึง173ซม. เลยทำให้เธอแทบจะเหมือนกับนางแบบที่เยื้องย่างอยู่บนรันเวย์ วันนี้เธอสวมชุดทำงานเรียบร้อยนั่นคือเสื้อสูทสีครีมด้านในเป็นเสื้อกล้ามสีขาว และกางเกงขายาวสีเดียวกับสูทซึ่งเป็นชุดที่เข้าคู่กัน สาวสวยเดินเคียงข้างมากับท่านประธานซึ่งเป็นมารดาของเธอ นั่นก็คือคุณหญิงนุชนาถ เจริญยศ ผู้กุมบังเหียนธุรกิจค้าปลีกของประเทศมาตั้งแต่สมัยเพิ่งเข้าบริหารงานใหม่ๆเมื่อสิบปีก่อน ทันทีที่สองสาวต่างวัยเดินเคียงข้างกันเข้าบริษัทซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ที่แยกตัวออกมาจากห้างสรรพสินค้า นับว่าเป็นสาขาแรก สายตาทุกคู่ของพนักงานแทบจะทุกคนก็ต้องโฟกัสไปที่หญิงสาวผู้ที่เดินเคียงข้างมากับท่านประธาน ตอนแรกทุกคนอาจจะเข้าใจว่าเธอคงเป็นดารา หรือนางแบบที่จะมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของห้างสรรพสินค้าเอส แต่เพราะรู้มาจากฝ่ายบริหารก่อนหน้านี้แล้วว่าท่านประธานกำลังจะสละตำแหน่ง และส่งมอบให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียว ที่เพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ จากสหรัฐอเมริกาได้มาบริหารงานต่อ หลายคนก็พอเข้าใจในทันที และทุกย่างก้าวของท่านประธานคนเก่าและว่าที่ท่านประธานคนใหม่ก็ได้ยินเสียงทักทายจากเหล่าบรรดาพนักงาน คุณหญิงนุชนาถ ทักทายและฉีกยิ้มให้ทุกคนตามปกติ ส่วนบุตรสาวอย่างมิ้น พิมลนาฎก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เธอต้องสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีในบริษัท แม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหาร แต่เธอก็ต้องได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนจากเหล่าบรรดาพนักงานพวกนี้เช่นกัน
“สวัสดีค่ะท่านประธาน สวัสดีค่ะคุณมิ้น” เสียงหญิงสาวที่ดูๆน่าจะมีอายุมากกว่าเธอราวสิบปีเอ่ยทักทายทันทีที่สองแม่ลูกเดินมาถึงห้องท่านประธาน
“สวัสดีจ้ะนิด วันนี้เตรียมเอกสารพร้อมหรือยัง” คุณหญิงนุชนาถทักทายตอบ ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า
“ดิฉันเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะท่านประธาน” สาวสวยวัยสามสิบกว่าปีเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งสามจึงเดินเข้าห้องไป ซึ่งนิตยาเดินรั้งท้าย มิ้น พิมลนาฎเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะรับแขก ก่อนที่จะหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่านอย่างสนใจ ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำบริษัทและผลประกอบการ
“มิ้น หนูจำพี่นิดได้ไหมลูก พี่เขาเป็นเลขาแม่มา5ปีแล้ว แต่ต่อจากนี้ไปพี่เขาจะมาเป็นเลขาของลูกแทน” คุณหญิงนุชนาถหันไปคุยกับบุตรสาวที่ตอนนี้หยิบเอกสารจากบนโต๊ะรับแขกขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็น พอได้ยินมารดาพูดเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเลขาสาว ก่อนจะยิ้มหวานให้คนตรงหน้า
“จำได้สิคะ เพราะเท่าที่คุณแม่บริหารงานมา พี่นิดน่าจะเป็นเลขาที่ทำงานได้นานกว่าคนอื่นๆแล้วล่ะค่ะ” มิ้นพิมลนาฎเอ่ยขึ้นทันทีที่ส่งยิ้มหวานไปให้ว่าที่เลขาของเธอ
“คุณแม่คะ หนูขอผู้ช่วยเลขาด้วยนะคะ เผื่อเวลาต้องออกต่างจังหวัด เพื่อไปดูสาขาอื่น หนูจะได้ให้พี่นิดไปด้วย จะได้มีคนคอยตามงานอยู่ที่นี่” สาวสวยแจ้งความจำนงของตนต่อมารดาของเธอ
“ได้สิลูก หนูอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย แม่ตามใจ นิดจัดการรับสมัครผู้ช่วยเลขาให้คุณมิ้นด้วยนะ” คุณหญิงนุชนาถตอบลูกสาว ก่อนจะหันไปสั่งงานเลขาของตน ซึ่งกำลังจะถูกโอนไปเป็นเลขาของลูกสาวแทน เพราะความไว้วางใจในตัวของเลขาสาว คุณนุชนาถเลยให้เธอได้อยู่ช่วยพิมลนาฎ
“ได้ค่ะท่านประธาน นิดจะจัดการให้ทันทีเลยค่ะ” เลขาสาวเอ่ยขึ้นอย่างแข็งขัน
“อีกหนึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นนะคะ คุณท่านกับคุณมิ้นจะรับอะไรก่อนไหมคะ” เลขาคนสวยปฎิบัติหน้าที่ของตนต่อทันที
“มิ้นขอกาแฟสักแก้วก็พอค่ะ สองสองหนึ่งนะคะพี่นิด ขอบคุณค่ะ” สาวสวยว่าที่ประธานคนใหม่บอกกับเลขาในอนาคตอันใกล้ของตน
“ของฉันเหมือนเดิมจ้ะนิด ขอบคุณ” คุณหญิงนุชนาถบอกเลขาของตนบ้าง นิตยาพยักหน้ารับทราบก่อนที่จะขอตัวออกจากห้องไป และกลับมาพร้อมกาแฟหนึ่งแก้ว ชาร้อนอีกหนึ่งแก้ว พร้อมคุ๊กกี้อีกหนึ่งจาน พอเสิร์ฟให้ท่านประธานและว่าที่ท่านประธานเสร็จเธอก็ขอตัวกลับออกไปทำงาน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นได้มานั่งอยู่ภายในห้องประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ทุกคนนั่งรอเพียงห้านาที ร่างเล็กของหญิงวัยกลางคนเดินนำเข้ามาก่อน โดยมีร่างสูงโปร่งของสาวสวยที่มีใบหน้าสวยหวานตามมาทีหลัง ทันทีที่เธอเยื้องย่างเข้ามาก็แทบจะทำให้เหล่าบรรดาผู้บริหารชายและผู้ถือหุ้นชายเกือบลืมหายใจ ใบหน้าของเธอนั้นราวกับพระเจ้าเสกสรร ปั้นแต่งมา ไหนจะรูปร่างสูงโปร่ง อกเป็นอก เอวเป็นเอว ผิวขาวผุดผ่องเป็นยองใย ต่างหมายมาดจับจองไว้ให้เหล่าลูกหลานของตนภายในใจทันที คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ดองกับตระกูล ‘เจริญยศ’
“สวัสดีผู้บริหารและผู้ถือหุ้นทุกท่านค่ะ” เสียงหวานอ่อนนุ่มของคุณหญิงนุชนาถเอ่ยขึ้น ก่อนจะยิ้มพอใจที่เห็นเหล่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมองมาที่บุตรสาวตาค้าง
“อะแฮ่ม...อืม สวัสดีครับ/ค่ะ ท่านประธาน” เสียงทักทายตอบกลับทั้งชายและหญิงดังขึ้นหลังท่านประธานเอ่ยจบ
“อย่างที่ทุกท่านรู้กันมาก่อนแล้วใช่ไหมคะ ว่าดิฉันกำลังจะสละตำแหน่งให้บุตรสาวเพียงคนเดียวได้เข้ามานั่งบริหารแทน” คุณหญิงนุชนาถเกริ่นขึ้นมาก่อนที่จะมองสีหน้าของทุกคน ซึ่งก็ไม่ได้มีใครตกใจ หรือคัดค้านแต่อย่างใด เพราะบริษัทนี้ครอบครัวของเธอเป็นผู้ก่อตั้งมาแต่รุ่นบิดามารดา และทุกปีก็ทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก จนเธอได้รับความไว้วางใจนั่งเก้าอี้บริหารมาโดยตลอด จนบัดนี้บุตรสาวสุดสวยของเธอพร้อมที่จะเข้ามารับช่วงต่อแล้ว เธอจึงไม่ลังเลใดๆเกี่ยวกับบริษัทที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นบิดามารดาแต่อย่างใด
“ นี่คือ น้องมิ้น หรือ นางสาวพิมลนาฎ เจริญยศ อายุ25ปี เพิ่งเรียนจบปริญญาโท ด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา อย่างที่ทุกคนได้รับทราบกันมาบ้างแล้ว ว่าบุตรสาวของดิฉันได้ผ่านการทำงานที่บริษัทxx ที่มีสาขาแม่อยู่ในอเมริกามาถึงสามปี ระหว่างที่กำลังศึกษาต่อปริญญาโทน้องมิ้นก็ได้รับเชิญให้ไปทำงานที่บริษัทนั้นด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องประสบการณ์ด้านการบริหาร ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงค่ะ บุตรสาวของดิฉันมีเลือดของนักธุรกิจเต็มตัวแน่นอน” คุณหญิงนุชนาถกล่าวแนะนำบุตรสาวให้ทางคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นได้รู้จัก ทุกคนพอใจกับประวัติของเธอแม้จะมีอายุเพียง25ปี แต่หากได้รับความไว้วางใจให้ได้ร่วมงานกับบริษัทxxคงไม่มีอะไรมากังขาในความสามารถของสาวน้อยคนนี้ได้
“ สวัสดีค่ะ ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นทุกท่าน ต่อจากนี้ไปมิ้นขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยนะคะ มิ้นขอรับรองด้วยเกียรติของ ‘เจริญยศ’ ว่าจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังในตัวมิ้นอย่างแน่นอนค่ะ มิ้นจะทำงานให้ดีที่สุดและจะคำนึงถึงผลประกอบการและผลกำไรของเราเป็นหลักค่ะ” สิ้นสุดเสียงหวานที่เอ่ยทักทายอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนสร้างความประทับใจให้กับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นทุกคน พวกเขาย่อมเชื่อมั่นในตัวเธออยู่แล้ว เพราะสายเลือดของ เจริญยศนั้นเป็นนักบริหารมาตั้งแต่รุ่นตารุ่นยาย เรื่องนี้พวกเขายอมรับ
“ยินดีต้อนรับท่านประธานคนใหม่ครับ/ค่ะ” เสียงของทุกคนในห้องประชุมกล่าวขึ้น สาวสวยลุกขึ้นก่อนที่จะโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณทุกๆคน การประชุมเช้านี้ถือเป็นอันจบสิ้น และกำหนดการการเข้าทำงานของมิ้น พิมลนาฎ คือสองวันถัดไป สาวสวยจึงขออนุญาตมารดาไปช๊อปปิ้งซื้อชุดทำงานและอุปกรณ์ต่างๆที่ตนคิดว่าต้องใช้ คุณหญิงนุชนาถอนุญาตเพราะเห็นว่าบุตรสาวนั้นเพิ่งจะมาถึงเมืองไทยได้ไม่นาน คงจะอยากเปิดหูเปิดตาก่อนที่จะเข้ามานั่งบริหารงานเต็มตัว ซึ่งถ้าถึงเวลานั้น คงจะหาเวลาปลีกตัวไปเที่ยวสนุกยากแล้ว
รถสปอตคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบริเวณกองถ่ายทำละครเรื่องใหม่ของนางเอกสาวสุดฮอตอย่าง มะลิ มะลิลา ทองเกตุกับพระเอกคู่ขวัญคู่ใหม่ของวงการนั่นคือภพ ธนยศ พงษ์พัฒน์ พระเอกหนุ่มและนายแบบเนื้อหอมที่มีหลายๆผลิตภัณฑ์ตามจีบเพื่อไปเป็นพรีเซ็นเตอร์และเดินแบบ แต่เขาก็เลือกสรรค์เฉพาะงานที่เขาอยากทำเท่านั้น
ทันทีที่สาวสวยในรถเปิดประตูรถออกมา สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องที่เธอเป็นตาเดียว ช่วงขาเรียวยาวในรองเท้าผ้าใบสีขาวยื่นออกมาจากด้านในก่อนที่ร่างบางในชุดสูทสีครีมและกางเกงยาวสีครีมจะออกมายืนอยู่ด้านนอก มือบางปิดประตูรถก่อนจะหันหน้ามาเสยผมที่ตอนนี้หล่นลงมาปกใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตขนตางอนที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตาแบรนด์ดังนั้นช่างดึงดูดสายตาของคนรอบๆนัก ร่างสูงโปร่งเดินเยื้องย่างเข้าไปถามพนักงานผู้ชายคนหนึ่ง
“ขอโทษนะคะ มาหามะลิ มะลิลา ทองเกตุค่ะ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนคะ” ปากรูปกระจับสีชมพูขยับไหวไปตามเสียงที่เปร่งถามไป คนด้านหน้ามัวแต่ตกตะลึงในความงามจนเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
“อะเอ่อ น้องมะลิกำลังเข้าฉากอยู่ครับ น้องเป็นอะไรกับน้องมะลิล่ะครับ หรือว่าเป็นนักแสดงใหม่” สวยๆแบบนี้ต้องเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าแน่นอน คนอะไรสวยยิ่งกว่าดาราบางคนซะอีก
“อ้อ เปล่าค่ะ เป็นเพื่อนสนิทของมะลิน่ะค่ะ ช่วยพาไปหามะลิทีได้ไหมคะ” สาวสวยเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบ
“อะ อ่อ ดะ ได้ ครับ เชิญทางนี้เลยครับ” พนักงานชายในกองเดินนำทางเธอไปหาเพื่อนสาวของเธอทันที ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในกอง บางคนเข้าใจว่าหญิงสาวมาหาพระเอกหนุ่ม ต่างก็ซุบซิบกันจนพนักงานชายคนที่เดินไปส่งสาวสวยหน้าหวานคนนั้นเดินกลับมาจึงได้ปรี่เข้าไปถามด้วยความสงสัย
“ใครอะบิ๊ก” เสียงผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกันเอ่ยถามชายหนุ่ม
“เพื่อนพี่มะลิน่ะ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” และเธอก็รีบไปกระจายข่าวให้คนที่อยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกันทันทีว่าผู้หญิงที่สวยๆที่เข้ามากองในวันนี้ไม่ใช่ผู้หญิงของดาราหนุ่มขวัญใจคนทั้งประเทศ แต่เป็นเพื่อนของดาราสาวสวยของกองต่างหาก
ขณะที่เดินไปถึงสถานที่ที่เพื่อนสาวกำลังถ่ายทำแล้ว หญิงสาวก็หยุดมองไปที่ห้องโถง ซึ่งมีนักแสดงชายและหญิงกำลังต่อบทกันอยู่ เธอยืนมองเพื่อนสาวด้วยสายตาที่แสดงออกว่าเธอรักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน แต่กับอีกคนที่เป็นพระเอกแทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย และบทที่สองพระนางได้เข้าฉากวันนี้ก็คือเลิฟซีน ที่พระเอกต้องจูบนางเอกด้วยความรักใคร่ ทันทีที่นักแสดงพร้อมทีมงานก็พร้อมทันที มิ้น พิมลนาฎยืนมองเพื่อนรักกับใครอีกคนที่เธอรู้สึกขัดหูขัดตาอยู่ห่างๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องเธอก็ไม่มาหามะลิที่กองถ่ายอีกเลย แต่ที่มาวันนี้เพราะอยากจะชวนเพื่อนรักไปช๊อปปิ้งเป็นเพื่อนกัน และไม่คาดคิดว่าวันนี้พระเอกหนุ่มจะมีคิวถ่ายละคร
“อ้าว พร้อมนะครับ”
“นักแสดงพร้อม”
“ กล้องพร้อม”
“ ทีมงานพร้อม”
“นารีลวงรัก ตอนที่10 เทคที่2 แอคชั่น” เสียงผู้กำกับและทีมงานเอ่ยขึ้นก่อนที่สองนักแสดงจะทำการเข้าถึงบทบาท มิ้น พิมลนาฎได้แต่ยืนมองทั้งสองตัวเกร็ง เพราะเป็นฉากที่พระนางกำลังจะแสดงความรักต่อกัน
สองพระนางเข้าถึงบทบาทได้ดี แต่ทุกคนก็ทราบดีว่ามะลินั้นขอใช้เพียงมุมกล้องเท่านั้น ซึ่งทางผู้กำกับก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะเท่าที่ทราบมา นางเอกสาวของเรื่องยังไม่เคยมีแฟน จึงเป็นธรรมดาที่อาจจะอยากรักษาจูบแรกไว้ให้คนที่ตนรักก่อน ระหว่างที่สองพระนางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กัน มิ้นก็แทบจะกลั้นหายใจเมื่อนึกถึงตอนที่พระเอกหนุ่มบ้ากามจับเธอจูบเมื่อครั้งที่เธอไปเที่ยวที่ผับของเขาไม่นานที่ผ่านมา ใบหน้าสวยเฉี่ยวเห่อร้อนจนเกิดริ้วแดงบนใบหน้า จนเจ๊หวิว ผู้จัดการสาวสองของดาราหนุ่มต้องเดินมาแซว
“ เขินแทนน้องมะลิหรือจ๊ะ หน้าแดงเชียว” เสียงที่เข้ามาทำให้สาวสวยหน้าเฉี่ยวรู้สึกตัว ก่อนจะเอ่ยปฎิเสธไป
“เปล่าค่ะเจ๊ หนูแค่รู้สึกว่าอากาศมันร้อนๆ อากาศเมืองไทยมันไม่เหมือนที่อเมริกา หนูคงยังปรับตัวไม่ได้น่ะค่ะ” แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เธอมองออกว่าสาวสวยตรงหน้านี่แอบเขินฉากจูบเมื่อสักครู่
“ไม่มีอะไรหรอก เค้าใช้แค่มุมกล้องจ้ะ ไม่ได้จูบกันจริงๆ น้องมะลิน่ะ เค้าอยากเก็บจูบแรกไว้ให้คนที่เธอรัก” เจ๊หวิวบอก ก่อนจะหันไปมองที่เด็กในสังกัดสลับกับสาวสวยหน้าหวานที่ยืนหน้าแดงอยู่ตรงหน้า ฉากเลิฟซีนผ่านไปอย่างฉลุย จนทุกคนชมในความมืออาชีพของสองหนุ่มสาวที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีติดขัด จนบางคนยังแอบเชียร์ให้ได้คบหาดูใจกันจริงๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าทั้งสองจะสปาร์คกันสักที ดูเหมือนจะเป็นแค่พี่น้องกันซะมากกว่า