บทที่ 2 ไม่ได้ฉวยโอกาส...แค่อยากพิสูจน์
สุดท้ายมิ้น พิมลนาฎก็ลากเอาทั้งมะลิและเอกกี้มาเป็นเพื่อนเที่ยวด้วยจนได้ วันนี้เธอสวมสายเดี่ยวสีดำทรงครอบครึ่งตัวโชว์หน้าท้องแบนราบ กับกางเกงขายาวทรงขากระบอกบวกกับรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังเพื่อจะได้เต้นได้สะดวก ผมสีน้ำตาลมัดรวบขึ้นทรงหางม้า ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ปากกระจับอมชมพูทาเพียงลิปบาล์มเท่านั้น ส่วนนางเอกสาวก็แต่งตัวตามสไตล์คือชุดแซกเกาะอกสีแดงเพลิงที่มีความยาวเคลียหน้าขา สวมส้นสูงสามนิ้ว เพราะเพื่อนสาวอย่างมิ้นหรือพิมลนาฎนั้นมีส่วนสูงถึง173เซ็นติเมตร ในขณะที่เธอมีความสูงเพียง165เซ็นติเมตรเพียงเท่านั้น เอกกี้แต่งตัวมาดแมนแต่สองสาวนั้นรู้ดีว่าเอกกี้ชอบผู้ชายด้วยกัน ทันทีที่สองสาวและหนึ่งหนุ่ม(ไม่แท้)เดินเข้าไปในผับก็เรียกสายตาจากนักเที่ยวให้หันมามองได้ไม่ยาก เพราะใครๆต่างก็รู้จักดาราสาวคนดังอย่างมะลิ มะลิลา ทองเกตุที่มีผลงานการแสดงและโฆษณาให้เห็นผ่านหน้าจอมามากมาย แต่ที่สะดุดตาคือหญิงสาวที่เดินเคียงข้างมะลิมาต่างหาก ที่ดึงดูดสายตานักเที่ยวทั้งชายและหญิง หลายคนให้มองมาที่เธออย่างสนใจ แม้จะแต่งตัวไม่ค่อยเซ็กซี่เท่าไหร่แต่ก็ดูน่าค้นหา
การ์ดของทางร้านรอต้อนรับแขกพิเศษที่เจ้านายสั่งไว้ และพาสองสาวหนึ่งหนุ่มเดินไปส่งที่โต๊ะวีวีไอพีที่ทางภพ ธนยศได้จัดการจองไว้ให้รุ่นน้องนักแสดงสาวที่เธอรีเควสมาตอนที่เขาและเธอกำลังต่อบทกันอยู่
“เชิญด้านนี้ครับคุณมะลิ” เสียงการ์ดเรียกดาราสาว ก่อนที่ทั้งสามจะเดินตามการ์ดไปและนั่งลงที่โต๊ะวีวีไอพีที่ชั้นแรกแต่แยกโซนไว้ให้ความเป็นส่วนตัวโดยมีการ์ดคอยดูแลอยู่ตลอด
“ขอบคุณค่ะ/ฮะ” สองสาวหนึ่งหนุ่มกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนโซฟานุ่มที่เรียกว่าโต๊ะวีวีไอพี
“จะดื่มอะไรแก ว้อดก้าไหม หรือจะเอาเบาๆก่อน” เสียงแหลมดัดๆดังมาจากเอกกี้ที่นั่งอยู่ริมสุด
“อืม เอาเบาๆก่อน เดี๋ยวจะไม่ทันได้เต้นกันพอดี” มิ้นหรือพิมลนาฎเป็นฝ่ายตอบ เธอไม่ใช่คนคออ่อน ตอนอยู่ที่เมืองนอกเธอก็สายปาร์ตี้คนหนึ่ง แต่เพื่อนส่วนมากของเธอจะเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีชาวไทยเลย
“เอาเบาๆนั่นแหละดีแล้ว งานนี้ฉันไม่อยากหามพวกแกกลับ” นางเอกสาวบอกก่อนจะหันไปมองรอบๆผับแห่งนี้ การตกแต่งเรียบหรู มีดนตรีสดให้ฟัง มีเคาร์เตอร์บาร์สำหรับนั่งหากมาคนเดียว ส่วนโซนที่พวกเธอนั่งดูจะเป็นส่วนตัวที่สุด
พอพนักงานเสิร์ฟเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ทั้งสามคนก็ยกดื่มจิบๆ จนเวลาผ่านไปก็เปลี่ยนจากเบาๆกลายเป็นแรงขึ้นตามลำดับ นางเอกสาวไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่ เพราะต้องดูแลภาพลักษณ์ของตัวเธอเอง และคอยดูแลเพื่อนๆของเธอด้วย จนกรึ่มๆได้ที่มิ้น พิมลนาฎก็รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำ
“ให้ไปเป็นเพื่อนป่าว” เอกกี้ กับมะลิเอ่ยถามขึ้น
“ไม่เป็นไรพวกแกนั่งดื่มกันอยู่ที่โต๊ะนี่แหละ เดี๋ยวฉันกลับมาเราออกไปแดนซ์กัน” สาวสวยสุดมั่นบอกเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะลุกเดินออกไปถามทางจากการ์ดของร้าน สาวสวยหน้าหวาน ผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนเคลียกลางหลัง แม้การแต่งตัวจะออกแนวสาวเท่ห์จนทำให้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายสนใจ แต่ก็ยังมีสายตาอีกสองคู่ที่กำลังจับจ้องมองเธออย่างพิจารณา
“สนใจหรอวะ ไอ้พ่อพระเอก” กรุณพล อัจฉริยะเทพ หรือพล ทายาทอัจฉริยะมอเตอร์ที่เป็นบริษัทนำเข้าและส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์เอ่ยถามดาราหนุ่มเพื่อนสนิท
“อืม น่าสนใจเลยทีเดียว เดี๋ยวมานะ” ว่าจบเขาก็ลุกเดินตามหญิงสาวไปทางห้องน้ำสำหรับรองรับแขกวีวีไอพี ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องน้ำด้านนอก
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วสาวมั่นอย่างมิ้น พิมลนาฎก็เตรียมตัวเดินกลับไปยังโต๊ะแต่ต้องส่งเสียงร้องตกใจจนเสียงดังเพราะดันเดินไปชนเข้ากำแพงมนุษย์ ที่มีอกหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้าม คนคนนี้คงออกกำลังกายบ่อยๆ เขารับร่างสูงโปร่งของหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอด สายตากลมโต ใบหน้าสวยหวานเอ่ยคำขอโทษก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เธอบังเอิญเดินชนเข้า
“ขอโทษค่ะ เอ๊ะ....คุณภพ ใช่ไหมคะ” สาวสวยสุดมั่นเอ่ยได้แค่นั้น
“ไม่เป็นไรครับ ดีใจจังที่คุณจำผมได้ด้วย ดูเหมือนคุณจะมึนๆแล้ว ไม่เป็นไรแน่นะครับ” เสียงทุ้มดังมาจากหนุ่มหล่อที่ตัวสูงกว่าเธอน่าจะสักสิบเซ็นได้ สาวสวยขยับตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มก่อนที่จะพยายามยืนให้มั่นคง
“เอ่อ ก็ เหมือนจะมึนๆนิดหน่อยแหละค่ะ ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ออกจากห้องน้ำมาไม่ทันได้มอง” สาวสวยเอ่ยขึ้นขณะพิจารณามองใบหน้าหล่อเหลา สมแล้วที่เป็นดาราดัง หล่อลากไส้ ซะไม่มี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนใจที่อยากจะมีแฟนหรอกนะ เธอไม่ชอบความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นคนอื่น ผมก็คงต้องรับไว้เหมือนกัน” ฟังดูเหมือนจะเป็นประโยคยียวน กวนประสาทถ้าเธอยังไม่เมา แต่ตอนนี้เธอมึนแล้ว จึงไม่รับรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกวนใจเธออยู่
“ถ้างั้นขอตัวก่อนนะคะ” สาวสวยเลิกสนใจคนตรงหน้าอีกต่อไป ก่อนที่จะก้าวเดินจากไปอย่างมั่นคง ดาราหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิด เธอน่าจะไม่ชอบผู้ชายจริงๆนั่นแหละ เรื่องอะไรเป็นผู้หญิงคนอื่นถ้าลองได้ใกล้ชิดกับเขามีแต่จะอ่อนระทดระทวยกันไปเป็นแถบๆ แต่นี่อะไรในแววตาของเธอคนนี้ไม่มีความหวั่นไหวอะไรให้เขาได้เห็นสักอย่าง แม้แต่อาการเคอะเขินแบบที่จริตมารยาหญิงควรจะมี เธอคนนี้ก็ไม่มี ชักจะอยากพิสูจน์แล้วสิ ว่าเธอชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชาย ดาราหนุ่มหล่อสุดมั่นคิดในใจ ก่อนจะพิมพ์ข้อความและส่งออกไป เพื่อสั่งให้การ์ดข้างนอกทำหน้าที่ เสร็จเขาจึงเดินตามเธอออกไป
สาวสวยเดินได้อย่างมั่นคงแต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปจากบริเวณห้องน้ำของลูกค้าวีวีไอพี ร่างบางสูงโปร่งของตนก็ลอยลิ่วเข้าไปสู่อกกว้างที่หนั่นแน่น
“ว้าย ปล่อยนะ” เสียงหวานโวยวายขึ้น ขณะนี้การ์ดที่เขาสั่งไว้ให้ดูต้นทาง ไม่ให้คนอื่นเข้ามารบกวนเวลาที่เขาต้องการจะพิสูจน์อะไรสักหน่อยกับหญิงสาวสุดมั่นตรงหน้า ได้จัดการยืนคุมด้านนอกตามคำสั่งของเจ้านายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครเข้ามาเห็นการกระทำอันบ้าบิ่นของตน เพียงแค่เขาอยากรู้ว่าเธอชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชายเท่านั้นเอง
“คะ..คุณ...ภพ คุณจะทำอะไรฉันคะ” เสียงสั่นๆเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าที่กำลังกอดเธอชนิดที่ว่าร่างบางของเธอไม่สามารถขยับหนีออกจากอ้อมกอดของเขาได้ และด้วยความมึน ทำให้สาวสวยสุดมั่นอย่างเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะผลักไสผู้ชายตรงหน้าออกจากร่างกายของตนได้ ตาคมของดาราหนุ่มจ้องไปที่ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูแล้วโฉบลงไปขโมยจูบแรกจากหญิงสาวอย่างอาจหาญ หญิงสาวจะอ้าปากร้องประท้วงแต่เขากับได้โอกาสส่งลิ้นหนาเข้าไปสำรวจในโพรงปากของเธอ รสหวานปนกับรสชาติของวิสกี้ทำให้เขารู้สึกหลงใหล มือบางทุบลงที่อกหนั่นแน่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลูบไล้อย่างลืมตัว เธอหลงมัวเมาไปกับรสจูบของดาราหนุ่ม จนเผลอจูบตอบเขาไปอย่างเง๊อะงะ ไร้ประสบการณ์แต่ก็เรียกเสียงครางทุ้มพอใจจากคนร่างสูงได้อย่างดี
“อื้ม........ โอ้ย!” จากเสียงทุ้มที่ครางอยู่กลายเป็นร้องครวญเสียงดัง เพราะแม่สาวสวยสุดมั่นนั้นออกฤทธิ์ใช้เล็บที่ยาวนั้นข่วนไปที่ลำคอของเขา ส่วนมืออีกข้างก็ใช้บิดท้องเขาจนต้องร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บ เขาจึงผละออกจากร่างบางเพราะไม่อาจทนความเจ็บปวดที่เธอมอบให้ได้
“เพี๊ยะ!!!! ไอ้คนฉวยโอกาส” สาวสวยร่างบางพอหลุดจากการควบคุมก็สะบัดมือตบลงไปบนใบหน้าหล่ออย่างแรงจนเขาหน้าหัน ก่อนที่เธอจะทำท่าเช็ดริมฝีปากของตนเองแล้วรีบเดินออกจากบริเวณนี้ไป ดาราหนุ่มได้แต่ลูบใบหน้าหล่อและริมฝีปากของตนอย่างพอใจ
“อืม ไม่ใช่สินะ ดีจัง” เขาครางก่อนจะพูดราวกับละเมอออกมา นิ้วเรียวยาวของตนก็ลูบอยู่ที่ริมฝีปากหนาอย่างเหม่อลอย
“นายเป็นอะไรไหมครับ” การ์ดรีบวิ่งเข้ามาดูเจ้านาย หลังเห็นสาวสวยเดินออกไปด้วยท่าทางโมโห
“ฉันไม่เป็นไร กลับไปทำงานกันได้แล้ว” เสียงเข้มสั่งดังขึ้น ลูกน้องทั้งหลายจึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“คุณหนีผมไม่พ้นหรอก คุณมิ้น พิมลนาฎ เจริญยศ” น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยออกมาอย่างมาดมั่น
ส่วนสาวสวยสุดมั่นอย่างมิ้น พิมลนาฎก็เดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปที่โต๊ะ หน้าสวยบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด จนเพื่อนทั้งสองต่างมองไปที่เธอเป็นตาเดียวกันก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“แกเป็นอะไรอะมิ้น อารมณ์เสียอะไรมา เฮ้ย แล้วทำไมปากแกดูบวมๆแบบนั้นวะ” เสียงเอกกี้เอ่ยถามขึ้น ขณะที่สังเกตุใบหน้าสวยออกอาการเหวี่ยงของเพื่อนสาว ปากรูปกระจับที่เคยมีลิปสติกเคลือบไว้บางเบามันดูจืดจางกว่าตอนที่เพิ่งจะออกจากโต๊ะไป และริมฝีปากของเพื่อนเธอก็ดูเจ่อๆ เอกกี้เป็นคนช่างสังเกตุมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงไม่แปลกที่จะเห็นว่าเพื่อนของเขาไม่เหมือนเดิม สาวสวยยกแก้ววิสกี้ขึ้นมากระดกลงคอจนหมดจนมะลิต้องเป็นฝ่ายห้าม
“เฮ้ยๆ เป็นอะไร ยกซะขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาตายเลยยัยมิ้น”
“เอื้อก..อืม ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอแมลงน่ะ มันต่อยปากเอาปากฉันเลยดูเจ่อๆ” สาวสวยแก้ตัว ก่อนจะหลบตาเพื่อนด้วยการหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาเช็คโซเชียลมีเดีย เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องมารับรู้ว่าเธอเพิ่งเสียจูบแรกให้กับอีตาดาราหน้าหล่อมา หนึ่งสาวกับอีกหนึ่งหนุ่ม(ไม่แท้)มองมาที่เพื่อนสาวด้วยความสงสัย
“แมลงอะไรอะ ผับเค้าออกจะหรู ทำไมปล่อยให้แมลงตัวเล็กๆเข้ามาทำร้ายแขกได้ เจ้าของที่นี่ใช่พระเอกที่แกร่วมงานด้วยใช่ปะ” เอกกี้บ่นออกมา ก่อนจะหันถามดาราสาว
“นั่นสิ อืม ใช่ ผับของพี่ภพ ธนยศน่ะ สงสัยต้องบอกพี่ภพซะหน่อยละ ว่าในผับมีแมลงมาต่อยปากเพื่อนสาวคนสวยของเราซะเจ่อเลย” ดาราสาวตอบเพื่อนชายหัวใจหญิงก่อนจะหันไปแซวเพื่อนสาวสุดมั่นของเธอ และทำท่ามองหาเจ้าของผับ ดารารุ่นพี่ของเธอ
“เฮ้ย! นั่นแกจะทำอะไรอะยัยมะลิ” สาวสวยหน้าหวานเอ่ยถามเพื่อนขึ้นอย่างตกใจ ที่เพื่อนเธอกำลังทำท่าเหมือนกับว่ามองหาใครบางคน
“มองหาพี่ภพไง จะเรียกพี่ภพมาคุยซะหน่อยว่าที่ผับมีแมลง...” ยังไม่ทันพูดจบสาวสวยหน้าหวานอย่างมิ้น พิมลนาฎก็เหวขึ้น
“พอเลย พอเลย ช่างมันเถอะ กลับกันเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์จะแดนซ์ละ” สาวสวยเฉี่ยวหน้าบึ้งตึงขึ้นทันตาก่อนจะชวนเพื่อนๆกลับ เธอไม่มีอารมณ์จะมานั่งดื่มต่ออีกแล้ว เธอไม่อยากเห็นอีตาดาราหน้าม่อนั่น คนบ้าอะไรอยู่ๆก็มาขโมยจูบแรกของเธอไปอย่างหน้าตาเฉย
“อ้าว จะรีบกลับทำไมอะ กำลังได้ที่เลยอะยัยมิ้น” เสียงของเอกกี้ดังขัดขึ้น แต่พอมองหน้าสวยหวานที่บูดบึ้งของเพื่อนสาวแล้วก็ต้องรีบกลืนคำพูดลงคอ สองสาวกับหนึ่งหนุ่ม(ไม่แท้)เรียกบริกรมาเช็คบิล แล้วพากันเดินออกจากผับไปโดยที่มีสายตาหลายคู่มองตามพวกเธออย่างสนอกสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าของผับ อย่างดาราหนุ่มสุดหล่อ ที่เพิ่งโดนคนหน้าสวยเฉี่ยวด่าในใจว่าหน้าม่อ
“เป็นไงแก ดูท่าจะเจอของจริง ฮ่าๆๆๆ” กรุณพลแซวเพื่อนสุดหล่อของตน ก่อนจะจิ้มลงไปที่คอของเพื่อนที่มีรอยเล็บข่วนจนเป็นรอยยาว
“อืม น่าสนใจเลยทีเดียว” ดาราหนุ่มพูดจบก่อนที่จะยกแก้ววิสกี้ของตนขึ้นกระดก แต่สายตานั้นจับจ้องร่างงามที่เดินออกจากภัพไปจนลับสายตา