ตอนที่ 5 ข้ออ้างขออยู่ต่อ
“ข้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องแล้วขอรับ ตอนนี้รอเพียงให้ท่านอ๋องฟื้นก็ไม่น่าจะมีอันตรายแล้วขอรับคุณหนู”
“แล้วเขาจะมีไข้อีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่แล้วขอรับ ช่วงนี้ให้พระองค์นอนพักไปก่อนเพื่อให้ยาเข้าไปสมานแผลภายใน น่าจะอีกราวๆ วันหรือสองวันคงฟื้นขอรับ”
“ขอบคุณท่านหมอมาก ท่านทิ้งยาเอาไว้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเป็นคนเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้เขาเอง สองวันนี้รบกวนท่านมากเลยแทบจะไม่ได้พักผ่อน”
“ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูอย่าได้เกรงใจข้า หากไม่ได้คุณหนูช่วยข้าไว้ ข้ากับครอบครัวคงตายไปแล้ว”
“อย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านหมอ อย่าได้คิดมากอีกเลย เรื่องในอดีตข้าลืมไปหมดแล้ว”
“ขอรับ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเอายาวางให้ท่าน ยาต้องเปลี่ยนวันละสองรอบ เช้าเย็น และพันแผลจนกว่าแผลจะแห้ง”
“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ"
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ท่านหมอเดินออกไปแล้ว ถิงถิงจึงเดินมาเพื่อเช็ดตัวให้กับท่านอ๋องที่บัดนี้เริ่มมีเหงื่อออกเพิ่มเพราะอาการเจ็บปวดจากยาทาแผล
เมื่อเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว นางจึงดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาพร้อมกับมองใบหน้าที่บัดนี้หลับสนิทอยู่ตรงหน้านาง เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วมาก
“หายเร็วๆ นะพี่หยางหยาง”
ถิงถิงเดินออกไปพร้อมกับนำอ่างเช็ดตัวออกมาด้วย นางแทบจะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เลยตั้งแต่เขาบาดเจ็บ เวลาผ่านไปเข้าวันที่สามแล้วกว่าท่านอ๋องจะฟื้นขึ้นมา
ลี่หยางกะพริบตาถี่ๆ มองที่เพดานที่ไม่คุ้นเคย กลิ่นหอมของจวนนี้ทำให้เขารู้สึกสบายจนไม่อยากลุกขึ้นมา เขามองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ก็สะอาด อีกข้างคือโต๊ะที่ตั้งอ่างสีทองและมีผ้าขาวพาดเอาไว้ คงเอาไว้เช็ดตัวให้เขา
แม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ แต่ดูจากสภาพแวดล้อมและกลิ่น เขาก็เริ่มจะเดาออก
“อย่าพึ่งรีบลุกเพคะ แผลท่านยังปิดไม่สนิท”
เสียงนั้นทำให้เขารีบหันไปมองจนเขารู้สึกปวดหัวเพราะพึ่งลุกขึ้นมาจึงปรับตัวไม่ทัน นางรีบเอาอ่างน้ำอันใหม่มาวางและรีบวิ่งเข้ามาพยุงเขาให้พิงหมอนที่เตียง แต่เขากลับโน้มเข้าไปหาตัวนางอย่างจงใจ กลิ่นกายของนางทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะพยุงพระองค์นั่งนะเพคะ”
เขาพยักหน้าเบาๆ อย่างนึกเสียดายที่ต้องผละออกไป แต่เสียงหัวใจที่เต้นรัวที่เขาได้ยินไม่โกหกแน่ นางกำลังตื่นเต้น
เมื่อเขานั่งพิงหมอนที่นางจัดให้ ใบหน้ารูปหัวใจของนางก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ตากลมโตที่มองมาที่เขา ปากอิ่มรูปกระจับที่กำลังถามอาการของเขาอยู่ เสียงนุ่มๆ นั้นทำเอาใจเขาลอยจนอยากจับนางมาจูบเสียตอนนี้เลยจริงๆ
“พระองค์ทำเพียงส่ายหน้ากับพยักหน้านะเพคะ ยังปวดหัวอยู่หรือไม่เพคะ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย
“ยังรู้สึกเวียนหัวหรือไม่เพคะ”
เขาส่ายหน้า
“ยังรู้สึกเจ็บแผลที่หน้าอกอยู่หรือไม่เพคะ”
“เจ็บ…..ข้า…หิวน้ำ”
นางหยิบน้ำให้เขาค่อยๆ จิบ สายตาเขามองไปที่หน้านาง เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อนางเข้ามาใกล้ อาการนี้จะเป็นอาการใกล้เคียงของการบาดเจ็บหรือไม่ เหตุใดหัวใจถึงเต้นไม่เป็นจังหวะได้ถึงเพียงนี้
“ในเมื่อพระองค์ตื่นแล้ว หม่อมฉันจะเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นะเพคะ”
“รบกวนเจ้าแล้ว”
ถิงถิงเริ่มเช็ดตัวให้เขา ตอนหลับ ก็คงจะเป็นนางที่ดูแลเขาสินะ เขาลอบยิ้มเมื่อเห็นว่านางกำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่อย่างระมัดระวัง เขาแอบมองนางตลอดเวลาที่นางเผลอจนนางเช็ดตัวจนเสร็จ
“หม่อมฉันจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นะเพคะ”
“เจ้าไม่กลัวหรือ”
“หม่อมฉันเปลี่ยนให้พระองค์ตลอดสามวันมานี้ ไม่กลัวแล้วเพคะ ต้องดูอาการเพื่อจะได้แจ้งท่านหมอได้ถูกด้วย”
“อ้อ รบกวนเถ้าแก่ฟางแล้ว”
นางไม่ตอบ เพียงแต่เดินเข้ามาเพื่อแกะผ้าพันแผลเก่าออกและทำความสะอาดแผลและเริ่มใส่ยา ท่านอ๋องขมวดคิ้วและส่งเสียงเล็กน้อยเพราะความเจ็บ
“พระองค์เจ็บหรือเพคะ หม่อมฉันจะเบามือลง”
“ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นหนี้ชีวิตเจ้า”
“พระองค์อย่าได้คิดเช่นนั้นเลยเพคะ หม่อมฉันทำเพราะทนเห็นคนตายต่อหน้าไม่ได้เท่านั้น”
คำพูดนั้นทำเอาจิตใจเขาห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังจะพูดคุยกับนางต่อ
“ดูเหมือนว่าข้าติดค้างคำขอโทษเจ้าอยู่ เรื่องที่ปรามาสสินค้าของเจ้า ข้าทดลองใช้แล้ว สบู่โสมโบตั๋นนั่น ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
รอยยิ้มแรกส่งมาให้เขา ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามยิ่งนักแม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขานึกอยากจะเห็นมันอีกครั้ง
“ข้าตั้งใจจะมาขอโทษเจ้าที่ร้าน แต่กลับถูกลอบทำร้ายเสียก่อน ก็เลย..”
“ไม่จำเป็นหรอกเพคะ เพียงแค่ท่านอ๋องทรงโปรดสินค้าในร้าน หม่อมฉันก็ดีใจมากแล้วเพคะ ว่าแต่ หม่อมฉันยังไม่ได้แจ้งที่จวนอ๋องว่าพระองค์อยู่ที่นี่ หม่อมฉันเกรงว่าที่ร้านจะไม่ปลอดภัย จึงรอให้พระองค์ฟื้นก่อนเพคะ”
“อย่าพึ่งแจ้งนะ ข้า…”
(เพียงอยากอยู่กับเจ้าให้นานกว่านี้อีกนิด ยังไม่อยากกลับจวนอ๋อง)
“พระองค์ตรัสอะไรนะเพคะ”
“อย่าพึ่งเลย ข้าขอรบกวนพักที่นี่ไปสักพักได้หรือไม่ หากข้ายังไม่แข็งแรงแล้วเดินออกไปจากร้านของเจ้า เกรงว่าร้านเจ้าจะไม่ปลอดภัย”
“แต่ว่าหลายวันมานี้ องครักษ์ของพระองค์ เที่ยวตามหาพระองค์ทั่วเมืองหย่งโจวเลยนะเพคะ”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีติดต่อพวกเขา”
“แต่หากพระองค์อยู่ที่นี่ แล้วพวกมันสืบรู้ แล้วตามมาฆ่าพระองค์อีก นั่นมันจะไม่อันตรายมากกว่าอยู่จวนอ๋องอีกหรือเพคะ”
“ที่นี่เป็นร้านขายสบู่และเครื่องประทินโฉม ของสตรี เจ้าว่าใครจะคิดว่าข้าที่เป็นท่านอ๋อง จะหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“นั่นก็จริงเพคะ แต่ว่า ที่นี่มิได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนที่จวนอ๋องนะเพคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้ากินง่ายอยู่ง่าย ไม่เรื่องมาก อย่าได้เรียกข้าว่าท่านอ๋องก็พอ”
“ไม่ได้เพคะ เรื่องนั้น…”
“ข้าจะอยู่ที่นี่ในฐานะคนธรรมดา เรียกข้าว่าลี่หยางก็พอ เช่นนี้จึงจะปลอดภัย”
“พันแผลนะเพคะ”
“เจ้าก็ต้องใช้คำพูดธรรมดากับข้าด้วย เริ่มเสียเดี๋ยวนี้เลย”
“เพ…เจ้าค่ะ พี่ลี่หยาง ข้าจะพันแผลให้ท่าน”
ท่านอ๋องยิ้มให้นาง ทำเอาถิงถิงหน้าแดงและต้องรีบหลบสายตานั้นทันทีและเริ่มพันแผลให้เขา นางต้องโน้มตัวเพื่อจะได้พันแผลให้เขาได้รอบ เขาเผลอสูดกลิ่นกายนางเขาเต็มปอด เขาหลับตาอย่างใจลอยพร้อมกับยกมือขึ้นมาหมายจะจับเรือนนุ่มผมนางแต่นางพันแผลเสร็จก่อนที่เขาจะได้ทำสิ่งนั้น
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะยกข้าวมาให้ ท่านต้องกินอาหารอ่อนๆ ก่อน”
“ได้สิ แล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรหรือแม่นางฟาง”
“ข้าชื่อฟางถิงถิง ท่านเรียกข้าว่าถิงถิงก็ได้เจ้าค่ะ"
“ถิงถิง ชื่อเพราะมาก”
“ข้าไปเอาโจ๊กมาให้ท่านก่อน”
ถิงถิงรีบเดินออกไป นางรีบหลบหน้าเขาหน้านางตอนนี้ร้อนผ่าวเพราะคำพูดของเขา ใจนางเต้นแรงแทบจะไม่เป็นจังหวะ นี่มันผิดปกติมากเกินไปแล้ว เรื่องผ่านมาสิบปีแล้ว นางก็ยังไม่ลืมเขา