ตอนที่ 4 ถูกลอบสังหาร
หมิงลี่หยางออกจากจวน วันนี้เขาสวมเพียงชุดลำลองธรรมดาเดินปะปนกับชาวบ้านเพื่อเดินดูรอบๆ เมืองไปด้วย
เขาพึ่งมาถึงเหมืองหย่งโจวนี้ไม่นานเท่าใด จึงยังไม่ค่อยมีผู้ใดคุ้นหน้าเขาโดยเฉพาะชาวเมืองที่แทบจะไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน ทำให้เขารู้สึกไม่ต้องเกร็งและไม่ต้องจัดขบวนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้วุ่นวาย
“แล้ว ร้านร้อยบุปผานั่นอยู่ที่ใด”
“อยู่ตรงสุดทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หมิงลี่หยางเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศที่นี่แตกต่างจากเมืองหลวงมาก ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่เป็นกันเองมากกว่าที่เมืองหลวง ร้านรวงที่ตั้งอยู่ริมทางก็มีของน่าสนใจมากที่ตั้งขายกันอยู่ จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งซึ่งถือตะกร้าของมาเพื่อเสนอขายให้แก่เขา
“พ่อหนุ่ม ช่วยซื้อมันเผานี่เสียหน่อยเถิด จะหมดแล้ว”
“พ่อเฒ่า ท่านขายเช่นไร เป่าอี้ เอาถุงเงินมา”
เป่าอี้ยื่นถุงเงินมาให้ท่านอ๋อง และเดินดูบริเวณรอบๆ อย่างระแวดระวัง แม้ว่าที่นี่จะดูปลอดภัยแต่ก็ไม่ควรประมาท
“พ่อหนุ่มจะเหมาหมดนี่เลยหรือไม่เล่า หากหมดนี่ข้าคิดสามตำลึง”
“ได้สิ ข้าเอาหมดนี่”
“ขอบคุณคุณชาย”
คนขายล้วงเข้าไปเพื่อจะหยิบมันมาใส่ห่อให้เขา ท่านอ๋องไม่ทันระวังคนขายซัดผงขาวๆ ใส่หน้าเขาอย่างรวดเร็วทำให้สายตาเขาเริ่มพร่ามัว
มันจึงดึงมีดในตะกร้าขึ้นมาเสียบอกของเขา เป่าอี้หันกลับมาพร้อมกับสวนดาบสู้กลับ พวกมันจึงแสดงตัวออกมาเพิ่มอีกสี่ห้าคน ชาวบ้านละแวกนั้นแตกตื่นเมื่อมีผู้คนสู้กัน
“ท่านอ๋อง หลบไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเริ่มมองเห็นทางและรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้น เขาวิ่งชนของสะเปะสะปะไปเรื่อย ไม่รู้ทิศทาง ตาเหลือบมองไปเห็นประตูจวนที่เปิดอยู่ เขาจึงวิ่งไปที่ประตูจวนหลังนั้นพร้อมกับหาที่ซ่อนตัว
เมื่อเขาเข้าไปในห้องที่เหมือนกับห้องที่ใช้ต้มสมุนไพรหรืออะไรสักอย่าง ที่นี่อาจจะเป็นร้านยากระมัง
เสียงคุยกันด้านนอกทำให้เขายกดาบขึ้นมาอย่างระแวดระวัง เป่าอี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เขาพลัดหลงช่วงจังหวะที่เป่าอี้บอกให้เขาหลบเข้ามาในตรอกแคบๆ และจัดการคนร้าย เสียงคนเดินมาทางที่เขายืนพร้อมกับหยุดเหมือนจะพบว่ามีความผิดปกติที่นี่
“ใครอยู่ตรงนั้น หากไม่ตอบข้าจะฆ่าเจ้า”
“ช้าก่อน ข้าเพียงขอหลบซ่อนตัวสักพัก เดี๋ยวก็จะไป”
“ท่านเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาซ่อนตัวที่นี่ หรือว่าเหตุโจรกรรมข้างนอกนั่น…”
“ข้ามาดี”
“คนมาดีไม่หลบซ่อนตัว อย่าหาว่าข้าใจร้าย”
เพียงแค่จะใช้แส้ฟาดลงไป เขากลับรับแส้นั้นได้ทันทีพร้อมกับหมุนแส้นั้นเข้ามา นางจึงหมุนเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย
(หอมยิ่งนัก) อ๋องหนุ่มนึกในใจ ก็แน่สิ เขามาซ่อนในร้านขายสบู่และเครื่องประทินโฉมนี่นา
“ปล่อยข้านะ”
ร่างหนาเริ่มสายตาพร่าเลือนก่อนจะล้มตัวซบลงกับร่างของสตรีตรงหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง ถิงถิงมองไปยังคนร่างใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับเบิกตากว้างเพราะบาดแผลที่ถูกแทงที่หน้าอกของเขานั้นค่อนข้างสาหัสและต้องตกใจอีกครั้งกับความบังเอิญที่โชคร้ายของเขา
“ท่านอ๋องหมิงลี่หยาง!!”
เสียงนั้นทำให้เขาสิ้นสติที่ประคองมาได้เนิ่นนาน จนถึงตอนนี้เขาไม่มีแรงต่อต้านใดๆ เหลืออยู่เลย
“อาหลิน อาหลาน เร็วเข้า มาช่วยข้าที”
“คุณหนู เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“นั่นมัน…”
“ท่านอ๋องปากเสียผู้นั้น”
“พวกเจ้าเงียบๆ หน่อย รีบช่วยข้าพยุงเขาไปที่ห้องทีเร็วๆ เข้า”
“ให้คนไปเรียกท่านหมอเล่อมาทีเร็วๆ เข้า แล้วอย่าให้ใครล่วงรู้”
“เจ้าค่ะๆ”
อาหลินวิ่งไปตามหมอตามคำสั่ง อาหลานช่วยถิงถิงพยุงตัวท่านอ๋องที่ตัวอาบเลือดไปนอนที่ห้องรับรองแขกเพื่อรอท่านหมอมาดูอาการ
“คนเจ็บอยู่ที่ใด พาข้าไปเร็วเข้า”
“ท่านหมอ ท่านมาแล้ว”
“คุณหนูเกิดอะไรขึ้น…คุณพระช่วย นี่มัน…”
“ช่วยเขาที”
“คุณหนู ข้าจะต้องดึงมีดนี้ออก เขาจะเจ็บมาก เพราะฉะนั้น”
“ข้าเอง พวกเจ้าออกไปเฝ้าข้างนอก หากมีผู้ใดมาถาม ให้บอกไม่รู้ไม่เห็นเข้าใจหรือไม่”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
“ท่านหมอ ข้าพร้อมแล้ว”
“ข้าจะเริ่มแล้วนะขอรับ”
ถิงถิงขึ้นไปนั่งและค่อยๆ พยุงตัวท่านอ๋องมาพิงที่ตัว นางถือผ้าสำหรับปิดปากเขาไม่ให้เขาร้อง และจับตัวเขาเอาไว้
“ข้าจะนับถึงสาม”
“ตกลง”
“หนึ่ง สอง สาม”
มีดนั้นถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องของท่านอ๋อง ถิงถิงใช้ผ้าที่ถืออยู่อุดปากเขาเอาไว้ พร้อมกับจับตัวเขาเอาไว้ เลือดที่สาดกระเซ็นโดนหน้านางนั้นยังไม่ได้เช็ดออก ท่านหมอจึงรีบห้ามเลือดให้เขาพร้อมกับทำแผล
“ลี่หยาง ท่านต้องอดทนเอาไว้ ข้าอยู่ที่นี่ ท่านอ๋อง อดทนเอาไว้เพคะ อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
หมิงลี่หยางที่สติแทบจะไม่เหลือได้ยินเสียงนั้นเพียงแผ่วเบา แต่มันทำให้จิตใจเขาสงบยิ่งนัก สิ้นเสียงที่ปลอบเขา สติของท่านอ๋องก็หลุดลอยไปอีกครั้ง คราวนี้ถิงถิงจึงปล่อยให้เขานอนเพราะท่านหมอพันแผลเสร็จแล้วจึงให้เขานอนพัก
“ท่านหมอ เรื่องนี้ขอให้ท่าน…”
“คุณหนู ข้าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น อย่าได้เป็นห่วง ข้าขอตัวกลับไปที่เรือนพักก่อนขอรับ”
“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปจัดยามาให้ คืนนี้ท่านอ๋องอาจจะมีไข้ ต้องให้คนคอยเช็ดตัวและป้อนยาให้เขา”
“ได้ ท่านไปจัดยามาให้ข้า เดี๋ยวข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”
ถิงถิงหันมามองผู้ที่นอนบาดเจ็บอยู่ มือก็ใช้ผ้าเช็ดเลือดของเขาที่กระเด็นโดนหน้านางออกอย่างใจลอย
“เหตุใดต้องมาเจอท่านในสถานการณ์แบบนี้อยู่เรื่อย ผู้ใดกันที่หมายจะเอาชีวิตท่านอยู่ตลอด พี่หยางหยาง”
“คุณหนู ข้างนอกตอนนี้องครักษ์นั่นตามหาท่านอ๋องไปทั่วเลยเจ้าค่ะ ควรบอกเขาดีหรือไม่”
“อย่าพึ่ง ตอนนี้หากบอกไปก็ยังเคลื่อนย้ายตัวท่านอ๋องไม่ได้ รอเขาฟื้นก่อนข้าจะไปส่งข่าวที่จวนท่านอ๋องเอง หากตอนนี้บอกพวกเขา คนที่จะไม่ปลอดภัยก็คือพวกเรา”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่ อาการท่านอ๋องหนักพอสมควรเลยนะเจ้าคะ”
“ใช่ ถูกแทงที่อก โชคดีที่ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เขาคงหลบได้ในช่วงสุดท้าย อาหลาน เจ้าจงรีบไปดูยาที่ท่านหมอเล่อจัดมาให้และต้มมาให้ข้าทีนะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู ข้าทราบแล้ว”
เมื่อตกดึก ก็เป็นดังที่ท่านหมอแจ้ง ท่านอ๋องมีไข้สูงเนื่องจากการอักเสบของบาดแผล ถิงถิงจึงอยู่เฝ้าเขาและเช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืนพร้อมกับปลุกเขาให้กินยา แม้ว่าสติจะกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่โชคดีที่เขายังลุกขึ้นมากินยาได้
จวนหลังของร้านร้อยบุปผาวุ่นวายทั้งคืนเพราะดูแลคนบาดเจ็บที่คุณหนูพวกเขาดูแลอยู่ กว่าถิงถิงจะได้นอนพักก็เกือบใกล้รุ่งเช้าของวันใหม่แล้ว
“อืมม น้ำ...”
มือบางรินน้ำจากเหยือกและประคองตัวเขาลุกขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆ ส่งน้ำให้เขาจิบ กลิ่นหอมจากตัวนางทำให้ท่านอ๋องรู้สึกอยากนอนอยู่ท่านี้ให้นานอีกนิด เพียงแต่ความกระหายนั้นมีมากกว่า
“ขออีก….”
นางค่อยๆ จับหมอนเพื่อให้เขาพิงและเดินไปรินน้ำถ้วยที่สองมาให้เขาจิบ เมื่อได้จิบน้ำแล้ว เขาหันมามองผู้ที่ช่วยเขาที่หันไปคุยกับอีกคนซึ่งน่าจะเป็นท่านหมอ ก่อนที่นางจะเดินออกไปเพื่อให้ท่านหมอเข้ามาดูอาการเขา เมื่อรู้สึกว่าท่านหมอทำอะไรบางอย่างกับร่างกายเขา ท่านอ๋องก็หมดสติไปอีกรอบ