รักท่านอ๋อง...ช่างหวานล้ำ

165.0K · จบแล้ว
ชาไทยเย็น
83
บท
9.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาดูถูกนางตั้งแต่แรกพบ ความน้อยใจในครั้งนั้นทำให้นางเลือกที่จะหันหลังให้เขา ท่านอ๋องถูกลอบสังหารจนได้นางช่วยเอาไว้ ความรักจึงเริ่มก่อตัวขึ้น ความหึงหวงของท่านอ๋องนั้นร้ายกาจจนเผาไหม้ทุกคนที่เข้านาง.. “ใครอยู่ตรงนั้น หากไม่ตอบข้าจะฆ่าเจ้า” “ช้าก่อน ข้าเพียงขอหลบซ่อนตัวสักพัก เดี๋ยวก็จะไป” “ท่านเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาซ่อนตัวที่นี่ หรือว่าเหตุโจรกรรมข้างนอกนั่น…” “ข้ามาดี” “คนมาดีไม่หลบซ่อนตัว อย่าหาว่าข้าใจร้าย” เพียงแค่จะใช้แส้ฟาดลงไป เขากลับรับแส้นั้นได้ทันทีพร้อมกับหมุนแส้นั้นเข้ามา นางจึงหมุนเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย (หอมยิ่งนัก) อ๋องหนุ่มนึกในใจ ก็แน่สิ เขามาซ่อนในร้านขายสบู่และเครื่องประทินโฉมนี่นา “ปล่อยข้านะ” ร่างหนาเริ่มสายตาพร่าเลือนก่อนจะล้มตัวซบลงกับร่างของสตรีตรงหน้าอย่างหมดเรี่ยวแรง ถิงถิงมองไปยังคนร่างใหญ่ตรงหน้าพร้อมกับเบิกตากว้างเพราะบาดแผลที่ถูกแทงที่หน้าอกของเขานั้นค่อนข้างสาหัสและต้องตกใจอีกครั้งกับความบังเอิญที่โชคร้ายของเขา “ท่านอ๋องหมิงลี่หยาง!!” “อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ ถึงกับไปแย่งต่อแถวกับเด็กๆ เชียวนะเจ้าน่ะ” “อร่อยมากเจ้าค่ะ กินแล้วทำให้นึกถึงความหลัง” “หืม ความหลังอะไรงั้นหรือ หรือว่า มีคนเคยซื้อน้ำตาลปั้นให้เจ้าแบบนี้” “ไม่ได้ซื้อ แต่เขามอบให้ข้าเจ้าค่ะ” สีหน้าของนางตอนพูดเรื่องนี้ดูมีความสุขมากกับความทรงจำที่นางเล่าให้ฟังจนท่านอ๋องนึกโมโหหงุดหงิดอยุ่ในใจ เขาไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้เขาอยากจะทำบางอย่าง เขาจึงดึงแขนนางที่ถือน้ำตาลปั้นอยู่และโอบรัดเอวนางเข้ามาใกล้ “ลี่หยาง นี่ท่าน..” เขาก้มลงจูบนางอีกครั้ง ครั้งนี้มีรสน้ำตาลปั้นด้วย มือของนางเริ่มลดลงเมื่อเขาเริ่มกอดรัดตัวนางเข้ามาจนชิดตัวเขา บนถนนว่างเปล่าไร้ผู้คน หมิงลี่หยางเริ่มส่งลิ้นเข้าไปพร้อมกับชิมน้ำตาลปั้นในปากนาง ถิงถิงเองก็ต่อต้านเขาไม่ไหว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบนาง “อื้ออ อย่าเจ้าค่ะ นี่มันกลางถนนข้างนอกนะปล่อยข้านะท่านอ๋อง” “ถ้าเช่นนั้น หากไม่ใช่ข้างนอกก็ได้ใช่หรือไม่”

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณท่านอ๋องพลิกชีวิตนางเอกเก่งจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่งหลายตัวตน18+

ตอนที่ 1 งานจิบชา ชมบุปผา

งานจิบชา ชมบุปผาเมืองหย่งโจว

“คุณหนูเจ้าคะ ปีนี้คนมากกว่าปีก่อนๆ จริงๆ นะเจ้าคะ”

“นั่นสิ หวังว่าคงไม่มาเสียเที่ยวนะ”

“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ร้านเราได้ที่ตั้งตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนูดูท่าสินค้าใหม่ของท่านน่าจะขายดีอีกตามเคยนะเจ้าคะ”

ฟางถิงถิงเดินไปยังร้านที่ค้าชั่วคราวในงานจิบชาที่มีเหล่าสตรีรายล้อมอยู่หน้าร้าน พร้อมกับอาหลินที่คอยกางร่มให้นางในวันที่อากาศดีแต่ยังมีแดดอยู่ ถิงถิงเดินผ่านเหล่าสตรีและไปถามอาหลาน เด็กสาวอีกคนที่ยืนห่อของให้บรรดาสตรีที่เข้าแถวยืนรอซื้อสบู่หอมซึ่งเป็นสินค้าของทางร้าน

“เข้าแถวๆ ใครแซงมาข้าไม่ขายให้นะ เตือนไว้ก่อน ท่านพี่ท่านนั้นน่ะ ไปต่อแถวเจ้าค่ะ หากไม่ได้วันนี้ข้าจะออกบิลใบจองให้พวกท่านไปรับที่ร้านร้อยบุปผาได้เลย อย่าเบียดๆ โอ๊ย รอก่อนๆ คุณหนูมาแล้ว”

“อาหลาน มา ข้าช่วยเจ้าห่อเอง รับอะไรเจ้าคะ”

“เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาเองเลยหรือ ข้าเอาสบู่ข้าวกับสบู่ชาเขียว”

“ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”

“คุณหนู สบู่หัวไชเท้า ของทดลองแจกไม่พอเจ้าค่ะ”

“ทุกท่านใจเย็นๆ นะเจ้าคะ ร้านร้อยบุปผาของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากไม่เพียงพอ สามารถไปขอรับได้ที่ร้านได้เลยเจ้าค่ะ”

เหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะน่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำมาขายในงาน ทั้งกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่ฟางถิงถิงสั่งให้คนที่ร้านจุดเพื่อส่งกลิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ

“ท่านอ๋อง พระองค์พึงใจสตรีผู้ใดหรือไม่ในงานนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“ก็แค่สตรี ผู้ใดก็เหมือนกันหมด ไม่เห็นจะแตกต่างกัน”

“……..”

“แต่วันนี้มีแต่ลูกขุนนางชั้นสูงของเมืองหย่งโจวมาร่วม พวกนางนั่งอยู่อีกฝั่งของสวน พระองค์ไม่พึ่งใจผู้ใดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หมิงลี่หยางมองตรงไปยังร้านค้าที่มีผู้คนเฝ้ามุงดูอยู่มากมาย ร้านนั้นส่งกลิ่นหอมมาถึงที่ที่เขายืน เขาเองก็เดินมาเพราะสะดุดกลิ่นที่หอมเย้ายวนนี้จึงเดินมาดู

“นั่นพวกเขามุงดูอะไรกัน”

“อ้อ นั่นเป็นร้านเครื่องประทินโฉมชื่อดังของหย่งตูที่มาออกร้านค้าในวันนี้ ร้านร้อยบุปผาของเถ้าแก่ฟาง เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหย่งโจวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ร้านเครื่องประทินโฉม แต่เหตุใดถึงได้มีบุรุษไปยืนต่อแถวด้วยเล่า”

“นั่นเป็นเพราะพวกเขาน่าจะไปต่อแถวซื้อสบู่พ่ะย่ะค่ะ”

“สบู่??”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“สบู่นางมีอะไรพิเศษขนาดถึงกับให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับไปต่อแถวซื้อกัน”

“สบู่ของนางเป็นทั้งสบู่ระงับกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรักษาโรคผิวหนังบางโรคได้อย่างดีพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเหตุผลที่มีคนเข้าแถวซื้อกันไม่ขาดสายพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่สบู่ วิเศษปานนั้นเชียว หึ ข้าไม่นึกอยากเชื่อ เรื่องกลิ่นหอมยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องรักษาโรค แค่สบู่นี่น่ะหรือ เกินความจริงไปหรือไม่ ข้าจะเดินไปดูหน่อย”

หมิงลี่หยางกำลังจะเดินไปดูยังร้านค้านั้น ซึ่งตลอดทั้งงานเมื่อนางเริ่มเปิดร้านก็มีแต่คนที่เข้ามารอให้นางเปิดขาย แถวที่ต่อรอซื้อก็ยาวเหยียด จนท่านอ๋องนึกแปลกใจตั้งแต่เริ่มงานแล้ว เมื่อเขากำลังจะเดินไป ท่านเจ้าเมืองพร้อมบุตรีก็เดินมาดักรอเขา

“กระหม่อมหลินชิงเยียนถวายบังคมท่านอ๋อง”

“หม่อมฉันหลินเยว่ซินถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”

“ท่านเจ้าเมืองหย่งโจวและบุตรสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

(งดงามอันดับหนึ่ง เห็นจะไม่เกินจริงตามคำเล่าลือ)

ท่านอ๋องนึกในใจระหว่างมองหน้าสตรีตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แก้มนางเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงระเรื่อเเพราะความเขินอายที่สบตากับบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างอ๋องหมิงลี่หยางตรงๆ

สายตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันกับใบหน้ายาวรูปไข่ สตรีใดพบเห็นก็ย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา

“ท่านเจ้าเมืองตามสบายเถิด”

“ท่านอ๋อง งานจิบชาไม่สนุกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“สนุกสิ เราเจอสิ่งน่าสนใจในเมืองหย่งโจวนี้มากมาย เหล่าบรรดาแขกที่มาก็ดูเพลิดเพลิน ชาและอาหารก็เพียบพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจัดงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

“ขอบพระทัย เพียงคำชมของท่านอ๋องก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสวนนี้กว้างนัก บุปผามากมายกำลังเบ่งบาน ถ้าอย่างไรให้กระหม่อมเป็นผู้พาท่านอ๋องชมงานดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ได้สิ เรากำลังจะเดินไปดูทางนั้น เห็นว่าน่าสนใจดี”

“อ้อ ท่านอ๋องคงหมายถึง ร้านร้อยบุปผา ให้กระหม่อมพาไปเองนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญใต้เท้าหลินนำทาง”

หลินเยว่ซินไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะนั่นคือร้านของฟางถิงถิง เพื่อนเก่านางที่พึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นได้ไม่นาน

เมื่อนางย้ายมาและเปิดร้านเครื่องประทินโฉมนี้ขึ้น พร้อมกับคำร่ำลือเรื่องความงามของนางทำให้หลินเยว่ซินที่เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งของหย่งโจวไม่พอใจนาง

แต่หลินเยว่ซินก็เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะนางเองก็ซื้อของใช้และเครื่องหอมทุกอย่างจากร้านร้อยบุปผามาใช้เช่นกันเพราะร้านของนางผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาย่อมเยาจับต้องได้และยังมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ความเป็นศัตรูกับนาง ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น

“อย่าเบียดกันๆ ข้าเตือนแล้วนะ ถอยออกไปก่อน ตอนนี้สบู่กลิ่นใหม่สำหรับแจกหมดแล้ว เดี๋ยวรอก่อนๆ ใครไม่ได้ข้าจะแจกให้ทีหลัง”

“ท่านอ๋องเสด็จ”

เสียงเรียกไม่มีผู้ใดสนใจ ผู้นำเสด็จต้องร้องประกาศถึงสามครั้ง กว่าที่คนที่เฝ้ามุงกันที่หน้าร้านนั้นจะรู้ว่าผู้ใดมา พวกเขาจึงยอมหลีกทางแต่ก็ยังต่อแถวออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้พลาดลำดับของตัวเอง

ฟางถิงถิงไม่ทันได้ออกมาเพราะมัวแต่ห่อของอยู่โต๊ะด้านหลัง อาหลินกับอาหลาน สองฝาแฝดสาวใช้เป็นผู้รับหน้าที่รับเสด็จ

“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านเจ้าเมือง”

“ตามสบายเถิด ร้านของพวกเจ้าขายสิ่งใดบ้าง ข้าได้กลิ่นหอมไปถึงศาลาที่ข้านั่ง จึงได้เดินมาตามกลิ่น”

อาหลินได้แต่มองหน้าท่านอ๋องรูปงามตาปริบๆ เพราะตกตะลึงในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำข้างหน้า อาหลานจึงเป็นผู้อธิบายให้เขาฟัง

“ทูลท่านอ๋อง ด้านนี้เป็นสบู่ของทางร้านเพคะ มีทั้งสบู่ที่ทำให้กลิ่นหอม สบู่ที่รักษาผิวหน้า และสบู่ที่สร้างกลิ่นหอมให้ผิวกายเพคะ”

“เหตุใดสรรพคุณจึงมากเกินตัวเช่นนี้ พวกเจ้ามิได้หลอกขายให้พวกเขาเชื่อเกินจริงใช่หรือไม่”

ฟางถิงถิงได้ยิน นางจึงหยุดห่อของและหันมาเพื่ออธิบายสินค้าด้วยตนเอง นางทนไม่ได้เท่าไหร่ที่จะมีคนมาดูถูกสินค้าที่นางเฝ้าทำมาเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ และเมื่อนางหันมาพบหน้าเขา ทำให้นางชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาเพื่ออธิบาย

“ทูลท่านอ๋อง สบู่ที่ร้านร้อยบุปผาผลิตขึ้นเป็นสบู่ทำมือทุกชิ้น แต่ละชิ้นงานมีการตรวจสอบส่วนผสมอย่างถูกต้อง หม่อมฉันรับรองคุณภาพของสินค้าได้ทุกก้อนที่ลูกค้าซื้อไปเพคะ”

นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย อ๋องหนุ่มสบตานางที่มองเขาอย่างไม่นึกเกรงกลัว สายตากลมโตเอาเรื่อง

ปากอิ่มรูปกระจับหน้านวลขาวรูปหัวใจนั่นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออก เขาจ้องมองนางไปชั่วขณะ ก่อนที่เป่าอี้ องครักษ์คนสนิทของเขาจะเรียกเขาออกจากภวังค์นั้น

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

เขาหยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดมดูพบว่า กลิ่นของสบู่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาได้กลิ่นที่ลอยในงาน แต่เป็นกลิ่นที่หอมมาก จนมองหน้าผู้ที่พูดด้วยความอยากรู้

“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ….”

“นางคือเถ้าแก่ฟาง ฟางถิงถิง เจ้าของร้านร้อยบุปผาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”