ตอนที่ 1 งานจิบชา ชมบุปผา
งานจิบชา ชมบุปผาเมืองหย่งโจว
“คุณหนูเจ้าคะ ปีนี้คนมากกว่าปีก่อนๆ จริงๆ นะเจ้าคะ”
“นั่นสิ หวังว่าคงไม่มาเสียเที่ยวนะ”
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ร้านเราได้ที่ตั้งตรงนี้เจ้าค่ะ คุณหนูดูท่าสินค้าใหม่ของท่านน่าจะขายดีอีกตามเคยนะเจ้าคะ”
ฟางถิงถิงเดินไปยังร้านที่ค้าชั่วคราวในงานจิบชาที่มีเหล่าสตรีรายล้อมอยู่หน้าร้าน พร้อมกับอาหลินที่คอยกางร่มให้นางในวันที่อากาศดีแต่ยังมีแดดอยู่ ถิงถิงเดินผ่านเหล่าสตรีและไปถามอาหลาน เด็กสาวอีกคนที่ยืนห่อของให้บรรดาสตรีที่เข้าแถวยืนรอซื้อสบู่หอมซึ่งเป็นสินค้าของทางร้าน
“เข้าแถวๆ ใครแซงมาข้าไม่ขายให้นะ เตือนไว้ก่อน ท่านพี่ท่านนั้นน่ะ ไปต่อแถวเจ้าค่ะ หากไม่ได้วันนี้ข้าจะออกบิลใบจองให้พวกท่านไปรับที่ร้านร้อยบุปผาได้เลย อย่าเบียดๆ โอ๊ย รอก่อนๆ คุณหนูมาแล้ว”
“อาหลาน มา ข้าช่วยเจ้าห่อเอง รับอะไรเจ้าคะ”
“เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาเองเลยหรือ ข้าเอาสบู่ข้าวกับสบู่ชาเขียว”
“ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ”
“คุณหนู สบู่หัวไชเท้า ของทดลองแจกไม่พอเจ้าค่ะ”
“ทุกท่านใจเย็นๆ นะเจ้าคะ ร้านร้อยบุปผาของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากไม่เพียงพอ สามารถไปขอรับได้ที่ร้านได้เลยเจ้าค่ะ”
เหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะน่าสนใจที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำมาขายในงาน ทั้งกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยที่ฟางถิงถิงสั่งให้คนที่ร้านจุดเพื่อส่งกลิ่นไปทั่วทั้งบริเวณ
“ท่านอ๋อง พระองค์พึงใจสตรีผู้ใดหรือไม่ในงานนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ก็แค่สตรี ผู้ใดก็เหมือนกันหมด ไม่เห็นจะแตกต่างกัน”
“……..”
“แต่วันนี้มีแต่ลูกขุนนางชั้นสูงของเมืองหย่งโจวมาร่วม พวกนางนั่งอยู่อีกฝั่งของสวน พระองค์ไม่พึ่งใจผู้ใดเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หมิงลี่หยางมองตรงไปยังร้านค้าที่มีผู้คนเฝ้ามุงดูอยู่มากมาย ร้านนั้นส่งกลิ่นหอมมาถึงที่ที่เขายืน เขาเองก็เดินมาเพราะสะดุดกลิ่นที่หอมเย้ายวนนี้จึงเดินมาดู
“นั่นพวกเขามุงดูอะไรกัน”
“อ้อ นั่นเป็นร้านเครื่องประทินโฉมชื่อดังของหย่งตูที่มาออกร้านค้าในวันนี้ ร้านร้อยบุปผาของเถ้าแก่ฟาง เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหย่งโจวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ร้านเครื่องประทินโฉม แต่เหตุใดถึงได้มีบุรุษไปยืนต่อแถวด้วยเล่า”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาน่าจะไปต่อแถวซื้อสบู่พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่??”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“สบู่นางมีอะไรพิเศษขนาดถึงกับให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับไปต่อแถวซื้อกัน”
“สบู่ของนางเป็นทั้งสบู่ระงับกลิ่นกายที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมและรักษาโรคผิวหนังบางโรคได้อย่างดีพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเหตุผลที่มีคนเข้าแถวซื้อกันไม่ขาดสายพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่สบู่ วิเศษปานนั้นเชียว หึ ข้าไม่นึกอยากเชื่อ เรื่องกลิ่นหอมยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องรักษาโรค แค่สบู่นี่น่ะหรือ เกินความจริงไปหรือไม่ ข้าจะเดินไปดูหน่อย”
หมิงลี่หยางกำลังจะเดินไปดูยังร้านค้านั้น ซึ่งตลอดทั้งงานเมื่อนางเริ่มเปิดร้านก็มีแต่คนที่เข้ามารอให้นางเปิดขาย แถวที่ต่อรอซื้อก็ยาวเหยียด จนท่านอ๋องนึกแปลกใจตั้งแต่เริ่มงานแล้ว เมื่อเขากำลังจะเดินไป ท่านเจ้าเมืองพร้อมบุตรีก็เดินมาดักรอเขา
“กระหม่อมหลินชิงเยียนถวายบังคมท่านอ๋อง”
“หม่อมฉันหลินเยว่ซินถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“ท่านเจ้าเมืองหย่งโจวและบุตรสาวที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
(งดงามอันดับหนึ่ง เห็นจะไม่เกินจริงตามคำเล่าลือ)
ท่านอ๋องนึกในใจระหว่างมองหน้าสตรีตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แก้มนางเริ่มเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงระเรื่อเเพราะความเขินอายที่สบตากับบุรุษหนุ่มรูปงามอย่างอ๋องหมิงลี่หยางตรงๆ
สายตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสันกับใบหน้ายาวรูปไข่ สตรีใดพบเห็นก็ย่อมตกตะลึงเป็นธรรมดา
“ท่านเจ้าเมืองตามสบายเถิด”
“ท่านอ๋อง งานจิบชาไม่สนุกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“สนุกสิ เราเจอสิ่งน่าสนใจในเมืองหย่งโจวนี้มากมาย เหล่าบรรดาแขกที่มาก็ดูเพลิดเพลิน ชาและอาหารก็เพียบพร้อมไม่ขาดตกบกพร่อง ท่านเจ้าเมือง ท่านจัดงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ขอบพระทัย เพียงคำชมของท่านอ๋องก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสวนนี้กว้างนัก บุปผามากมายกำลังเบ่งบาน ถ้าอย่างไรให้กระหม่อมเป็นผู้พาท่านอ๋องชมงานดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้สิ เรากำลังจะเดินไปดูทางนั้น เห็นว่าน่าสนใจดี”
“อ้อ ท่านอ๋องคงหมายถึง ร้านร้อยบุปผา ให้กระหม่อมพาไปเองนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญใต้เท้าหลินนำทาง”
หลินเยว่ซินไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะนั่นคือร้านของฟางถิงถิง เพื่อนเก่านางที่พึ่งย้ายมาจากเมืองอื่นได้ไม่นาน
เมื่อนางย้ายมาและเปิดร้านเครื่องประทินโฉมนี้ขึ้น พร้อมกับคำร่ำลือเรื่องความงามของนางทำให้หลินเยว่ซินที่เป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่างดงามอันดับหนึ่งของหย่งโจวไม่พอใจนาง
แต่หลินเยว่ซินก็เป็นประเภทเกลียดตัวกินไข่ เพราะนางเองก็ซื้อของใช้และเครื่องหอมทุกอย่างจากร้านร้อยบุปผามาใช้เช่นกันเพราะร้านของนางผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาย่อมเยาจับต้องได้และยังมีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ความเป็นศัตรูกับนาง ทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“อย่าเบียดกันๆ ข้าเตือนแล้วนะ ถอยออกไปก่อน ตอนนี้สบู่กลิ่นใหม่สำหรับแจกหมดแล้ว เดี๋ยวรอก่อนๆ ใครไม่ได้ข้าจะแจกให้ทีหลัง”
“ท่านอ๋องเสด็จ”
เสียงเรียกไม่มีผู้ใดสนใจ ผู้นำเสด็จต้องร้องประกาศถึงสามครั้ง กว่าที่คนที่เฝ้ามุงกันที่หน้าร้านนั้นจะรู้ว่าผู้ใดมา พวกเขาจึงยอมหลีกทางแต่ก็ยังต่อแถวออกไปข้างๆ เพื่อไม่ให้พลาดลำดับของตัวเอง
ฟางถิงถิงไม่ทันได้ออกมาเพราะมัวแต่ห่อของอยู่โต๊ะด้านหลัง อาหลินกับอาหลาน สองฝาแฝดสาวใช้เป็นผู้รับหน้าที่รับเสด็จ
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ คารวะท่านเจ้าเมือง”
“ตามสบายเถิด ร้านของพวกเจ้าขายสิ่งใดบ้าง ข้าได้กลิ่นหอมไปถึงศาลาที่ข้านั่ง จึงได้เดินมาตามกลิ่น”
อาหลินได้แต่มองหน้าท่านอ๋องรูปงามตาปริบๆ เพราะตกตะลึงในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มในชุดสีดำข้างหน้า อาหลานจึงเป็นผู้อธิบายให้เขาฟัง
“ทูลท่านอ๋อง ด้านนี้เป็นสบู่ของทางร้านเพคะ มีทั้งสบู่ที่ทำให้กลิ่นหอม สบู่ที่รักษาผิวหน้า และสบู่ที่สร้างกลิ่นหอมให้ผิวกายเพคะ”
“เหตุใดสรรพคุณจึงมากเกินตัวเช่นนี้ พวกเจ้ามิได้หลอกขายให้พวกเขาเชื่อเกินจริงใช่หรือไม่”
ฟางถิงถิงได้ยิน นางจึงหยุดห่อของและหันมาเพื่ออธิบายสินค้าด้วยตนเอง นางทนไม่ได้เท่าไหร่ที่จะมีคนมาดูถูกสินค้าที่นางเฝ้าทำมาเองกับมือด้วยความภาคภูมิใจ และเมื่อนางหันมาพบหน้าเขา ทำให้นางชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาเพื่ออธิบาย
“ทูลท่านอ๋อง สบู่ที่ร้านร้อยบุปผาผลิตขึ้นเป็นสบู่ทำมือทุกชิ้น แต่ละชิ้นงานมีการตรวจสอบส่วนผสมอย่างถูกต้อง หม่อมฉันรับรองคุณภาพของสินค้าได้ทุกก้อนที่ลูกค้าซื้อไปเพคะ”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย อ๋องหนุ่มสบตานางที่มองเขาอย่างไม่นึกเกรงกลัว สายตากลมโตเอาเรื่อง
ปากอิ่มรูปกระจับหน้านวลขาวรูปหัวใจนั่นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดแต่เขากลับนึกไม่ออก เขาจ้องมองนางไปชั่วขณะ ก่อนที่เป่าอี้ องครักษ์คนสนิทของเขาจะเรียกเขาออกจากภวังค์นั้น
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดมดูพบว่า กลิ่นของสบู่นั้นไม่เหมือนกับที่เขาได้กลิ่นที่ลอยในงาน แต่เป็นกลิ่นที่หอมมาก จนมองหน้าผู้ที่พูดด้วยความอยากรู้
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้คือ….”
“นางคือเถ้าแก่ฟาง ฟางถิงถิง เจ้าของร้านร้อยบุปผาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”