ตอนที่ 6 เดินชมร้านร้อยบุปผา
โจ๊กได้ถูกยกมาให้ในห้อง พร้อมกับสาวใช้อาหลินที่เข้ามายกอ่างน้ำและของที่ไม่ได้ใช้ออกไป ถิงถิงเดินเข้าไปพยุงตัวท่านอ๋องขึ้นมานั่งที่โต๊ะ
“ท่านกินไหวหรือไม่”
“หากไม่ไหว เจ้าจะป้อนข้าหรือไม่”
“คือว่า…ท่าน…ท่านหมอบอกว่าท่านจะต้องกินเองเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงบ้าง”
“แต่ข้าพึ่งจะฟื้นเองนะ ถิงถิง เจ้าจะใจร้ายกับข้างั้นหรือ”
สายตาที่ส่งมาให้ทำเอานางปฏิเสธไม่ลง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจะพูดและทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อนเช่นกัน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดที่เขาอยากจะทำเช่นนี้กับนาง
“ก็ได้ ข้าจะป้อนท่าน แต่มื้อต่อๆ ไป ท่านต้องกินเองเพื่อจะได้หายเร็วๆ”
“ได้สิ ถิงถิง ข้าต้องใช้หมึกพู่กันกับกระดาษ เจ้าช่วยเตรียมให้ข้าทีสิ”
“ได้เจ้าค่ะ อาหลิน ไปเอามาทีสิ"
“เจ้าค่ะคุณหนู”
นางป้อนโจ๊กเขาจนอิ่มและยกน้ำให้เขาดื่มด้วยตัวเอง อาหลานเป็นคนเดินเอากระดาษและพู่กันมาวางไว้ให้นางวางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยจนท่านอ๋องตกใจหันมามองหน้าสาวใช้ผู้นั้น นางสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ถิงถิงถึงกับมองตามนางไปและหันมามองท่านอ๋อง
“นี่ข้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่งั้นหรือ ก่อนออกไปก็เห็นยังดีๆ อยู่นี่”
“นั่นอาหลานเจ้าค่ะ คนก่อนหน้าคืออาหลิน นางเป็นฝาแฝดกันเจ้าค่ะ"
“อ้อ เป็นเช่นนั้น แต่ว่าเหตุใดอีกคนเรียบร้อย อีกคนช่าง…”
“อาหลินเก่งงานบ้านและงานครัว แต่อาหลานเป็นนักฆ่าเจ้าค่ะ"
“เป็นนักฆ่า ถิงถิง เจ้าร้ายกาจนี่ เก็บนักฆ่าเอาไว้ข้างกายด้วย”
“เหตุการณ์บางอย่างก็ต้องทำให้เราต้องมีเขี้ยวเล็บเจ้าค่ะ ของที่ท่านต้องการมาแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะถิงถิง”
นางยกชามโจ๊กใส่ถาดและเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง แม้ว่านางจะอยากอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้คงเป็นความลับ เขาคงไม่อยากให้นางล่วงรู้
ท่านอ๋องเมื่อเห็นถิงถิงเดินออกไปแล้ว จึงเริ่มเขียนบางอย่างลงในกระดาษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขียนเสร็จจึงม้วนเป็นแผ่นเล็กๆ และผิวปากเป็นจังหวะ ไม่นานเกินรอ เหยี่ยวตัวไม่ใหญ่มากก็บินเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ตามเสียงเรียก
“เสี่ยวเฟย เอาไปส่งให้เป่าอี้”
เหยี่ยวที่ถูกผูกจดหมายเอาไว้เริ่มบินออกไปด้านนอกตามคำสั่ง เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมองตามมันไป หากเป่าอี้ได้รับจดหมายคงเบากังวลได้ และเขาจำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัยให้กับร้านร้อยบุปผานี้ให้มากกว่าเดิม เขาหันกลับมาพร้อมกับเห็นว่าถิงถิงนำชุดมาให้เขาเปลี่ยน
“ท่านเปลี่ยนชุดเสียหน่อยเจ้าค่ะ เปลี่ยนได้หรือไม่ ให้ข้าเรียกคนมาช่วยเปลี่ยนหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ ข้าจัดการเองได้ ถิงถิง ให้ข้าตามเจ้าไปดูร้านได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านไม่กลัวจะมีคนเห็นหรือเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ข้าดูแค่หลังร้าน ข้าอยากเห็นว่าเจ้าทำอะไรบ้างเท่านั้น”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเขาเปลี่ยนชุดแล้ว จึงเดินตามนางไปดูส่วนต่างๆ ของร้าน มีเพียงหน้าร้านเท่านั้นที่เขาจะไม่ไปดูเพราะยังเสี่ยงเกินไป เขาตามนางไปดูห้องที่อบพวกกลิ่นต่างๆ และทำสบู่กลิ่นต่างๆ
“นั่นเขาทำอะไรน่ะ”
“นั่นเป็นวัตถุดิบที่เอามาทำสบู่เจ้าค่ะ”
“ถั่วเหลือง”
“ใช่เจ้าค่ะ สบู่ทำมาจากไขของถั่วเหลือง ปกติสบู่ทั่วไปหลังจากอาบน้ำแล้วจะทำให้ผิวแห้ง แต่สบู่ของร้านเราจะทำจากไขน้ำมันจากถั่วเหลือง ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทาน้ำมันหลังอาบน้ำ ป้องกันผิวแห้งแตกได้ดีเจ้าค่ะ”
“นั่นพวกเขาเผาสิ่งใดกัน”
“นั่นเป็นแม่พิมพ์สบู่เจ้าค่ะ ทำจากดินเผา เราจะหลอมสบู่และเทลงในพิมพ์แล้วแกะออกมา แต่ละกลิ่น แต่ละชนิดจะมีแม่พิมพ์ที่แตกต่างกันเจ้าค่ะ”
“คิดไม่ถึงว่าสบู่ก้อนเดียวจะมีวิธีผลิตที่มากขนาดนี้”
“อันที่จริง แค่เพียงต้มสบู่แล้วใส่พิมพ์ ตัดขายอย่างเดียวก็ได้เจ้าค่ะ”
“นั่นสิ ปกติก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น”
“แต่ข้าว่ามันออกจะมักง่ายไปหน่อย เพียงแค่อาบน้ำและสักพักผิวก็แห้งกร้าน แตกลาย ระงับกลิ่นตัวไม่ได้ พอเหงื่อออกก็ทำให้มีคราบไคล ข้าว่าความสุขในการอาบน้ำมันมีมากกว่านั้นเจ้าค่ะ"
“เพราะเจ้าคิดเช่นนี้ ก็เลยเกิดร้านนี้ขึ้นมางั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ที่นี่มันสวนอะไรกัน นี่มันว่านหางจระเข้นี่ มากมายขนาดนี้เชียว”
“ใช่เจ้าค่ะ วัตถุดิบบางอย่างพวกเราก็ปลูกเอง เช่นว่านหางจระเข้ แตงกวา หัวไชเท้า ขิงและมะเขือเทศ”
"น่าทึ่งมากจริงๆ แล้ววัตถุดิบอื่นล่ะ โสม ดอกโบ๋ตั๋น หรือพวกใบบัวบก"
“บางอย่างก็รับมาจากชาวบ้านที่ปลูกเองเจ้าค่ะ พวกเขาจะนำมาส่ง ของเหล่านี้สร้างรายได้ให้พวกเขา ที่สำคัญข้าได้ของที่สะอาดปลอดภัยและราคาไม่แพง”
"นั่นห้องอะไร"
“เราอย่าไปเลยดีกว่าเจ้าค่ะ”
“ทำไมเล่า มันไม่น่าดูหรือ”
“นั่นห้องเลี้ยงผึ้งเจ้าค่ะ”
“เจ้าถึงกับ เลี้ยงผึ้งเองเลยหรือ”
“เจ้าค่ะ เพราะมันหายาก และไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่หากมีคนนำมาขาย ร้านเราก็รับซื้อนะเจ้าคะ เพราะน้ำผึ้งคือส่วนผสมหลักๆ ในสบู่ที่ใช้ในเรื่องบำรุงผิวพรรณ อย่างสบู่มะเขือเทศ สบู่น้ำนมข้าว สบู่แครอท แตงกวา และหัวไชเท้า สูตรพวกนี้ช่วยในเรื่องทำให้ผิวหน้ากระชับสดใส ลดริ้วรอย ผู้ที่เป็นผื่นฝ้าก็จะจางลงเมื่อใช้ทุกวันเจ้าค่ะ"
“แล้วสบู่โสมโบตั๋นที่ข้าใช้อยู่ล่ะ ข้ายังรู้สึกว่ากลิ่นมันยังอยู่อยู่เลย ขนาดข้ามิได้อาบน้ำมาตั้งหลายวัน”
“สูตรนั้นเน้นเรื่องรักษากลิ่นกายเจ้าค่ะ สำหรับผู้ที่เหงื่อออกง่ายและมักจะมีกลิ่นตัวแรง โสมและขิงจะช่วยในเรื่องนี้ ดอกโบตั๋นจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้ติดทนนานแม้ว่าจะไม่ได้อาบน้ำ หรือหากอาบทุกวัน ตัวท่านก็จะเป็นกลิ่นนี้ไปอีกหลายวันเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ต้องใช้นำมันทาหลังอาบน้ำจริงๆ”
“นั่นเพราะไขจากถั่วเหลืองและน้ำผึ้งเจ้าค่ะ ที่รักษาความชุ่มชื้นให้ผิวของท่าน”
“ยอดเยี่ยม ข้าเริ่มต้นไม่ดี ดูถูกสินค้าของร้านเจ้าทำให้เกิดความเสียหาย เอาไว้ข้าจะหาโอกาสขอโทษเจ้าอย่างจริงจัง เรื่องในครั้งนี้เป็นข้าที่ผิดไปเอง”
“ข้าลืมไปแล้วเจ้าค่ะ เพียงแค่ท่านพอใจในสินค้าก็เพียงพอแล้ว ข้าเพียงต้องการให้สินค้าที่ข้าทำเป็นที่พอใจของลูกค้า รอยยิ้มของลูกค้าสำคัญกว่าคำขอโทษมากนักเจ้าค่ะ ท่านก็อย่าได้คิดมากเลย”
“ขนาดข้าพูดไปขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าร้านร้อยบุปผาจะไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อยนะ คงเพราะทุกคนต่างรู้คุณภาพของสินค้าเจ้าดีสินะ”
“นั่นเพราะส่วนหนึ่งข้าซื้อวัตถุดิบจากพวกเขามา อีกส่วนหนึ่งคนงานของที่นี่ก็เป็นลูกหลานของคนในเมืองนี้ ข้าให้โอกาสกับทุกคนที่อยากทำงานและอยากเริ่มต้นใหม่ พวกเขาจึงรู้จักร้านข้าดีเจ้าค่ะ"
หมิงลี่หยางมองไปรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าคนงานของนาง บางคนก็ชรามากแล้ว และบางคนก็พิการมีแขนข้างเดียว หรือไม่ก็ขาขาดแต่ก็ใช้แขนทำงานอย่างขยันไม่มีอิดออด เขาเดินตามนางไปเรื่อยๆ อย่างนึกเลื่อมใสนางมากขึ้นทุกที
“ถิงถิง เจ้าไปเรียนความรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่ใดงั้นหรือ”
“อาจารย์ข้าเป็นผู้สอนเจ้าค่ะ”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายเฉินลู่เสียนมาหาท่านเจ้าค่ะ"
“เขามาทำไมกัน”
“เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะคุณหนู เขาทำให้ร้านวุ่นวายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านรอข้าอยู่นี่นะเจ้าคะ”
นางเร่งเดินออกไปกับอาหลาน โดยทิ้งเขาเอาไว้กับอาหลิน ท่านอ๋องหันไปถามอาหลินด้วยความอยากรู้
“คุณชายฉินที่ว่านั่นคือผู้ใดงั้นหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง เขาคือว่าที่คู่หมั้นคุณหนูเพคะ”