บทที่7
WARNING 7 ปลอบใจ
เท้าแกร่งก้าวเข้ามายืนตรงหน้าเด็กสาวที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ใบหน้าสีนวลก่อนหน้านี้แดงซ่านจากการร้องไห้ รอยฝ่ามือปรากฏเด่นชัดบนพวงแก้มเธอ
"ไม่ต้องร้อง เรื่องนี้ฉันผิดเอง ขอโทษ" ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะเป่าเป้ย ในขณะที่เคนจิมองตามด้วยความมึนงง "เด็กน้อย.. เธอคงเจ็บมากสินะ"
"จะ.. เจ็บมาก ๆ ไม่เคยมีใครทำกับเป้ยแบบนี้มาก่อน" เด็กสาวสูดน้ำมูกแล้วปาดน้ำตาออกจากเรือนแก้มแดงซ่าน เงยหน้าขึ้นสบตากับอชิตรง ๆ รอยยิ้มหวานที่เขาส่งมาพาลทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวชั่วครู่
"หยุดร้องได้แล้ว เป็นผู้หญิงก็อย่าอ่อนแอไป ทำตัวให้เข้มแข็งหน่อย คนอื่นจะได้ไม่รังแกได้ง่าย ๆ" เคนจิรีบลุกขึ้นยืนเมื่อพูดจบประโยคนั้น ขณะที่เป่าเป้ยนั่งห้อยขาสะอื้นไห้จนไหล่สั่นบนศาลา
"หน้าเธอมันคงไม่หายง่าย อาจจะบวมด้วย" ปลายนิ้วชี้เรียวยาวแตะลงบนพวงแก้มเธอเบา ๆ อชิมองอย่างพิจารณาก่อนจะหันมามองหน้าลูกน้อง เขาไม่ต้องเอ่ยบอกเคนจิก็รับรู้ว่านายต้องการอะไร
ชายหนุ่มหันหลังเดินออกไปจากสวนเพื่อนำยามาให้เป่าเป้ย ไม่นานเคนจิก็กลับมาพร้อมกับถุงประคบเย็นและยาทาลดอาการบวมและช้ำ
"ขะ.. ขอบคุณค่ะ"
"เธอไม่ต้องขอบคุณ เรื่องนี้ฉันผิด เธอไม่เกี่ยวเลยแต่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ฉันต้องรับผิดชอบ" น้ำเสียงอ่อนโยนที่อชิเอ่ยออกมาทำให้ความหวาดกลัวหายไป เขาจับถุงประคบเย็นวางลงบนพวงแก้มเด็กสาวและส่งยิ้มให้
'เด็กน้อย นี่คงกลัวมากเลยสินะ แก้มเธอแดงหมดแล้ว'
"พี่สุดหล่อบอกว่าให้เป้ยห่างจากพี่ค่ะ เดี๋ยวเป้ยทำเองได้" เธอเลื่อนมือขึ้นมาจับมือหนาเพื่อที่จะจับถุงประคบเย็นต่อจากเขา อชิรีบถกมือกลับแล้วเอาไพล่หลังทันที
"นายอย่าถือสาเธอเลย เธอออกจะน่ารัก.. เหมาะจะเป็นน้องสาวนายมากรู้ไหม" อชิเย้าหยอกเพื่อนสนิทด้วยการวางมือลงบนบ่าเคนจิและออกแรงบีบนวดเบา ๆ "รับเธอเป็นน้องสาวเถอะ นายจะได้ดูแลเธอได้ไง" คำพูดที่อชิเอ่ยออกมาแฝงด้วยคำสั่งและเขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากใจจริง ๆ ของผู้เป็นนาย
"ครับ" เคนจิตอบรับแล้วมองหน้าเป่าเป้ย "อยู่ที่นี่ เธอจะทำตัวสนิทสนมกับทุกคนไม่ได้"
"ค่ะ.." เป่าเป้ยก้มหน้ารับคำแล้วยิ้มให้อชิ
"เชื่อฟังเขา เธอจะได้ไม่ต้องลำบาก" อชิตบไหล่แกร่งเบา ๆ สองสามครั้งแล้วออกมาจากตรงนั้น เคนจิทำได้เพียงพ่นลมหายใจออกเบา ๆ แล้วนั่งลงข้างเป่าเป้ย พ่นลมหายใจออกระบายความหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้
"ถ้าอยากอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข เธอก็ต้องเชื่อฟังฉัน อันไหนที่ห้ามก็คือห้าม เพราะไม่มีใครเข้าใจและใจดีกับเธอเหมือน.. พี่คนหล่อหรอกนะ"
"พี่สุดหล่อไงคะ พี่สุดหล่อใจดีกับเป้ย แม้จะทำหน้าดุก็เถอะ"
"ฉันไม่ชอบเด็ก"
"แต่เป้ยจะยี่สิบแล้วนะคะ ไม่เด็กแล้วนะ"
"เถียงเก่งแบบนี้ นี่เหรอที่เรียกว่าโตแล้ว" คนถูกดุทำหน้าหง่อยแล้วก้มหน้าหลบสายตา "เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคไม่ดีนัก รักษาตัวเองให้หายแล้วทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ฉันไปก่อน"
"ขอบคุณค่ะ" เป่าเป้ยคลี่ยิ้มให้เคนจิแล้วรีบเดินตามชายหนุ่มออกมา เธอรู้สึกดีไม่น้อยที่มีคนเอ็นดูและไม่ใจร้ายเหมือนหัวหน้าแม่บ้านที่เอาแต่จ้องจะทำโทษตลอดเวลา
กลางดึกของวัน
อชินั่งทำงานอยู่ภายในห้องหนังสือขนาดใหญ่สมัยโบราณตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรก แต่ก็มีบางมุมที่ซ่อมบำรุงและตกแต่งด้วยชอบทันสมัย
สายลมเย็นฉ่ำพัดมผ่านม่านระเบียงสีขาวปักลายสวยงามเข้ามาด้านในพาลทำให้แสงไฟจากเทียนหรี่ลงจนห้องมืดสลัว
"รู้แล้ว.." อชิเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคนที่กำลังจะเข้ามาด้านในห้องหนังสือ เคนจิหยุดชะงักที่ได้ยินแบบนั้นแล้วหมุนตัวกลับ "เข้ามาก่อนสิ"
"ครับ.."
"ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมไม่พักผ่อน"
"ผมรอนายอยู่ครับ"
"หากฉันไม่นอน นายก็คงไม่นอนเหมือนกันสินะ"
"ครับ"
"อืม เข้าใจแล้ว" อชิวางปากกาในมือลงแล้วปิดแฟ้มงานสำคัญ ก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะทำงานเดินไปที่หน้าต่าง มองดวงจันทร์ที่กำลังส่องแสงสีนวลอยู่บนฟากฟ้า รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
"นายจะบอกความจริงกับเธอเมื่อไหร่ ผมเกรงว่าเธอจะทำให้นายเดือดร้อนนะครับ"
"ความจริง?"
"ครับ"
"ฉันไม่มีความจริงอะไรต้องบอกเธอหรอก เพราะฉันไม่ได้ปิดบังอะไรเธอ"
"แต่นายครับ"
"นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้สวมบทบาทของโอยะบุนกับเธอตั้งแต่แรก เป็นเธอเองต่างหากที่มองฉันเหมือนผู้ชายทั่วไปคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นี่ ไม่ได้ถือตัวและกล้าแสดงออกต่อหน้าฉัน"
"…"!
"การที่ไม่ได้สวมหน้ากากตลอดเวลา มันดีมากนะ"
"ครับ" เคนจิตอบกลับเจ้านายเสียงอ่อน เขาจะห้ามปรามอะไรไม่ได้คงต้องยอมตามใจอชิอีกตามเคย
"นายไม่ต้องลำบากใจหรอกเพื่อน นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากใช้สถานะที่คนอื่นมองว่ามันสูงส่งกับนายเลย ฉันคืออชิเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกับนายไม่ใช่เหรอ"
"นายครับ.."
"เลิกพูดเถอะ ตอนนี้ฉันจะเข้านอนแล้ว ส่วนเรื่องผู้อาวุโสตระกูลฮาไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้"
"ครับผม"
"หากมีเวลาว่าง ๆ เราควรจะนั่งดื่มกันสองคนบ้างนะ อ่า.. เอาเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน ไก่ต้มสักหนึ่งตัวแล้วก็ มาม่าสักถ้วยก็น่าจะโอเค"
"นายเมาแล้วชอบเงียบ ผมก็เกรงใจ"
"นายต่างหากที่เมาแล้วชอบเงียบ ไอ้คนทรยศ"
"…"! คำพูดสุดท้ายที่หลุดออกจากปากอชิทำเคนจินิ่งงันไปหลายนาที
"ทรยศที่ให้ฉันเมาคนเดียวไง.. นายเคยบอกจะเมาเป็นเพื่อนกันแต่กลับปล่อยให้ฉันเมาคนเดียว"
"ผมต้องดูแลนายนี่ครับ"
"ได้.. ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะกลับหอนอนแล้ว พรุ่งนี้.. จะตื่นตอนหกโมงเช้า บอกแม่บ้านไม่ต้องเตรียมน้ำให้อาบ เดี๋ยวทำเอง"
"ฮะ?" ลูกน้องหนุ่มทำหน้ามึนงงกับคำสั่งที่ได้รับ นี่เจ้านายเขาเป็นอะไรไป ปกติไม่เคยสั่งแบบนี้แต่ทำไมวันนี้ถึง.. (?) เคนจิได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเดินออกมาก่อน แต่ก็มานึกอะไรออกทีหลังว่าวันนี้เป่าเป้ยถูกทำร้ายและเป็นเธอที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาเตรียมน้ำให้อชิอาบ "แบบนี้นี่เอง.." เคนจิร้องอ๋อทันทีเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้
วันต่อมา 05:00
เป่าเป้ยงัวเงียตื่นขึ้นมาพลางเอามือลูบแก้มเบา ๆ ด้วยความเจ็บระบม เธอพบว่าแก้มมีรอยเขียวช้ำเป็นบางจุดและปวดมาก
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องนอนทำให้เธอตื่นเต็มตา เด็กสาวในชุดนอนลายการ์ตูนเดินโงนเงนมาเปิดประตูห้องแต่ก็ต้องตกใจจนก้าวถอยหลัง
"พี่สุดหล่อ"
"เธอเป็นยังไงบ้าง"
"คะ?" เคนจิมองพวงแก้มที่มีรอยช้ำอย่างหงุดหงิดแล้วยื่นซองยาให้ "ยาเหรอคะ"
"อืม.. มีคนบอกให้ฉันเอามาให้ และวันนี้เธอได้รับอนุญาตให้หยุดงานได้"
"พี่สุดหล่ออนุญาตเหรอคะ"
"ถามมาก"
"…"! เป่าเป้ยรับถุงยามากอดไว้แล้วชะเง้อมองออกมาจากในห้อง บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยหมอกหนาจนมองไม่เห็นอะไรแต่เธอจะรู้ไหมว่าอชิยืนมองอยู่ไกล ๆ
"กินยาแล้วก็พักผ่อน"
"ขอบคุณค่ะ"
"อืม" เคนจิหันหลังเดินออกมาไกลพอสมควรและก้มศีรษะให้อชิที่ยืนมองอยู่ตรงหน้า "ถ้าเธอไม่ซนก็คงหายในเร็ววันครับนาย"
"อืม ลำบากนายแล้วที่ต้องดูแลเธอ" เคนจิก้มหน้าเล็กน้อย หากไม่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนายเขาคงไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอนและสำหรับเป่าเป้ยเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้พิเศษอะไรในสายตา แต่เธออาจพิเศษสำหรับคนอื่น..