บทที่ 3
WARNING 3 พี่คนหล่อ
อชิสะบัดชายเสื้อคลุมแล้วนั่งลงบนเบาะรองภายในศาลากลางสวนอันเงียบสงบ เสียงน้ำไหลกระทบหินดังเบา ๆ คล้ายเสียงเพลงขับขานในยามราตรี อชินั่งนิ่งและมองกาน้ำชาอยู่นานสองนานจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคนผู้หนึ่งดังเข้ามาในหูทำให้เขาต้องละสายตาไปมอง
"มีอะไร"
"ถึงเวลาต้องพักผ่อนแล้วครับนาย"
"นายทำตัวเหมือนแม่ฉันไปได้เคน นั่งก่อน"
"นายครับ แค่นี้ผมก็ถูกผู้อาวุโสตำหนิมากแล้วนะครับ" อชิละสายตาจากถ้วยน้ำชามามองเคนจิอีกครั้งแล้วเอ่ยบอกเสียงเรียบ
"การที่ฉันจะนั่งดื่มชากับเพื่อนคนหนึ่ง มันคงเป็นเรื่องใหญ่โตมากสินะ" คำคำนั้นทำเคนจินิ่งงันไปนานหลายนาที เพื่อนงั้นเหรอ..
"…" ลูกน้องหนุ่มยืนนิ่งไม่ตอบอะไรกลับ และเสียงพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมร่างสูงใหญ่ที่ลุกขึ้นยืน แล้วก้าวลงมาหาเคนจิ
"นายเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉัน คนอื่นมองว่าฉันกับนายเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง ฉันไม่สนใจ เพราะเราเติบโตมาด้วยกัน และ.. ฉันไว้ใจนายมากกว่าใครหน้าไหน" มือหนาวางลงบนบ่าแกร่งของเคนจิแล้วเดินออกมาจากสวนไร้กังวล คำพูดทิ้งท้ายของอชิทำหัวคิ้วหนาย่นเข้าหากันยุ่ง
สิบปีก่อน
"อย่าทำผม ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรผมเลย.." เด็กน้อยใบหน้าเปรอะเปื้อนยกมือไหว้ขอร้องกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังจะรุมทำร้าย น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลนองใบหน้า
"เอาของที่ขโมยมา!"
"ผมไม่ได้ขโมยของใคร อันนี้มีคนให้ผมมา"
"อย่ามาโกหก!"
เพียะ!
ฝ่ามือหนาฟาดลงบนแก้มจนล้มฟุบลงกับพื้น หางตากระแทกกับพื้นจนเกิดบาดแผลเลือดออก หยาดเลือดสีแดงสดไหลอาบแก้มป่องแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนใจร้ายรู้เห็นใจเขา
"หยุด!" ทว่าในตอนที่ชายฉกรรจ์จะฟาดฝ่ามือลงอีกกลับมีเสียงหนึ่งร้องห้ามขึ้น ผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับเขาปรากฏตัวขึ้น
"ชะ.. ช่วยด้วยครับ"
"ไม่ต้องกลัว นายจะปลอดภัย" รอยยิ้มจริงใจของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันส่งมาพร้อมกับมือที่ยื่นมาจับมือเขาโดยไร้ความรังเกียจ "ผู้อาวุโสครับ.. ช่วยจัดการเขาให้ชิด้วย"
"ครับ.. นายน้อย" ภาพใบหน้าและรอยยิ้มของเด็กหนุ่มในวันนั้นยังสะท้อนอยู่ในม่านตาเขาตลอดมา
"ฉันชื่ออชิ.."
"ผะ.. ผม อึก.. เคนจิครับ"
"หึหึ.. เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ" เสียงหัวเราะและรอยยิ้มอบอุ่นนั้นยังตราตรึงในหัวใจเขา
ปัจจุบัน
เคนจิกำหมัดแน่นพร้อมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเดินตามหลังผู้เป็นนายมายังห้องนอนส่วนตัว ภายในห้องถูกเคนจิเดินตรวจจนแน่ใจว่าปลอดภัยอชิถึงนอนได้
"เมื่อไหร่.. เราจะออกไปจากการใช้ชีวิตแบบนี้ได้นะ"
"นายหมายความว่ายังไงเหรอครับ"
"หมายถึง อยากใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปใช้กัน อยากนั่งกินข้าวกับพ่อแม่ อยากนั่งกินหมูกระทะกับอา ๆ ทุกคน อยากให้ป๊ากลับมาที่นี่บ่อย ๆ ทำเหมือนครอบครัวทั่วไปเขาทำกัน"
"แต่นายไม่ได้เป็นแบบนั้น.. นายเป็นถึงโอยะบุนสูงสุด" คำพูดของลูกน้องทำให้อชิถอนหายใจพรืดใหญ่
"แต่ฉันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง"
"ครับ.. ผมว่านายนอนเถอะ"
"นายก็ไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องมายืนเฝ้ากันก็ได้ กว่าฉันจะหลับในแต่ละวัน นายยืนจนขาแข็งแล้ว"
"ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้"
"ดื้อด้านจริง ๆ" อชิเบ้ปากใส่เคนจิแล้วหันหลังให้เขา เคนจิทำหน้ามึนงงที่ผู้เป็นนายว่ามาแบบนั้นก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้อชิ
"ทำขนาดนี้ มาเป็นเมียเลยไหม"
"ผมเป็นผู้ชายครับ"
"อ่า.. ใช่ นายน่ะเป็นผู้ชาย" อชิสะบัดมือเบา ๆ เป็นการบอกให้เคนจิออกไป ไม่นานเขาก็หลับใหลไปด้วยความเพลียโดยที่เคนจิยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาจะทำแบบนี้ทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายหลับแล้วจริง ๆ อีกอย่างก็ดูความปลอดภัยให้ด้วย
"ฝันดีครับ.. เพื่อน"
04:00 วันต่อมา
เป่าเป้ยเดินหาวหวอดตามหลังแม่บ้านวัยกลางคนมาที่ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งด้วยของทันสมัยไม่เหมือนกับด้านนอก ภาพที่เห็นก็ทำเอาเธอตื่นเต็มตาเลยล่ะ
"เอาดอกไม้ไปวางรองอ่าง และเปิดน้ำใส่อ่างไว้"
"ค่ะ" เธอกับแม่บ้านอีกสองคนทำตามคำสั่งแม่บ้านวัยกลางคน ด้วยการเอาดอกไม้ไปวางรองอ่างและเปิดน้ำใส่อ่างไว้ และเมื่อทำเสร็จก็ถูกใช้ให้ไปจัดผ้าขนหนู พับให้เรียบร้อยก่อนจะยกมาวางไว้ข้าง ๆ กับอ่างอาบน้ำ ภายในหอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้สดชื่น
"เสร็จแล้วก็ออกไปรอหน้าห้อง"
"ค่ะ" เด็กสาวขานรับแล้วเดินออกมายืนรออยู่หน้าห้องกับรุ่นพี่ทั้งสองคน เป่าเป้ยยังไม่หายจากอาการงัวเงียจนต้องเอ่ยถามรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างกัน "เราต้องรอท่านโอยะบุนนานไหมคะ"
"อีกหนึ่งชั่วโมง ท่านถึงจะมาอาบน้ำเพราะตอนนี้ท่านออกกำลังกายอยู่"
"ออกกำลังกายตอนตีสี่เหรอคะ" ทั้งตกใจและงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน คนอะไรออกกำลังกายตอนตีสี่
"อย่าถามมาก เดี๋ยวถูกทำโทษหรอก" เป่าเป้ยรีบก้มหน้าแล้วยืนนิ่งจนกระทั่งถึงเวลา เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวเดินเข้ามาช้า ๆ อย่างใจเย็นและในที่สุดโอยะบุนสูงสุดที่เธอหวังอยากเห็นหน้าเขาสักครั้งก็มา แต่ทว่าความกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองตรง ๆ กลับไม่มี เป่าเป้ยจำใจก้มหน้าต่อแต่ทว่าชายหนุ่มกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
"…" อชิมองเด็กสาวคนตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะนึกออกว่าเจอเธอเมื่อคืนที่ผ่านมานี่เอง เขาเลิกคิ้วให้และมองผมประบ่าเป่าเป้ย "เช้านี้บอกเคนจิยกอาหารไปให้ผมที่สวนนะ" เสียงเรียบเอ่ยบอกแม่บ้าน
"ค่ะนายท่าน"
"ออกไปได้แล้ว" เมื่อได้ฟังเสียงแล้วทุกคนก็รีบออกมาจากตรงนั้น เป่าเป้ยหลบมานั่งเรียกสติตัวเองก่อนจะนึกอะไรออก ตอนนี้เธอยืนเก้กังอยู่หน้าสวนต้องห้ามที่มีทางหินกรวดก้อนเล็ก ๆ ทอดยาวเข้าไป สองข้างทางมีแท่งโคมไฟตั้งตามแนวทางตลอด อากาศข้างในนั้นค่อนข้างเย็นไม่น้อย เพราะขนาดเธอยืนอยู่หน้าสวนยังได้รับไอเย็นฉ่ำเลย
"อ๊ะ.. มีคนมา ทำไงดี" เป่าเป้ยหันซ้ายหันขวาก่อนจะกลั้นใจวิ่งเข้ามาในสวนต้องห้ามและหลบอยู่หลังพุ่มไม้ เธอรู้สึกวังเวงจนขนลุกแต่ยอมรับไม่ได้เลยว่าที่แห่งนี้เงียบสงบมาก และบรรยากาศก็น่านอนสุด ๆ ทันใดนั้นเธอก็มองเห็นศาลาไม้สมัยเอโดะตั้งอยู่กลางสวน
เด็กสาวเดินมานั่งลงบนศาลาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เธอปิดปากหาวหวอด ๆ ก่อนจะเอนตัวไปพิงเสาแล้วผล็อยหลับไปอย่างไม่ตั้งใจ
06:00
อชิเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาในสวนเฉกเช่นทุกวันหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าวันนี้กลับไม่ปกติเหมือนทุกวัน เขาขมวดคิ้วเพ่งมองหญิงสาวผู้หนึ่งที่นั่งหลับพิงเสาอยู่แต่ก็ต้องคลายหัวคิ้วเมื่อเพ่งมองจนแน่ใจแล้วว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้น
อชิเดินเข้ามานั่งลงบนเบาะในศาลาแล้วเปิดหนังสืออ่านเงียบ ๆ ขณะที่เป่าเป้ยนั่งสัปหงกอยู่ข้าง ๆ ผ่านไปนานเกือบหนึ่งชั่วโมงที่เด็กสาวหลับไป
"อื้อ~" เสียงครางหวานดังขึ้นเรียกความสนใจจากอชิให้หันมามอง ยากูซ่าหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายกาจแล้วเอ่ยขึ้น
"เธอฝ่าฝืนกฎ"
"อ๊ะ! คะ.. คุณ"
"…"?
"เอ่อ.. เขาไม่ให้เข้ามาในนี้นะคะ รีบออกไปเถอะค่ะ" มือเรียวเล็กคว้าท่อนแขนแกร่งอย่างกล้าหาญโดยไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป อชิก้มมองมือของเป่าเป้ยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
"เธอ!" แต่ไม่ทันที่อชิจะได้ตอบกลับ เสียงเข้มจัดของเคนจิก็ดังขึ้นพร้อมกับดาบซามูไรที่เขาชักออกมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น สายตาที่อชิส่งมาทำให้เคนจิต้องหยุดการกระทำทุกอย่าง ผู้เป็นนายส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงขณะที่มือเรียวเล็กยังจับแขนเขาไว้แน่น
"พวกเราขอโทษนะคะ ที่เข้ามาในนี้ จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ"
"บังอาจมาก!"
"…" อชิเอียงคอมองเคนจิเพียงนิด แล้วเขาก็ถูกเป่าเป้ยลากแขนออกมาจากสวนไร้กังวล
"พี่คนนั้นนี่เอง อย่าเข้าไปในนั้นอีกนะคะ ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนต้องไปตามหนูในสวนต้องห้ามนั้น"
เขาอยากจะขำดัง ๆ ให้กับคำพูดของเด็กสาว คิดได้ยังไงว่าเขาเข้าไปตามเธอในสวนต้องห้ามนั่น ทั้งที่ตัวเองเป็นคนฝ่าฝืนกฎแท้ ๆ
"ทีหลังอย่าทำอีก เพราะฉันไม่ชอบคนที่ทำผิดซ้ำซาก" ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังแล้วหันหลังให้หมายจะเดินออกมาแต่ทว่าเป่าเป้ยกลับดึงชายเสื้อเขาไว้
"พี่ชื่ออะไรเหรอคะ"
"ฉันไม่มีชื่อ"
"หนูเรียกพี่.. พี่คนหล่อได้ไหม"
"…เพราะดี"
"หนูเป่าเป้ยนะคะ ขอโทษพี่คนหล่อที่ทำให้ลำบากใจไปด้วย ขอโทษจริง ๆ ค่ะ" เด็กน้อยเจ้าของรอยยิ้มหวานก้มศีรษะลงทำความเคารพรุ่นพี่และแอบโบกมือลาเมื่ออชิเดินออกไป
"หึ.."