ตอนที่ 9 - พนักงานใหม่ของโรงแรม
วันที่หนึ่งของเดือนต่อมา พลอยใสตื่นแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัว วันนี้ป้าแหวนเข้าครัวทำอาหารแต่เช้า พอเธอลงมาในห้องครัวกับข้าวก็แล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว
พลอยใสนั่งกินข้าวกับยายมณีก่อนจะออกจากบ้าน แล้วตรงมายังโรงแรมสุดหรูที่ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานแห่งแรกของเธอ
เช้าวันนี้รถติดเป็นอย่างมาก ขนาดกะเวลาออกจากบ้านเผื่อไว้แล้วครึ่งชั่วโมงแท้ๆ แต่จนป่านนี้ที่เข็มนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเจ็ดนาฬิกาสี่สิบห้านาที และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงเวลาเข้างานของเธอแล้ว แต่นี่ก็ยังอีกตั้งไกลกว่าจะเดินทางไปถึงที่โรงแรม
พลอยใสนั่งอยู่ในรถด้วยความกระวนกระวายใจ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาแทบจะทุกสามนาที พอรถเริ่มเคลื่อนตัวได้คล่องเธอก็รีบบอกกับคนขับทันที “พี่คะเร่งให้หน่อยนะคะ หนูจะเข้างานสายแล้วค่ะ”
“ครับผม” คนขับรถแท็กซีตอบรับลูกค้าสาวแล้วเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ดีที่หลังจากรถติดเมื่อครู่ก็ไม่มีที่ไหนติดอีกเลย พลอยใสจึงมาถึงหน้าสถานที่ทำงานในวันแรกเวลาเจ็ดนาฬิกาห้าสิบห้านาที
แต่อีกแค่ห้านาทีเท่านั้นเธอก็จะเข้างานไม่ทันแล้ว
พลอยใสรีบวิ่งเข้าไปในโรงแรม เร่งฝีเท้าตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสองที่ถูกจัดเป็นสถานที่ทำงานของแผนกต่างๆ ให้อยู่รวมกันในชั้นนั้น
เธอรีบวิ่งเข้าไปจับจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดพอดี จึงได้ยื่นนิ้วไปจิ้มที่ปุ่มลูกศรที่ชี้ขึ้นด้านบนเพื่อสั่งให้ประตูเปิด แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์
ด้านในนั้นมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนอยู่อีกสองคน ลักษณะการแต่งตัวค่อยข้างดี ใส่สูทผูกไทค์ทั้งคู่ แล้วชายคนที่ดูมีอายุมากกว่าอีกคนก็ยกแขนขึ้นมากั้น ราวกับกลัวว่าเธอจะพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอก็แค่จะอาศัยลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นสองเท่านั้นเอง
พลอยใสหันกลับไปมองด้านข้างของประตูลิฟต์เพื่อที่จะกดหมายเลขชั้น แต่ปรากฏว่าไฟที่แสดงหมายเลขของคนที่มาก่อนอยู่ที่หมายเลขสองพอดี แต่ด้วยความที่เธอเป็นพนักงานใหม่ และสองคนนั้นก็ดูลึกลับเข้าถึงยากเป็นอย่างมาก พลอยใสเลยไม่กล้าที่ถามว่าพวกเขาก็เป็นพนักงานของโรงแรมนี้ใช่หรือไม่
ประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็รีบก้าวออกจากลิฟต์พร้อมกับมองหาแผนกฝ่ายขายทันที แต่ดีที่เจอดาหวันหัวหน้าแผนกกำลังเดินเข้าไปพอดี เธอเลยรีบวิ่งเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะพี่ดาหวัน” พลอยใสยกมือไหว้สาวรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าของเธอ
“อ้าวพลอยใสเพิ่งมาถึงเหรอ มา เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำให้รู้จักกับคนในทีม” ดาหวันพูดจบก็เดินนำเข้าไปในแผนกโดยที่เธอก็ไม่ได้สังเกตว่ามีคนเดินตามหลังพลอยใสมาแบบห่างๆ
ระหว่างที่เดินดาหวันก็เริ่มอธิบายไปด้วยว่าแผนกฝ่ายขายทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาด เพราะต้องวางแผนงานร่วมกันจึงได้จัดห้องทำงานอยู่ในโซนเดียวกัน แค่มีฝ้าแบ่งกันพื้นที่ตรงกลางไว้แค่นั้น แต่ก็เดินไปมาหากันได้สะดวก
ดาหวันเริ่มแนะนำจากหัวหน้าและคนในทีมของฝ่ายการตลาดให้พลอยใสรู้จักก่อน จากนั้นจึงวกกลับมาที่แผนกฝ่ายขายของพวกเธอ
แผนกฝ่ายขายมีทีมงานอยู่ไม่ถึงสิบคน แต่คนที่จะคอยสอนงานพลอยใสมีอยู่สองคน
“พลอยใสจ๊ะ นี่รุจน์กับใบเตย ทั้งสองคนจะคอยสอนงานเรานะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามสองคนนี้ได้เลย หรือไม่ก็เข้าไปหาพี่ในห้องก็ได้” ดาหวันแนะนำรุ่นพี่ทั้งสองคนให้พลอยใสรู้จัก
“สวัสดีค่ะพี่รุจน์ พี่ใบเตย หนูชื่อพลอยใสค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” พลอยใสยกมือไหว้ทั้งสองคน พร้อมกับรอยยิ้มหวานแสดงความเป็นมิตร
“หวัดดีครับ” รุจน์เอ่ยทักทายเด็กใหม่ขึ้นมาก่อน
“หวัดดีจ้ะพลอยใส” ตามมาด้วยสาวรุ่นพี่อย่างใบเตย
โต๊ะทำงานของพลอยใสจะเป็นโต๊ะแรก ถัดมาก็จะเป็นโต๊ะของใบเตยและรุจน์
ตลอดอาทิตย์แรกของการทำงาน ทั้งรุจน์และใบเตยก็ผลัดเปลี่ยนกันมาสอนงานน้องใหม่อย่างพลอยใส ทั้งสอนติดต่อลูกค้า ส่งอีเมล บางครั้งก็พาออกนอกสถานที่ไปศึกษาและดูวิธีการคุยกับลูกค้าแบบซึ่งหน้า เพื่อให้เธอเรียนรู้และนำไปปฏิบัติตาม
พลอยใสเป็นคนเรียนรู้ได้ไว ทั้งสองคนแทบไม่ต้องเหนื่อยในการสอนงานหลายรอบ แค่สอนเธอรอบเดียวพลอยใสก็เข้าใจและสามารถทำด้วยตัวเองได้แล้ว
ในทุกๆ เช้าพลอยใสมักจะห่อขนมที่ยายมณีทำมาจากที่บ้าน และนำมาแบ่งปันให้กับพวกรุ่นพี่ในที่ทำงานเป็นประจำ จนทุกคนต่างก็เอ็นดูและซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเธอ
พลอยใสไม่คิดว่าการมีน้ำใจคือการประจบประแจง แต่มันคือการแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมงานต่างหาก เพราะในบางงานที่เธอไม่รู้ พวกรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนก็จะคอยสอนเธอเป็นอย่างดี ทุกคนต่างก็มีน้ำใจกับเธอ อะไรที่เธอพอจะตอบแทนน้ำใจนั้นได้ เธอก็จะทำ จนติดเป็นนิสัยแบบนี้อยู่เรื่อยมา
พลอยใสเข้ามาทำงานเป็นอาทิตย์ที่สาม เธอปรับตัวเข้ากับสถานที่ทำงานได้เป็นอย่างดี และตอนนี้ก็ยิ่งสนิทกับรุจน์และใบเตยเป็นอย่างพิเศษเพราะได้ทั้งสองคนคอยสอนงานอย่างไม่หวงวิชาเลยสักนิด แถมยังพูดคุยเป็นกันเองเอามากๆ
ทั้งสามคนทำงานเข้าขากันได้ดีเกินคาด หัวหน้าแผนกอย่างดาหวันที่เห็นความตั้งใจของลูกน้องทั้งสามคนที่มุ่งมั่นในการติดต่อหาลูกค้าใหม่ให้กับโรงแรมก็แอบปลื้มใจอยู่ไม่น้อย เธอคิดไว้ไม่มีผิดว่าพลอยใสคือคนที่ทำงานมีประสิทธิภาพและร่วมงานกับคนในทีมได้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่แค่เธอที่เอ่ยปากชม ขนาดปรางทิพย์หัวหน้าฝ่ายการตลาดที่ได้ทำงานร่วมกับทีมของเธอก็ยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก ถึงความสามารถของพลอยใสที่เรียนรู้งานได้ไวเช่นเดียวกัน